“สนธิรัตน์” ตามติดสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกจากวิกฤติน้ำมันซาอุฯ นัดประชุมกบง.วาระเร่งด่วนพรุ่งนี้ เตรียมดึงกลไกกองทุนน้ำมันฯช่วยลดผลกระทบ ประชาชน หลังราคาปรับขึ้น 1 บาทต่อลิตร พร้อมระดมทุกหน่วยงานซ้อมแผนฉุกเฉิน 19 ก.ย.
กรณีซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะมีผลต่อปริมาณและราคาน้ำมันทั่วโลก ทางกระทรวงพลังงานเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทั้งด้านการนำเข้า ปริมาณสำรอง และการดูแลเรื่องราคาพลังงาน พร้อมนัดประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) นัดพิเศษ เพื่อเร่งวางมาตรการป้องกันล่วงหน้า หากกระทบราคาในประเทศรุนแรง และระดมทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องซ้อมแผนฉุกเฉินวันที่ 19 กันยายนนี้ สมมุติเหตุการณ์ให้สอดคล้องเหตุการณ์จริง เพื่อคาดการณ์ และวางมาตรรองรับ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีซาอุดิอาระเบียถูกโจมตีโรงกลั่นน้ำมันว่า ในความเป็นจริงแล้วจุดที่ถูกโจมตีไม่ได้เป็นที่ตั้งโรงกลั่นน้ำมัน แต่เป็น Crude Oil Processing Facility หรือ โรงงานที่ทำหน้าที่กำจัดสารต่างๆ ที่ไม่ต้องการ เป็นเหมือนกระบวนการทำความสะอาด ออกจากน้ำมันดิบ ก่อนส่งต่อไปยังผู้ซื้อของบริษัท Aramco (อารามโค)
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะอยู่ในความควบคุมได้แล้วก็ตาม แต่กระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง และเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนไม่ให้เกิดความวิตกกังวล
โดยกระทรวงพลังงานเตรียมการดังนี้
1.ด้าน Supply มีการบริหารจัดการด้าน Supply หรือการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันไทยพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศซาอุดิอาระเบียประมาณ 170,000 บาเรลล์ต่อวันจากปริมาณนำเข้าทั้งประเทศ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ดังนั้นจึงเป็นตัวเลขที่ไม่น่ากังวล
ทั้งนี้เพราะหากไม่สามารถนำเข้าจากซาอุดิอาระเบียได้ตามปริมาณดังกล่าว ก็สามารถกระจายการนำเข้าจากแหล่งอื่นได้ ปัจจุบันการนำเข้าของไทยค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ รวมถึงกาต้าร์ โอมาน อัฟริกา เป็นต้น
2.ด้านปริมาณสำรอง ปัจจุบัน ณ วันที่ 16 กันยายน 2562 ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 3,366 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,193 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,848 ล้านลิตร รวมจำนวนวันที่สามารถใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ทั้งหมด 54 วัน
ส่วนปริมาณสำรองก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนมีประมาณ 131 ล้านกิโลกรัม สำรองได้ 23 วัน แต่หากรวมการใช้แอลพีจีของภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่งแล้วจะทำให้จำนวนวันสำรองที่ใช้แอลพีจีได้อยู่ที่ 12 วัน
3.ด้านราคา ได้มีการประเมินเบื้องต้นโดยทำแบบจำลองสถานการณ์ไว้ว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้ออยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ จะทำให้อัตราราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือกระทบราคาขายปลีก 1 บาทต่อลิตร หากยืดเยื้อราว 2 – 6 สัปดาห์ ราคาจะปรับขึ้น 5-15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับขึ้นทุกๆ 1 ดอลลาร์ มีผลต่อราคาขายปลีกในประเทศ 20 สตางค์ต่อลิตร
“ส่วนของการบริหารจัดการด้านราคา เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือการควบคุมนั้น กระทรวงพลังงานได้ตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง”
โดยวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) จะนัดประชุมกบง.วาระพิเศษ เพื่อดูแนวโน้มราคาให้ชัดเจนอีกครั้ง เพราะภายหลังเกิดเหตุการณ์ ราคาปรับขึ้นมา 12% หรือ 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแต่ล่าสุดน้ำมันดิบปรับลดลงแล้วจาก 71 ดอลลาร์ เหลือ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และจากมาตรการต่างๆที่เราวางไว้ จึงมั่นใจว่า “เอาอยู่”
ทั้งนี้การหารือในกบง.จะเป็นการวางมาตรการป้องกันผลกระทบที่มีต่อค่าครองชีพของประชาชน โดยจะดูว่าจะนำกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเงินอยู่ 39,000 ล้านบาทมาช่วยบรรเทาผลกระทบอย่างไร
นอกจากนี้ ในวันที่ 19 กันยายนนี้ จะมีการระดมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภายในกระทรวงพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน ตำรวจ เป็นต้น เพื่อซักซ้อนแผนฉุกเฉินให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง
dad เมื่อไหร่ ประเทศนี้จะมี รถ EV ราคาถูก แบบจีน คนเค้าจะได้ไม่ต้อง กังวล เรื่องราคาน้ำมัน สักที
16 ก.ย 2562 เวลา 10.44 น.
ดูทั้งหมด