ก็ขึ้นชื่อว่าความรัก ความรักที่แท้จริง ไม่มีอะไรแน่นอน
ความรักเป็นอีกอย่างบนโลกที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย บทจะมาก็มา และบทจะไปก็อาจไปแบบไม่รู้ตัวได้เสมอ
มีอย่างหนึ่งที่แน่นอนที่สุดสำหรับคนมีความรักก็คือ ความต้องการให้ความรักมีแต่ความสุขและคงความสัมพันธ์ที่แฮปปี้แบบนั้นไว้ตลอดไป แต่ในชีวิตจริงไม่มีใครทำแบบนั้นได้ ความรักยังคงให้ทั้งรอยยิ้ม น้ำตา และความเจ็บปวดได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อความรักต้องมาเจอกับ 5 สิ่งต่อไปนี้ สิ่งที่เป็นตัวแปรที่จะบอกว่าความรักของเราจะเดินไปในรูปแบบไหน
1. ครอบครัว
ความรักอาจเป็นเรื่องของคนสองคน แต่การใช้ชีวิตคู่เป็นเรื่องของสองครอบครัว ต่อให้แยกไปอยู่กันเอง ยังไงก็ตัดความเป็นครอบครัวไม่ขาด ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวจะราบรื่นแค่ไหน เรานี่แหละเป็นคนกำหนด ยิ่งครอบครัวขนาดใหญ่ มีทั้งอากง อาม่า อาแป่ะ อาอี๊ ป๊า ม้า น้อง ฯลฯ เป็นขบวน หน้าที่ของเราก็คือต้องกลมกลืนกับญาติของอีกฝ่ายให้ได้ ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด สัญชาติอะไรก็ตาม เมื่อมาผูกสัมพันธ์เป็นครอบครัวกันแล้ว ก็ล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น
ใครที่เคยคิดว่าพ่อแม่หรือญาติ ๆ อีกฝ่ายอยู่นอกสายตา และไม่ใช่ประเด็น อาจต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ เพราะครอบครัวของอีกฝ่ายก็เป็นตัวชี้วัดได้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของเราจะราบรื่นหรือร่อแร่
วิธีที่จะทำให้ราบรื่นนั้น ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย สิ่งสำคัญก็คือการทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นต้องเรียนรู้ พูดคุย ไปมาหาสู่ และทำความรู้จักกันให้มากขึ้น แรก ๆ อาจต้องปรับตัวมากสักนิด แต่เมื่อเริ่มคุ้นชินกับครอบครัวของกันและกัน เริ่มรู้บทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ทำความเข้าใจได้ว่าการใช้ชีวิตของแต่ละครอบครัวเป็นอย่างไร กิน-อยู่อย่างไร ทุกอย่างก็จะราบรื่นขึ้น
อย่าลืมว่าเรื่องแบบนี้แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกัน จะมาเอาเกณฑ์ของตัวเองเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ การเป็นไผ่ลู่ลม ยังใช้ได้ดีเสมอเมื่อต้องผูกมิตรกับใคร โอนอ่อนผ่อนตาม แต่ไม่ใช่โอนเอียงจนไม่มีความเป็นตัวเอง ทุกอย่างมีตรงกลางที่เหมาะสมที่สุดเสมอ
2. ความต่าง
ความต่างมีให้เห็นในความรักของทุกคู่ ไม่ว่าจะเป็นความต่างในการใช้ชีวิต ทัศนคติ ความชอบ ความสนใจ ฐานะ อายุ การศึกษา ฯลฯ ช่วงแรก ๆ คนรักกันมักมองข้ามความต่างนั้นไปได้ แต่ความยากของมันอยู่ที่จะมองข้ามไปได้อีกนานแค่ไหน เพราะคนส่วนใหญ่มักไม่ได้รับยอมรับความต่าง แต่เป็นการยอมอดทนเพื่อให้มันผ่านไปได้ต่างหาก
วิธีรับมือกับความต่างมีแค่วิธีเดียว ก็คือการยอมรับ พอเจอความต่างที่มีผลต่อความรัก คนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะมองข้าม เพราะยังอยู่ในห้วงเวลาความรักและความโหยหา ก็เลยทำเป็นลืมหรือใช้ความอดทนมองข้ามความต่างนั้นไป แต่จริง ๆ แล้วความแตกต่างไม่ได้หายไปไหน แค่รอวันให้ทนไม่ได้เท่านั้นเอง
ดังนั้นต้องทำให้แน่ใจว่าความต่างไม่ได้ถูกปิดบังไว้ แต่ถูกทำให้หายไปด้วยพลังแห่งรักและความเข้าใจ เพราะถ้ามันยังคงอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป อุปสรรคและปัญหาก็จะกลายเป็นปุ๋ยที่ค่อย ๆ เร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้แห่งความต่างให้พัฒนาขึ้น กลายเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนและไม่แน่นแฟ้นเหมือนเดิม
>>ต่างยังไงให้ลงตัว..รู้จัก 4 ความต่างที่มักทำความรักแตก<<
3. ความรัก
เคยได้ยินคำว่า “ใช้ความรักพิสูจน์ความรัก” ไหม และนี่แหละคือสิ่งที่คนรักกันต้องแสดงออกมาให้เห็น
จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นเลยที่จะต้องพิสูจน์ให้รู้ว่ารักกันจริงไหม หรือรักของเราเป็นรักแท้หรือไม่ ความรักเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน แค่คนสองคนรักกันก็คือข้อสรุปที่สั้นและได้ใจความที่สุดแล้ว
ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือรักแล้วต้องแสดงออก ไม่ว่าจะในรูปแบบของการกระทำหรือคำพูดก็ตาม เพราะความสัมพันธ์ฉันคนรักจำเป็นเหลือเกินที่จะต้องมีคำว่า ‘รัก’ หล่อเลี้ยงเอาไว้เสมอ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องบ่อย แต่ก็อย่าให้ทวงถาม ทำทุกอย่างไปตามความรู้สึก..เพราะความรักต้องใช้ “ใจ” ไม่ใช่
4. ความเชื่อใจ
“ความเชื่อใจ” เป็นองค์ประกอบสำคัญของความรัก..เพราะความรักที่ไม่มีความเชื่อใจก็ไม่ต่างอะไรกับความสัมพันธ์ที่รอวันเลิกรา
เชื่อใจก็คือการให้เกียรติทั้งตัวเองและคนที่เรารักในการใช้ชีวิตและการเป็นตัวของตัวเอง แต่น่าแปลกที่ความเชื่อใจกับการไม่เอาใจใส่มีแค่เส้นบาง ๆ คั่นตรงกลาง ทำให้บางคนสงสัยว่า “เชื่อใจ” เลยไม่มีคำถาม ไม่ระแวงสงสัย หรือ “ปล่อยปละละเลย” จนไม่รักกันแน่
ทุกอย่างมีจุดที่พอดีเสมอ ความรักก็เช่นกัน ความเชื่อใจในแง่มุมของความรักคือการรักษาระดับความสัมพันธ์ให้พอดี ไม่รักจนรัดตึงมากไป แต่ก็ไม่หย่อนจนทำให้เกิดคำถาม
ในความสัมพันธ์ฉันคนรักไม่ควรจะมีความสงสัย ไม่ต้องการคำยืนยัน และไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงและราบรื่นก็คือการใช้ชีวิตคู่ที่ปราศจากความระแวงซึ่งกันและกัน เพราะรู้สึกได้ถึงความไว้วางใจ ความปลอดภัย จนไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องที่ต่างคนต่างรู้กันดีอยู่แล้ว
>>7 มุมมองความรักที่จะเปลี่ยนความคิดคุณไปตลอดกาล<<
5. มิตรภาพ
เมื่อความรักดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง สิ่งที่ทำให้คนรักกันไม่อยากปล่อยมือจากกันก็คือมิตรภาพและความผูกพัน บางคู่จากคนรักอาจกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดจนขาดกันไม่ได้ เพื่อนที่รู้จักกันในทุกด้านและทุกอย่าง ซึ่งคนรักที่อยู่ด้วยกันมานาน ๆ จะเข้าใจในความสัมพันธ์ลักษณะนี้ดี จากคนรักกลายเป็นเพื่อนแท้ที่คอยแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ร่วมกัน และพร้อมที่จะเดินไปด้วยกันไปอีกนานเท่านาน
ไม่ใช่ทุกคนจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างคนรัก แต่ยังคงรักษามิตรภาพเอาไว้ด้วยได้ เพราะในความสัมพันธ์ของคนรัก มักมีแต่เพียงผู้รับ ไม่มีผู้ให้ ไม่ว่าจะเป็นรับของขวัญ คำแนะนำ คำพูด หรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับคู่รักที่มีมิตรภาพของความเป็นเพื่อนมาเกี่ยวข้องด้วย มักจะมีทั้งผู้ให้และผู้รับ ยังไง Give and Take ก็สำคัญเสมอไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน ไม่มีใคร “ให้” ได้ตลอด และไม่มีใครที่ควรเอาแต่ “รับ” อยู่ฝ่ายเดียว
บทสรุปของทั้ง 5 ข้อนี้บอกได้อย่างหนึ่งว่า..ความรักกำลังสอนให้เรารู้จักใช้ชีวิต คนทุกคนต้องปรับตัว ยอมรับ และเข้าใจเพื่อจะได้มีความสุขในแบบที่เราต้องการ
มีความสุขกับความรักกันนะคะ ~ ❤
ท้ายที่สุดแล้ว.....
เมื่อถึงอายุในช่วงนึง
เราจะไม่ต้องการ
ความรักที่มันหวือหวา
หรือทุ่มเทอะไรอย่างไร้เหตุผล
สิ่งเดียวที่ต้องการ ก็คือ...
...การได้รัก
...และถูกรัก
...จากคนที่รัก
...ไปพร้อมๆกัน
10 พ.ค. 2563 เวลา 18.37 น.
ความซื่อสัตย์และความจริงใจ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญของในการใช้ชีวิตคู่.
11 พ.ค. 2563 เวลา 01.52 น.
ความจริงอีกด้านแม่ผัวกับลูกสะไภ้ถ้าเหม็นขี้หน้ากันแล้ว ก็ทางใครทางมันได้เหมือนกันถึงแม้จะถอยคนละก้าวก็แล้ว
11 พ.ค. 2563 เวลา 02.24 น.
ความรักแรกพบมองออกไป
ก็นึกว่าดอกไม้ที่สวยสด
พอได้สัมผัสกลับบอบบาง
ไม่คงทน
หลายๆครั้ง
ที่ได้พูดคุยและรู้จักมักตื่นเต้น
มีสีขาวอมชมพู
และสีน้ำตาลกลับดำเป็นฝุ่นผง
นั้นคือยาบำรุงชั้นดีและเวลาออกฤทธิ์ยิ่งกว่าพิษงู
11 พ.ค. 2563 เวลา 12.52 น.
แนะนำให้แฟนรวยๆครับจะ ความต่างระหว่างชนชั้นของคุณจะได้ไม่ทำให้ความรักของคุณต้องเจ็บปวด...
สำหรับผม แค่ให้เกียรติกัน มีเวลาให้กัน คอยเป็นกำบังใจให้กันและกัน และความซื่อสัตย์ เท่านี้ผมก็พอและ ความต่างระหว่างฐานะ ผมว่ามันไม่ใช่ปัญหาหรอก หากคนเขาจะรักกัน ปัญหามันอยู่ที่คนรอบข้าง...
11 พ.ค. 2563 เวลา 06.07 น.
ดูทั้งหมด