เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ธนาคารายหนึ่งขึ้นใกล้การกับศาล ว่าเครดิตการ์ดที่เป็นของ นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เคยถูกใช้ทำธุรกรรม 800,000 ดอลลาร์(ประมาณ 25 ล้านบาท) ในวันเดียว ที่ร้านขายเพชรพลอยหรูในอิตาลี
การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเมื่อปี 2014 เป็นหลักฐานล่าสุดที่พวกนักวิจารณ์ระบุว่าเป็นวิถีการใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายของนาจิบ ท่ามกลางคำกล่าวหาว่าเขาและเหล่าคนสนิทยักยอกเงินหลวง
อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้, ครอบครัวและคนใกล้ชิดของเขา ถูกกล่าวหายักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัฐบาลมาเลเซีย 1MDB ในคดีฉ้อโกงที่ขยายวงกว้างไปทั่วโลก
คำกล่าวหาดังกล่าวคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลของนาจิบสูญเสียอำนาจในศึกเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ทั้งนี้เขาถูกจับกุมหลังพ้นจากตำแหน่งและถูกนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีในประเด็นอื้อฉาวนี้เมื่อเดือนเมษายน
ณ การพิจารณาคดีเมื่อวันจันทร์(15ก.ค.) โหยว เอง เหลียง รองประธานอาวุโสฝ่ายบัตรเครดิต กลุ่มธนาคารอัมแบงค์ เข้าเบิกความในฐานะพยาน ให้การว่าเครดิตการ์ด 2 ใบที่เป็นของอดีตนายกรัฐมนตรีเคยถูกใช้ทำธุรกรรม 3.3 ล้านริงกิต(ราว 803,000 ดอลลาร์หรือประมาณ 25 ล้านบาท) ที่ร้านอัญมณีหรูหรา De Grisogono ของสวิตเซอร์แลนด์สาขาในอิตาลี เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2014 แต่เขาไม่ได้เปิดเผยว่ามันถูกใช้ซื้ออะไร
นอกจากนี้แล้วบัตรเครดิตทั้ง 2 ใบยังเคยถูกใช้จ่าย 460,000 ริงกิต(ราว 3.5 ล้านบาท) ที่ร้านชาแนลในฮาวายและอีกกว่า 120,000 ริงกิต(ราว 8 แสนบาท) ที่โรงแรมแชงกรีลา ในกรุงเทพฯ โดยสองรายการนี้ได้รับการชำระในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2015
นาจิบ ปกป้องการใช้จ่ายมือเติบในอิตาลีว่า "มันเป็นการใช้จ่ายสำหรับซื้อของขวัญแก่สมาชิกเชื้อพระวงศ์ระดับสูงในรัฐบาลหนึ่งและคณะผู้ติดตามของพระองค์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศของเรา" เขาเขียนชี้แจงบนเฟซบุ๊ก "มันเป็นเรื่องปกติที่มีการมอบของขวัญแก่ผู้นำรัฐบาลอื่นๆ"
อดีตนายกรัฐมนตรีรายนี้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาที่มีต่อตัวเขา
กระบวนการพิจารณาคดีในปัจจุบันเป็นเพียงแค่คดีแรกในอีกหลายคดีที่คาดหมายว่านาจิบจะต้องเผชิญเกี่ยวกับกองทุน 1MDB และแก่นกลางของเรื่องอื้อฉาวนี้ก็คือคำกล่าวหายักยอกเงิน 42 ล้านริงกิตไปจาก จากบริษัท SRC International ที่ขณะนั้นเป็นบริษัทลูกของ 1MDB
ช่วงหลายปีที่อยู่ในตำแหน่ง นาจิบและรอสมาห์ มันซอร์ ภรรยาที่ชีวิตติดหรูและตั้งข้อหาฉ้อโกงเช่นกัน กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเน่าเฟะในชนชั้นสูงของมาเลเซีย โดยหลังการเลือกตั้ง ตำรวจพบของมีค่ามากมาย ทั้งเงินสด, เพชรและกระเป๋าถือหรูแบรนด์เนม มูลค่ากว่า 273 ล้านดอลลาร์ ตามบ้านและที่พักต่างๆที่เชื่อมโยงกับทั้งคู่
พี่ไทยก้อไม่น้อยรอน้ำลดเดี๋ยวตอก้อคงผุดอีกเพียบทุกวันนี้คนไทยแทบไม่กล้าใช้เงินแล้วเศรษฐกิจจะไปในทิศทางไหนยังไม่รู้เลยพยายามนิ่งมากๆไม่งั้นอาจจะอดตายหนี้สินภาคครัวเรือนเยอะมาก
16 ก.ค. 2562 เวลา 21.37 น.
KTP โกงแล้วไม่ผิด ไม่มีการให้เอาเงินมาคืน ไม่มีความผิดอะไร ไม่ติดคุก แค่ถูกกล่าวหาว่าโกงเฉยๆ โกงจริงป่าวก้อไม่รู้ ใครๆก้ออยากโกง ผมก้ออยากโกงบ้าง รวยดี จะซื่อสัตย์ไปทำห่าอะไร แต่เสียดายผมไม่ใช่คนมีตำแหน่งใหญ่โต ไม่อยู่ใกล้กับงบประมาณเยอะๆ ไม่งั้นกูจะโกงให้เช็ดเลย ง่ายๆ ไปรษณีย์คูคต จะดูดิ๊ว่าไอ้คนโกง มันจะโดนความผิดอะไร ขนาดมีหลักฐานชัดๆ พัดลม ห้องส้วม โครงการตามหมู่บ้านสารพัดโครงการ ห่วยโคตร เจ้าหน้าที่แห่งประเทศกะลาแลนด์ ดินแดนแห่งการคดโกง น่าเศร้าแต่ทำอะไรไม่ได้
16 ก.ค. 2562 เวลา 17.05 น.
KANUENGSAG ของไทยก็ไม่ธรรมดาครับ ยืมนาฬิกาเป็นว่าเล่น. เลือกตั้งสว.ลากตั้งก็โหวดให้ตั่ง250เต็มเหยียด สส.ก็หักหลังประชาชนบานเบอะ ยังว่าแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ กติกาเดียวกันแต่รธน.นี้ออกแบบมาเพื่อเรา หมดคำพูดกฏหมายดิ้นได้ ยกเว้นไปทั่ว กรรมประเทศไทยต้องมาได้รัฐบาลแบบนี้ กรรมเวรคงมีจริง สาธุ
16 ก.ค. 2562 เวลา 16.28 น.
กฤติเดช สุขเนืองนอง นาจิบ คอรัปชั่นยิ่งกว่า ไดร์โว่ ไม่แปลกใจ มาเลเซีย ที่ผ่านมาจึงเป็นที่หมายปองของบริษัทข้ามชาติ เงินฟาด ฉลุยทุกโครงการ แม้ มหาเธร์ จะเป็นผู้นำคนใหม่ ฟันธง!ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี มาเลย์ถึงฟื้น และต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ผู้นำมือสะอาด
16 ก.ค. 2562 เวลา 16.24 น.
ดูทั้งหมด