23ต.ค.61-โซเชียล แห่แชร์ โพสต์ "นิสิตครูว่าไง นโยบายใหม่ศธ.4หรือ 5” กว่า 200 แชร์ พร้อม แสดงความคิดเห็นหลากหลาย ทำให้ยังไม่มีข้อสรุป
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ตามที่คณะกรรมการนิสิตปริญญาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (USCE) ได้เปิดพื้นที่ให้นิสิตนักศึกษาครู ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อ ”ถ้าหากวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รับฟังความคิดเห็นของคุณได้คุณอยากจะบอกอะไรรับท่านเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ?” ประเด็น “นิสิตครูว่าไง นโยบายใหม่ศธ.4หรือ 5” ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะนี้มีผู้สนใจแชร์เรื่องดังกล่าวถึง 209 ครั้ง กดสัญลักษณ์ถูกใจ จำนวน 179 ครั้ง สัญลักษณ์หน้า ว้าว 5 ครั้ง สัญลักษณ์หน้าหัวเราะ 4 ครั้ง สัญลักษณ์หัวใจ 3 ครั้ง สัญลักษณ์หน้าโกรธ 2 ครั้ง สัญลักษณ์หน้าเศร้า 1 ครั้ง และแสดงมีผู้สนใจร่วมแสดงความคิดเห็น จำนวน 75 ข้อความ
โดยการแสดงความคิดเห็นเป็นไปในทิศทางที่หลากหลาย มีทั้งข้อความในเชิงลบ เช่น "นโยบายไร้คุณภาพ ที่มาที่ไปไร้เหตุผล แก้ปัญหาไร้ความสำเร็จ ปฏิบัติตามกันไร้ความเข้าใจ ผล/ปัญหาที่ตามมาไร้ความรับผิดชอบ…การบริหารการศึกษาไทยโดยคนที่ไม่ศึกษาข้อเท็จจริงอย่างจริงจัง ก็คงขาดความเข้าใจอย่างแท้จริง และสังคมไทยก็คงไม่สามารถพัฒนาได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืนหรอก… ทัศนคติที่พวกฝ่ายบริหารควรปรับเปลี่ยนอย่างมีสติ คิดสิคิด คิดถึงบริบทของสังคมไทย คิดถึงคนไทย คิดถึงเด็กไทย คิดถึงอนาคตชาติไทย เอาให้เหมาะสมไม่ใช่ถมแต่ความคิดของตัวเอง ที่คิดเองเออเองมาตลอด." ข้อความเชิงบวก เช่น "เรียนหลักหลักสูตร 4 ปีมาก็ว่าดีอยู่นะคะ ขอให้รักในอาชีพจริงๆ พอมาทำงานก็ต้องมีความมุ่งมั่นในวิชาชีพ ที่สำคัญคือพื้นฐานจากครอบครัวและการศึกษาทั้งประถมและมัธยม ที่จะหล่อหลอมความรู้และปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมให้เขาแล้วส่งต่อมาในระดับอุดมศึกษา ต้องเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันมาอย่างดีไม่มีตกหล่นระหว่างทาง 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยก็น่าจะเพียงพอค่ะ" และข้อความที่อธิบายข้อดีและข้อเสียของการปรับเปลี่ยน เช่น "ขอให้ข้อมูลในฐานะครู 4 ปีรุ่นเกือบสุดท้าย ระยะเวลา 4 ปี ฝึกสอน 1 ภาคเรียน สิ่งที่คิดว่าต่าง ณ ช่วงเวลานั้นคือ เรื่องความเข้าใจในบริบทของโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานจริง ถ้าวัดคุณภาพครูที่กระบวนการจัดการเรียนรู้ ประสบการณ์ 5 ปี ย่อมดีกว่า 4 ปี ถ้าวัดด้วยการสอบด้วยข้อสอบปรนัย 4 ปีและ 5 ปี ก็ย่อมมีความรู้ไม่แตกต่างกันมาก ประสบการณ์,การแก้ไขปัญหา,จิตวิทยาการเรียนรู้ วัดไม่ได้ด้วยข้อสอบ รวมถึง การเป็นครูในสังกัด ต่างๆก็จะมีบริบทที่ต่างกัน เมื่อเข้าสู่วิชาชีพ ประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยให้สามารถจัดการต่อปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดกับครูในระบบบ่อยครั้ง เนื่องมาจากบทบาทที่เป็นข้าราชการที่จะต้องสนองนโยบายต่อหน่วยงานระดับที่สูงกว่าโรงเรียน
ถ้าผู้บริหารระดับสูงมีความเข้าใจ เห็นใจ และต้องการให้เกิดการพัฒนา ของวิชาชีพครู ก็ควรจะมีความหนักแน่น คิดพิจารณาให้รอบด้าน การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ผลกระทบอีกหลายสิบปีต่อคุณภาพของคนในชาติ คุณภาพจะสอดคล้องกับกระบวนการคัดสรร สร้างสรรค์ ส่งเสริม และสนับสนุน ไม่ใช่ ใครก็ได้ที่จะทำหน้าที่ ครู"
ทั้งนี้ทางคณะกรรมการนิสิตปริญญาบัณฑิต คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (USCE) ได้แสดงความคืดเห็นด้วยว่า "อยากให้ทุกท่าน comment กันเชิงสร้างสรรค์ มีคุณค่าทางวิชาการ สามารถนำไปปรับใช้ได้ และมีประโยชน์ต่อสังคมนะครับ"
ธนากร ศ. ต่อให้เรียนหลักสูตร10ปี มันก็ไม่ดีขึ้น ถ้าคนเรียนไม่มีจิตสำนึกความเป็นครู
23 ต.ค. 2561 เวลา 13.00 น.
น่าจะให้ครูที่สอนเคมีต้องจบวิศวเคมีหรือวิทย์เคมีครูสอนเลขจบคณิตครูสอนภาษาจบสายภาษาโดยตรงเป็นต้นจะดีกว่าเอาจบคุรุจบศึกษามาสอนมันทุกวิชาไม่ได้เรื่องสักวิชาครูทุกวันนี้มันเป็นคุรุพาณิชย์วันๆคิดแต่หาลูกค้ามาเรียนพิเศษหาเงินมาซื้อรถทำตัวโก้หรูไปกินเลี้ยงร้องรำทำเพลงใช้เต้าไต่ประจบสอพลอพวกผอ.ทั้งหลายน่าเบื่อหน่ายผมเนี่ยเห็นขี้เพี้ยครูทั้งหมด
23 ต.ค. 2561 เวลา 15.12 น.
Another Dimension เอาเด็กสถาบันนี้ ที่ไม่ผ่านโรงเรียนกวดวิชาหรือติวเตอร์ แต่สอบได้เอง มาสักคนมาแสดงความคิดเห็นว่า หลักสูตรคุรุศาสตร์ มันควรปฏิรูปยังไง?
23 ต.ค. 2561 เวลา 13.00 น.
sunee ควรให้ผู้เกี่ยวข้องกับการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑิตครูไปดูงานประเทศ สปป.ลาวบ้างก็ดี การศึกษาเขาไปถึงไหนแล้ว
23 ต.ค. 2561 เวลา 13.18 น.
สำราญ การพัฒนาต้องทำให้ดีขึ้น คือพัฒนากาย วาจา ใจ และความคิด เพื่อส่วนรวม ผู้บริหารต้องหนักแน่น ไม่ใช่คิดกลับไปกลับมาวกวน ต้องพัฒนาไปข้างหน้า
24 ต.ค. 2561 เวลา 11.37 น.
ดูทั้งหมด