ความยุติธรรมที่สุดของโลกใบนี้ที่ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียมกันก็คือ “ความตาย”
ไม่ว่าจะยาก ดี มี จน แค่ไหน..สุดท้ายก็ต้องตาย ไม่มีใคร เหนือกว่าใคร และไม่มีใคร ด้อยกว่าใคร สุดท้ายพวกเราทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางเดียวกันหมด จุดหมายนั้นก็คือ “ความตาย”
พอเราตาย…สิ่งเดียวที่ติดตัวไปได้ ก็คือ “กรรม” และสิ่งที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียว ก็คือ “ความดี”
พูดถึงความตายสำหรับพวกเราทุกคนตอนนี้ ดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว เหมือนเป็นเรื่องที่อีกนานแสนนานกว่าจะมาถึง แต่ลึก ๆ แล้วทุกคนรู้ดีว่าความตายเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา โดยไม่สนว่าจะเป็นใคร ใหญ่โต ร่ำรวยแค่ไหน ความตายก็พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปได้เสมอ
เพราะฉะนั้นอย่ากลัวความตาย แต่จงกลัวการอยู่อย่างคนไร้ค่า อยู่โดยไม่ได้ทำเรื่องดี ๆ กับเค้าสักครั้งเลย~
ความตายไม่ไกลตัว
พูดถึงความตายบางคน บางบ้านคิดว่าเป็นเรื่องต้องห้าม ! เป็นเรื่องอัปมงคล เป็นการแช่งตัวเองหรืออะไรก็ตาม แต่ในเมื่อความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอ เพราะงั้นคงไม่แปลกถ้าเราทุกคนจะเตรียมตัวรอรับความตายที่กำลังมาถึงไว้อยู่เสมอ
พระพุทธศาสนาสอนเรื่องความตายไว้มากมาย เหมือนว่าความตายเป็นเพื่อนสนิทที่จะติดตามเราไปทุกที่ แต่คนส่วนใหญ่กลับพยายามไม่รับรู้ บางคนถึงขั้นกลัว กลัวว่าความตายจะมาพรากทุกสิ่งทุกอย่างไป ทั้งที่ความจริงแล้ว กลัวไปก็เท่านั้น กลัวแค่ไหนก็ไม่มีวันหนีความตายได้พ้น
ว่ากันว่าความไม่รู้ทำให้คนเรากลัว เราไม่รู้จักความตายดีพอ ก็เลยกลัว แต่ถ้าเราพยายามศึกษา ทำความเข้าใจ ทำความคุ้นเคยกับความตายที่จะเกิดขึ้นทั้งกับตัวเราและคนใกล้ชิด การคิดถึงความตายบ่อย ๆ ทำให้เราไม่กลัวมัน ทำให้ความตายกลายเป็นมิตรที่อยู่ใกล้ตัว กลายเป็นครูที่สอนให้เราใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
อีกวิธีที่ทำให้ไม่กลัวตายก็คือการเตรียมตัว เตรียมพร้อมที่จะต้องจากโลกนี้ไป เพราะฉะนั้นถ้ามีใครหรืออะไรที่ทำให้กังวล ก็ควรต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ เพราะเราไม่มีวันเลยว่าเวลาของเราจะหมดลงเมื่อไหร่ จะได้จากไปอย่างหมดห่วง
ในที่สุดคนเราก็หนีความจริงไปไม่พ้น การเตรียมตัวตายไม่ใช่เรื่องอัปมงคล เพราะยังไงคนเราก็ต้องตาย ถ้าได้เตรียมใจไว้ก็รับความตายได้อย่างสบายและสงบ และตราบใดที่ยังไม่อยากต้อนรับความตาย เราก็มักจะยังใช้ชีวิตยังไม่คุ้มค่าเสมอ
ตายไม่น่ากลัว อยู่อย่างไร้ค่าต่างหากที่ต้องกลัว
อย่างที่รู้กันว่าเมื่อตายไปแล้ว สิ่งเดียวที่ติดตัวไปได้ ก็คือ “กรรม” และสิ่งที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียว ก็คือ “ความดี”
แต่ละศาสนามีคำตอบของ “ความตาย” ที่แตกต่างกัน คนไม่มีศาสนา คนที่นับถือตัวเองก็มีคำตอบของ “ความตาย” ไปอีกแบบ แต่จุดร่วมที่ไม่ว่าจะนับถือศาสนาหรือไม่ก็คือ “การทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ซึ่งเป็นกฎของธรรมชาติที่ไม่มีอะไรมาหักล้างได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมีศาสนาหรือไม่ สิ่งที่ต้องทำเมื่อยังชีวิตอยู่ก็คือ “ความดี”
ดังนั้นสิ่งที่เราควรโฟกัสอยู่ทุกขณะจิต คงไม่ใช่ทรัพย์สมบัติ เกียรติยศ อำนาจหรืออะไรใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นการใช้ชีวิตในทุกวันอย่างมีประโยชน์ มีคุณค่าทั้งกับตัวเองและคนอื่น สุดท้ายถึงร่างกายจะดับสิ้น แต่หากได้สร้างความดี สร้างคุณค่าไว้ สิ่งเหล่านั้นก็จะส่องแสงเป็นที่จดจำ แม้เราเองจะไม่อยู่บนโลกนี้แล้วก็ตาม
ท้ายที่สุดแล้วความตายไม่ได้พรากทุกสิ่งไปจากเรา แต่เป็นเราเองต่างหากที่ยึดทุกอย่างไว้จนไม่อยากตาย และกลัวที่จะต้องตาย แต่ยังไงต่อให้กลัวแค่ไหน คนเราก็ต้องตาย ! แม้แต่ร่างกายที่เหมือนจะเป็นของเราก็ยังเอาไปด้วยไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่ากลัวถ้าจะต้องตาย แต่จงกลัวที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ได้ทำอะไรเลย~
ถึงเราจะหมดความหมายจากใครก็ตาม
แต่คุณค่าของตัวเรา คงอยู่กับเราเสมอ
อย่าท้อ แม้จะไม่มีใครเลยก็ตาม
ความสุขอยู่รอบตัวเสมอ ทำดีทำดีเข้าไว้
สู้ๆๆๆ......😃😃😃😃😃
11 ม.ค. 2564 เวลา 00.39 น.
sirikorn ตอนนี้อายุ57แล้ว ตายไม่กลัว กลัวตายแบบ ทรมาน เช่น โรคภัยไข้เจ็บเยอะกินแต่ยาหาแต่หมอ นอนติดเตียง ทรมานทั้งคนป่วยและคนดูแล
11 ม.ค. 2564 เวลา 00.53 น.
Eed Eed บทความนี้เขียนดีมากค่ะ ชอบๆ
11 ม.ค. 2564 เวลา 02.33 น.
สุดหล่อ..คับป๋ม ทุกวันนี้....คุณกำลังทำบุญเพื่อ....ให้ตนดีใจ
หรือเพื่อให้ใจตนดี...กันอยู่.?
11 ม.ค. 2564 เวลา 00.39 น.
อนนต์ ช่างเก็บ มนุษย์ทุกวันนี้อยู่เพื่อรอความตายกันทั้งนั้น เพราะฉนั้นตอนมีชีวิตอยู่ก็หมั่นทำความดีกันเข้าไว้
11 ม.ค. 2564 เวลา 02.57 น.
ดูทั้งหมด