"ทนายบอส” เผยผ่านสื่อครั้งแรก! เยียวยาครอบครัว “กลั่นประเสริฐ” ทั้งเงินและจิตใจ สร้างอุโบสถมูลค่า 8 ล้าน ตามความประสงค์ “ดาบวิเชียร” ก่อนเสียชีวิต ด้าน “ญาติ” บอกไม่ติดใจเรื่องคดี พร้อมวอนขออยากให้ผู้ตายจากไปอย่างสงบ
จากกรณีที่มีกระแสเรียกร้องให้ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ซึ่งถูกนายวรยุทธ ขับรถยนต์ชนจนเสียชีวิต เมื่อปี 2555 และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมนั้น
นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความประจำครอบครัวอยู่วิทยา ให้สัมภาษณ์ว่าครอบครัวของนายวรยุทธ ได้รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของ ด.ต.วิเชียร ด้วยการเยียวยาเป็นมูลค่าเงิน 3 ล้านบาท ผ่านนายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายของ ด.ต.วิเชียร นอกจากนั้นยังจัดพิธีศพให้เป็นมูลค่า 5 แสนบาท, ชดใช้ค่าวิทยุสื่อสารของตำรวจที่สูญหาย และซ่อมรถจักรยานยนต์ตำรวจให้ รวมถึงได้ทำตามความประสงค์ของ ด.ต.วิเชียร ก่อนเสียชีวิต ที่ต้องการทำบุญบูรณะและสร้างอุโบสถ โดยทางครอบครัวอยู่วิทยาได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นที่วัดศรีบุญเรือง จ.สกลนครมูลค่า 8 ล้านบาทเพื่ออุทิศให้ดาบตำรวจวิเชียรฯ ที่เสียชีวิต และร่วมบริจาคเงินให้กับมูลนิธิเพื่อการกุศลต่างๆ ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยแจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนหรือสาธารณะและการเยียวยาเป็นตัวเงินและจิตใจดังกล่าวไม่เคยหวังผลทางคดี
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า การเยียวยาทั้งตัวเงินและจิตใจนั้นครอบครัว ด.ต.วิเชียร พอใจ เพราะนายพรอนันต์เคยเขียนจดหมายขอบคุณครอบครัวนายวรยุทธที่ช่วยจัดการงานศพ และช่วยเหลือญาติๆ ของด.ต.วิเชียร พร้อมระบุว่าเหตุการณ์สูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ติดใจเอาความ พร้อมอโหสิกรรมให้กับนายวรยุทธและฝากเตือนให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ
“กระแสข่าวที่โจมตีฝั่งนายบอสนั้น คือ การฟังความข้างเดียวและได้ร้บข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้อง หากทำใจเป็นกลางและพิจารณารายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้น ด.ต.วิเชียร ขับรถตัดหน้ารถกะบะจากเลนซ้ายสุดไปเลนที่3 ทำให้เกิดการชนกันในเลนขวาสุด โดยเป็นเหตุสุดวิสัย และสามารถยกฟ้องได้ ดังนั้น เมื่อคนคิดว่าชนแล้วต้องผิด แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือไม่ใช่ เราใช้ช่องทางตามกฎหมายในการร้องขอความเป็นธรรม คุณบอสเขาไปรายงานตัวตามนัดทุกครั้ง และเมื่อเขาไปต่างประเทศ คุณออกหมายจับและถอนพาสปอร์ตเขา แบบนี้เขาจะกลับเข้าประเทศได้อย่างไร” นายสมัคร กล่าว
ทนายความครอบครัวอยู่วิทยา กล่าวด้วยว่า ในการต่อสู้คดีต้องทำทุกวิถีทางและสู้คดีทุกขั้นตอน ตั้งแต่ชั้นสอบสวนและอัยการ เพราะหากไปต่อสู้ในชั้นศาลแล้วศาลระบุว่าทำไมไม่ต่อสู้ในชั้นสอบสวนอาจเป็นเหตุให้ศาลไม่รับฟังพยานหลักฐานได้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการวินิจฉัยเรื่องคดีว่าไม่ผิด หรือตำรวจบอกว่าสำนวนนี้ไม่ผิด ไม่ใช่ความผิดของทนายหรือนายวรยุทธ เพราะเป็นหน้าที่ที่อัยการจะวินิจฉัย แต่หากอัยการบอกว่าผิดต้องไปสู้กันต่อที่ศาล ดังนั้น ตนขอวิงวอนให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริง และวางใจเป็นกลาง ไม่ใช่มองว่าเพราะเป็นลูกคนรวยแล้วรอดคดี
ขณะที่ นายใหม่ กลั่นประเสริฐ อดีตกำนันตำบลเกาะหลัก ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ ด.ต.วิเชียร วัย 75 ปี ให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ตนทราบว่าหลังจาก ด.ต.วิเชียรเสียชีวิต ได้รับเงินเยียวยาแล้ว จำนวน 3 ล้านบาท และแบ่งให้ญาติทั้ง 4 คนๆ ละ 7 แสนบาท และภรรยาจำนวน 2 แสนบาท นอกจากนั้น ยังได้ทำหนังสือสัญญาว่าจะไม่ฟ้องร้องค่าเสียหายใดๆ อีก ทั้งนี้ ตนไม่ทราบรายละเอียดของการเยียวยาด้านอื่นๆ เพราะตนอยู่แต่ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้เข้ากรุงเทพ ซึ่งกรณีดังกล่าว นายพรอนันต์ ซึ่งเป็นพี่ชายได้เป็นผู้ดำเนินการเรื่องทั้งหมด
“ผมไม่มีความรู้ทางกฎหมายและไม่ได้ยุ่งเกี่ยว แต่ทราบว่าเมื่อได้รับการเยียวยาครอบครัวก็พอใจ ส่วนคดีความนั้นทางญาติไม่ติดใจอะไร เมื่อให้มาเท่านี้ก็พอใจ เพราะตระกูลเราไม่ได้ร่ำรวย ส่วนการฟ้องร้องหรือเรียกร้องอะไรนั้นไม่อยากให้ต่อความยาวสาวความยืดกันอีกต่อไปแล้ว เพราะอยากให้ผู้เสียชีวิตได้จากไปอย่างสงบ” นายใหม่ กล่าว
ทางด้านนางณัฐนันท์ กลั่นประเสริฐ ภรรยาของ นายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ และในฐานะพี่สะใภ้ ด.ต.วิเชียร ให้สัมภาษณ์ยอมรับต่อการได้รับเงินเยียวยาจากครอบครัวอยู่วิทยา จำนวน 3ล้านบาทซึ่งเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างทนายของครอบครัวอยู่วิทยาและครอบครัวของ ด.ต.วิเชียร นอกจากนั้นได้ช่วยจัดงานศพให้ ส่วนรายละเอียดเยียวยาด้านอื่นๆ เช่น สร้างโบสถ์ ทำบุญนั้น ไม่รับทราบ แต่ทางญาติได้นำเงินสร้างศาลาวัดที่ต่างจังหวัด ส่วนเป็นจังหวัดใดนั้นไม่ขอเปิดเผย แต่ได้ระบุอุทิศกุศลนั้นให้กับ ด.ต.วิเชียร พร้อมทั้งบิดาและมารดาของ ด.ต.วิเชียร
“ขณะนี้นายพรอนันต์อยู่ระหว่างการรักษาอาการของเส้นเลือด ตนจึงไม่ต้องการให้รับรู้รายละเอียดใดๆ เพราะไม่ต้องการให้มีภาวะเครียดซึ่งจะส่งผลต่อความดันและเป็นอันตรายได้ อีกทั้งการต่อสู้คดีนี้คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของอัยการและกระบวนการยุติธรรม เพราะครอบครัวของตนจะไม่ฟ้องร้องอะไร เพราะต้องทำงาน ปล่อยให้คนตายได้ตายอย่างสงบ ดิฉันไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เพราะตามกฎหมายไม่ใช่ทายาทหรือผู้สืบสันดาน จึงหมดสิทธิ์ฟ้องร้อง อีกทั้งเคยทำสัญญาว่าจะไม่ฟ้องร้องค่าเสียหายทั้งทางอาญาและทางแพ่งเพิ่มเติมอีก”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ญาติ'ดาบวิเชียร'ไม่ติดใจ'บอส อยู่วิทยา' เยียวยา 3 ล้านบาท-คดีเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่
ณรงค์ศักดิ์ ประเด็นพวกเราไม่ใช่อยากเห็นบอสติดคุกเพื่อความสะใจอะไรครับสาระสำคัญตอนนี้มันอยู่ที่ว่าเราต้องดำรงค์ความศักดิ์สิทธิ์แลเเท่าเทียมกันทาง กม.ด้วยศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต้องอยู่บนพื้นฐานเดียวกันนั่นคือประเด็น
12 ส.ค. 2563 เวลา 08.56 น.
สจ.. เยียวยาส่วนเยียวยา คดีต้องเข้าสู่ศาลจะติดกีปีก็ว่าไปไม่ใช่คุกมีไว้ขังเฉพาะคนจน
12 ส.ค. 2563 เวลา 08.30 น.
phiboon ลูกความคุณลากศพเขาเหมือยหมูเหมือนหมา
ถ้าเป็นลูกเมียคุณ เขาสร้างวัดให้เมียกับลูกคุณ คุณจะยกโทษไม่เอาเรื่อเขาไหม
12 ส.ค. 2563 เวลา 08.27 น.
แฮปปี้แลนด์ ทนายหัว.....เหลี่ยมเยอะจัง
12 ส.ค. 2563 เวลา 08.59 น.
yut อมวัดมาพูดก็ม่ายเชื่อออ...
12 ส.ค. 2563 เวลา 08.55 น.
ดูทั้งหมด