"รมว.ยุติธรรม" ควง "ปลัด ยธ." ตรวจความพร้อมการประมูลทรัพย์ หลังหยุด 3 เดือน เพราะพิษ "โควิด" คาดได้เงินค่าธรรมเนียมเข้าแผนดินกว่า 500 ล้านบาท พร้อมเร่ง "กรมบังคับคดี" อธิบายแนวทางช่วยเหลือ SMEs
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เดินทางตรวจความพร้อมการเปิดขายทอดตลาดทรัพย์สินทั่วประเทศ ที่จะเริ่มขายตั้งแต่วันจันทร์ที่ 1 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป หลังปิดการประมูลทรัพย์มา 3 เดือน จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 โดยมี นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีและผู้บริหารกรมบังคับคดีให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ได้เดินตรวจความพร้อมทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง โดยกล่าวว่า น่าพอใจในการเตรียมความพร้อม ซึ่งอยู่ในมาตรการแบบวิถีใหม่ เช่น ผู้เข้าร่วมการประมูล ลงทะเบียนเข้าออก ผ่าน www.ไทยชนะ.com/มีช่องทางซื้อทะเบียนล่วงหน้าผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หน้าเว็บไซต์กรมบังคับคดี เพื่อลดความแออัด/สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นจะไม่อนุญาตให้เข้าร่วม/จัดตรวจร่างกายบริเวณทางเข้าห้องขายทอดตลาด/จัดที่นั่งมีระยะห่าง 1-2 เมตร/จัดการขายทอดตลาดทีละชุด แล้วทำความสะอาดห้องก่อนขายในชุดต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การเปิดประมูลทรัพย์ในรอบเดือน มิ.ย.63 นี้ จะมีทรัพย์ประเภทที่ดินว่างเปล่า/ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง/ห้องชุด/และทรัพย์สินอื่นๆ ในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศจะมีการประมูลทรัพย์สินทั้งสิ้น 9,874 รายการ ราคาประเมินรวม 14,267,227,735.19 ล้านบาท ในส่วนของกรุงเทพฯมีการประมูลทรัพย์สินทั้งสิ้น 1,094 รายการ มูลค่า 3,834,159,310.84 ล้านบาท ราคาประเมินรวมทั้งสิ้น 18,101,387,046.03 ล้านบาท คาดการณ์ว่าจะมีเงินค่าธรรมเนียมที่ได้จากการขายทอดตลาด (ร้อยละ 3 ของจำนวนเงินที่ขายได้) เพื่อนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน กว่า 500 ล้านบาท โอกาสนี้ตนจึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่สนใจ สามารถเข้าร่วมการประมูลทรัพย์ได้เพราะมาตรการต่างๆในเรื่องการป้องกันเชื้อโควิด-19 เราวางอย่างมีมาตรฐาน
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนได้กำชับกรมบังคับคดีเร่งอธิบายการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ที่ประสบปัญหาทางการเงิน กรณีบุคคลธรรมดาต้องมีจำนวนหนี้ไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาท คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือนิติบุคคลตามกฎหมายอื่น มีจำนวนหนี้ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท ส่วนบริษัทจำกัดต้องมีจำนวนหนี้ไม่น้อยกว่า 3 ล้านบาท แต่ไม่ถึง 10 ล้านบาท และไม่สามารถชำระหนี้ได้ทัน สามารถยื่นขอทำการฟื้นฟูกิจการเพื่อที่จะไม่ต้องล้มละลาย โดยหากศาลสั่งรับคำฟ้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว ภาระการชำระหนี้และดอกเบี้ยจะถูกหยุดไว้ และหากศาลมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการและเห็นชอบด้วยแผน ผู้บริหารที่ระบุไว้จะดำเนินการฟื้นฟูภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน แต่ไม่เกิน 3 ปี โดยผู้ประกอบการ SMEs ที่มีความประสงค์จะยื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการนั้น สามารถประสานกรมบังคับคดีได้ที่ 1111 กด 79 หรือ www.led.go.th
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- นายกฯ ย้ำ รบ.ไม่ได้ยื้อ เลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อกุมอำนาจ ขอทุกฝ่ายเข้าใจ
- ตร.รอทนายร่วมสอบ"หนุ่มคลั่ง" ขวานฟันพ่อ-ยายดับ พบปมถูกต่อว่าขี้เกียจ
- หนุ่มซิ่ง จยย. ฝ่าความมืด เสยท้ายหางพ่วงจอดทิ้งข้างทาง กระเด็นดับสลด
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
ช่องว่าง เห็นจนชิน เป็นหนี้สถาบันโดยเฉพาะของรัฐมากแค่ไหน ใช้เวลา 10 ปี ในการดีเลย์คดีชั้นศาล หลังจากนั้นก็จะมีอิสระภาพในทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมๆกับชื่อใหม่หรือนามสกุลใหม่ เพราะว่าในระบบศาลจะไม่ลงข้อมูลเลขบัตรประชาชนของใครเลย ทำให้สืบค้นไม่เจอแค่เปลี่ยนนามสกุลระบบสืบค้นข้อมูลศาลไทยก็หาไม่เจอแล้ว พิสูจน์ได้เลยระบบตำรวจว่าช้าโบราณเจอระบบศาลน่าจะเป็นยุคไดโนเสาร์
29 พ.ค. 2563 เวลา 18.38 น.
เกรียง(Sak) ไอ้หูรี่ นี่ก็อีกตัว.?
29 พ.ค. 2563 เวลา 19.13 น.
KANUENGSAG ต่อรองเก้าอี้กันจนบานยังจะยุติธรรมอีกแค่ไหน รธน.นี้สร้างมาเพื่อเราพูดออกมาได้ ดูถูกประชาชชนมากเกินไปนะ ละอายแก่ใจมั้ย ไม่รับรู้ไม่รู้สึก ความโหยหาอำนาจไม่แคร์ปชช. ใครเลือกเข้าสภาคิดหน่อยนะ ลำบากพอยัง
29 พ.ค. 2563 เวลา 17.31 น.
ดูทั้งหมด