ในที่สุดก็ถูก ”เจาะยาง” ที่แนวรบด้านตะวันออก หลังจากคณะทหารอากาศของประเทศอียิปต์ ฝ่าฝืนมาตรการคุมพื้นที่ของจังหวัดระยอง ใช้รถสาธารณะเที่ยวห้างสรรพสินค้าภายในเทศบาลเมืองหลายชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของสาธารณสุขจะใช้ความพยายามในการขอเข้าตรวจเก็บตัวอย่างด้วยการ Swap หรือที่เข้าใจง่ายคือ “ควานจมูก” เพื่อความปลอดภัยของคนจังหวัดระยอง ซึ่งต้องลุ้นการสอบสวนโรค และการเข้ารับการตรวจคัดกรองของประชาชนในพื้นที่โดยรอบ
โลกโซเชียลมีเดียเริ่มทำงาน ในการวิเคราะห์ เชื่อมโยง กับการออกมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 5 โดยเฉพาะการให้อำนาจ ศบค.ในการพิจารณาอนุมัติการเดินทางเข้าประเทศของคณะวีไอพี แขกต่างประเทศ ฯลฯ เป็นรายกรณี หลังจากที่ ศบค.ได้อนุมัติให้คณะของ พล.อ.เจมส์ แมคคอลวิลล์ ผบ.ทบ.สหรัฐ แขกของกองทัพบกไทย เดินทางเข้าพบและลงนามในแถลงการณ์ร่วมด้านยุทธศาสตร์ทางการทหาร
แต่ในข้อเท็จจริง “คณะของทหารอียิปต์” เป็นลักษณะของเจ้าหน้าที่ หรือ “ลูกเรือ” ที่มากับ State Aircraft จะมีการปฏิบัติตามระเบียบและมาตรการของ ศบค.ที่ต้องมีใบอนุญาต ใบรับรองแพทย์จากต้นทาง ผ่านการคัดกรองที่ด่านตรวจโรคภายในท่าอากาศยานฯ ด้วยการตรวจแบบการเฝ้าระวังและสอบสวนโรค หรือ PUI ซึ่งไม่ได้มีการ “จิ้มจมูก” จากนั้นจะส่งไปที่โรงแรมซึ่งจัดเป็น State quarantine เพื่อควบคุมพื้นที่ไม่ให้ออกไปเพ่นพ่าน ก่อนที่จะเดินทางกลับออกไปเพื่อพักผ่อนตามกำหนดการระหว่างการเดินทางข้ามทวีประยะทางไกล
ต่างจากคณะ “วีไอพี” อย่าง ผบ.ทบ.สหรัฐที่ต้องเข้าพบบุคคลสำคัญ มีกิจกรรมในการพบปะ เยี่ยมกำลังพล ดูงานในหน่วยงานของรัฐ ที่ต้องผ่านการตรวจแบบ “จิ้มจมูก” มีผลจากห้องปฏิบัติการออกมาภายใน 3-5 ชั่วโมง
เมื่อมีการนำมาผูกโยงเป็นคำว่า “อภิสิทธิ์ชน” ที่ ผบ.ทบ.สหรัฐชิมลางให้เป็นตัวอย่างคณะแรกๆ มีการโชว์มาตรการเข้ม ขึงขังในการเฝ้าระวังโรคออกมา ดังนั้น “คณะทหารอียิปต์” ที่ดันทะลึ่งออกไปนอกพื้นที่ควบคุม จึงถูกเหมารวมว่าเป็นช่องโหว่ที่ ศบค.ออกมายกเว้นให้ “วีไอพี” เข้าประเทศ แถมสถานะความเป็นทหารที่ถูกมองในแง่ลบอยู่แล้ว ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า ข้อยกเว้นที่ออกมากำลังกำลังส่งผลต่อความไม่ปลอดภัยของคนไทย
หลังจากการเปิดเผยของ ศบค. เรื่องการตรวจพบการติดเชื้อของทหารอียิปต์เพียงไม่กี่ชั่วโมง ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งติดแฮชแท็ก “อีแดงต้องกราบตีนคนไทย” จนบานปลายไปแบบคนละเรื่องเดียวกัน กว่าที่กองทัพบกจะออกมาชี้แจงว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ เวลาก็ล่วงเลยไปมาก จนกระทั่งมีความชัดเจนถึงขั้นตอนการอนุมัติที่เกี่ยวข้องกับใครบ้างในช่วงค่ำ
(ภาพp21)
ภาพ: ทวิตเตอร์แหม่มโพธิ์ดำ
“กองทัพอากาศ” กลายเป็นเหล่าทัพที่ถูกพุ่งเป้าตั้งคำถามในการลงนามให้มีการแวะพัก จากการขอผ่านขั้นตอนพิธีการทูต ผ่านมาทางกระทรวงการต่างประเทศ และคำชี้แจงระบุว่า ภารกิจอากาศยานอียิปต์เป็นภารกิจบินเดินทางประจำในลักษณะการบินของอากาศยานของรัฐ/State Aircraft จากต้นทางถึงปลายทาง เป็นความชอบธรรมทางกฎหมายในการขอลงจอดเพื่อเติมน้ำมัน พักเครื่องและลูกเรือ เฉกเช่นการบินของอากาศยานของประเทศไทยที่สามารถจะประสานขอลงจอด พักเครื่องและลูกเรือในระหว่างต้นทางถึงปลายทางได้
หากดูกระบวนการอนุมัติแล้วเป็นเรื่อง “รูทีน” ในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน แต่ “จุดอ่อน” คือเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติ รวมไปถึงข้อยกเว้นในมาตรการ เช่น คณะวีไอพีไม่ต้องกักตัว 14 วัน หรือขั้นตอนของลูกเรือที่แวะพักไม่ต้องตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการ และใช้วิธีการตรวจใบรับรองการตรวจมาจากประเทศต้นทาง ซึ่งไม่สามารถรับประกันการคัดกรองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ยิ่งระบบการควบคุมของพื้นที่ต่างจังหวัด ตามคำสั่ง ศบค. เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2563 มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจ/คณะทำงาน/ออกกฎ ระเบียบการบริหารจัดการนั้น อาจจะยังคาดไม่ถึงกับเคส “ทหารอียิปต์” ที่ฝ่าฝืนมาตรการออกไปนอกพื้นที่ควบคุม
จากกระแสสังคมที่เริ่มคุกรุ่น เดือดดาล จากความหละหลวมที่เกิดขึ้นจากคนในภาครัฐ โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่กองทัพที่มีภาพจำเรื่อง “สนามมวย” มาตั้งแต่ต้น จึงนำไปสู่การเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบ ตั้งคำถามเรื่อง “ข้อยกเว้น-การให้อภิสิทธิ์” กับ “คณะบุคคลวีไอพี” บางกลุ่ม สวนทางกับการปฏิบัติตัวของประชาชนทั่วไป ที่ต้องทำตามมาตรการรัฐในการ “เช็กอิน-เช็กเอาต์” ใส่หน้ากากอนามัย เฝ้าระวังตัวเอง “การ์ดไม่ตก” เพื่อยืนระยะรอวัคซีนป้องกันโรค ที่คาดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะใช้การได้ แต่กลับต้องมาเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ศบค.ชุดเล็กจึงต้องดำเนินการยกเลิกเที่ยวบินของกองทัพอียิปต์ที่ยังเหลืออยู่เพื่อ “แบน” การฝ่าฝืนมาตรการของไทย รวมไปถึงการทบทวนมาตรการยกเว้นการตรวจคัดกรองอย่างเข้มข้น ไม่ต้องเข้า State Quarantine 14 วัน เพื่อลดกระแสเชี่ยวกรากที่กำลังทะลุไปไกลกว่ากองทัพ.
jindamai ถึงเวลาล็อคดาวน์ผู้บริหารประเทศบ้างแล้วกับการบริการงานผิดพลาดเช่นนี้ มันไม่เหมาะสมที่จะบริหารประเทศอีกต่อไป
15 ก.ค. 2563 เวลา 00.00 น.
Korn โควิด19 ไม่มีพรมแดนกั้นแม้นจะระดับฑูต หรือวีวีไอพี ยิ่งมาจากพวกแขกๆทั้งหลายทั้งตะวันออกกลาง อัฟริกัน ยุโรปและอเมริกา มาตรฐานการตรวจคัดกรองต่ำมากๆ เพราะเขาขาดความตระหนักเหมือนคนไทย คนไทยออกจากบ้านไปที่สาธารณะทุกแห่ง ห้ามลืมอุปกรณ์คือหน้ากาก
15 ก.ค. 2563 เวลา 01.06 น.
อนุชิตรัชชะ ปิดอีกรอบเตรียมอดตายกันเถอะประชาชนชาวไทย
14 ก.ค. 2563 เวลา 22.58 น.
เจ๊ลั้ง เอาเถอะทนถึงวันที่26กคถ้าไม่มีโควิดเพิ่มทุกคนก็คงสบายใจขึ้น...และถ้าใครไม่แน่ใจว่าระยองปลอดภัยก็ยังไม่ต้องเดินทางมาระยองนะคะ...เราอยากเห็นบ้านเมืองสงบจากคนระยองสุดท้ายก็ขอให้คนที่อยู่ระยองช่วยกันป้องกันปิดแม๊สนะคะ
15 ก.ค. 2563 เวลา 05.25 น.
สุชาติ แล้วทีนี้จะทำอย่างไรกันล่ะ ถ้ามันระบาดไปทั่ว
15 ก.ค. 2563 เวลา 00.55 น.
ดูทั้งหมด