จากกรณีที่ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ได้เดินทางไปเยี่ยมโรงงานผลิต แร่แรร์เอิร์ธ (Rare-earth) ที่มณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแร่ดังกล่าวที่สำคัญของประเทศ และจีนยังเป็นผู้ผลิตในสัดส่วนถึง 90% ของทั้งโลก พร้อมทั้งส่งสัญญาณไปถึง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เริ่มตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับหัวเว่ย ด้วยการขู่ไม่ส่งแร่ผลิตชิปให้กับสหรัฐฯ (อ่านเพิ่มเติม : เปิดข้อพิพาท “แร่แรร์เอิร์ธ” เมื่อสหรัฐฯ เคยร้อง WTO กรณีจีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก)
มาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงเกิดความสงสัยแล้วว่า แร่แรร์เอิร์ธ (Rare-earth) ที่กำลังพูดถึงนี้คืออะไร และทำไมจึงสำคัญมากซะจน ผู้นำจีนกล้านำมาเป็นประเด็นต่อรองกับผู้นำสหรัฐฯ เอาเป็นว่าเราลองมาทำความเข้าใจกับเจ้าแร่ที่ตกเป็นประเด็นพิพาทระหว่างสองชาติยักษ์ใหญ่นี้
ตามที่ได้มีการกำหนดโดย สหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ (International Union of Pure and Applied Chemistry) หรือ ไอยูแพ็ก (IUPAC) ได้กำหนด ธาตุหายาก หรือ ธาตุแรร์เอิร์ท ได้ทั้งหมด 17 ธาตุซึ่งเป็นธาตุทุกธาตุในหมู่แลนทาไนด์และรวมกับสแกนเดียมและอิตเทรียม สแกนเดียมและอิตเทรียมเป็นโลหะเบาที่หายาก เนื่องจากพวกมันมีแนวโน้มว่าจะเกิดในสินแร่เหล็กเช่นเดียวกับธาตุในหมู่แลนทาไนด์และมีสมบัติทางเคมีคล้ายกัน
อย่างไรก็ตามธาตุหายาก มีความอุดมสมบูรณ์ของข้างในเปลือกโลกซึ่งมีซีเรียมเป็นธาตุที่มีมากที่สุดประมาณ 25 ส่วน ต่อ 68 ล้าน (เหมือนกับทองแดง) เพราะมีสมบัติทางเคมีธรณีของพวกมัน แร่ธาตุหายากอยู่ห่างกันมากและไม่กระจุกตัว ซึ่งทำให้บนพื้นโลกธาตุเหล่านี้จึงหายาก และด้วยความหายากนี้ทำให้ธาตุหายากมีราคาสูงและทำให้ขาดแคลนเป็นอย่างมาก แร่หายากชนิดแรกที่ค้นพบ คือ แร่แกโดลิไนต์ ซึ่งมีสารประกอบของซีเรียม อิตเทรียม เหล็ก ซิลิกอน และธาตุอื่นๆ แร่นี้นำมาจากเหมืองของหมู่บ้าน Ytterby ในประเทศสวีเดน ซึ่งภายหลังได้นำชื่อหมู่บ้านนี้ไปตั้งเป็นชื่อธาตุ “อิตเตอร์เบียม”
ในปัจจุบัน ธาตุหายากอย่าง Yttrium และEuropium นั้นมีความสำคัญต่อฟังก์ชันการทำงานของ iPhone อย่างมาก เพราะมีการใช้ในแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ รวมถึงช่วยให้แสดงสีของหน้าจอแสดงผลออกมาดูดี และทำให้โทรศัพท์สั่นจากการโทรเข้าหรือมีการแจ้งเตือนต่างๆ โดยทั้งสองธาตุนี้แม้จะเป็นส่วนน้อยในองค์ประกอบหลักของโทรศัพท์ แต่ก็ถือว่าหายากมากสำหรับการทำธุรกิจขนาดใหญ่ ที่ต้องอาศัยการผลิตสินค้าเป็นปริมาณมาก
นับตั้งแต่ปี 1994 จนถึงปี 2017 จีนนับเป็นประเทศที่มีการผลิตาตุหายากเหล่านี้ได้ในประมาณมากที่สุดในโลก แต่ขณะเดียวกัน แคนาดาก็เป็นผู้ส่งออกอลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดไปให้สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ ที่ผ่านมา Apple ก็มีการวางแผนที่จะยกเลิกการใช้ธาตุหายากเหล่านี้ในการผลิต iPhone รุ่นต่อไป โดยจะเปลี่ยนมาใช้วัสดุรีไซเคิลแทน
พัฒน์ AIG 🇹🇭 เอาแม่งสะบ้าง คิดว่าเป็นประเทศมหาอำนาจกูจะทำอะไรแม่งก็ได้ สั่งสอนแม่งสะบ้างจะได้เลยกร่างแม่งสะที
จวย
20 พ.ค. 2562 เวลา 16.47 น.
KhunNet ชิปนี่ไม่ใช่ใช้ในการผลิตมือถือเท่านั้นนะ แต่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทบทุกชนิด เช่น ตอนไทยน้ำท่วมใหญ่ กระทบการผลิตอุปกรณ์ไอที หลายชนิด ไปทั่วโลก ดีที่ตอนนั้นทางตะวันออกไปท่วม เลยไม่ขาดเเคลนโดยสิ้นเชิง
20 พ.ค. 2562 เวลา 17.58 น.
มันตีกันอย่างนี้..สงสัยพวกเราจะได้กลับไปใช้NOkia 3310 กันซะละมั้ง..!!!55555
20 พ.ค. 2562 เวลา 17.47 น.
👤Inspector🌁👷🏢 แรร์เอิร์ธไม่่เท่าไหร่หรอก.เด่วไปเอา ไวเบรเนี่ยมที่วาคานด้าใช้แทนก็ได้.✌️
20 พ.ค. 2562 เวลา 17.19 น.
KhunNet กระทบไทยด้วยแน่นอน เพราะไทยเป็นฐานการผลิตชิปที่สำคัญของโลก (บริษัทของฝรั่งที่มาตั้งโรงงานในไทย และสร้างงานให้คนไทยในนิคมเป็นจำนวนมาก)
20 พ.ค. 2562 เวลา 17.21 น.
ดูทั้งหมด