นายสนธิ คชรัตน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat เมื่อวันที่ 27 มกราคม โดยตั้งข้อสังเกตว่าบริษัท SPRC จะขอเปลี่ยนอุปกรณ์รับน้ำมันดิบกลางทะเลใหม่ทั้งหมดในปี 2568 หลังจากทำเรื่องขอซ่อมบำรุงจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และ สผ.ได้เห็นชอบเมื่อ 24 ต.ค. 64 แต่ทำไมไม่ซ่อมก่อน
นายสนธิตั้งข้อสังเกตทำไมท่อรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท SPRC จึงแตก ทำให้เกิดน้ำมันดิบรั่วไหลมหาศาลที่มาบตาพุด
1. อุปกรณ์รับน้ำมันดิบนอกชายฝั่งของบริษัทสตาร์ปิโตรเลี่ยม รีไฟนิ่ง จำกัด หรือ SPRC ประกอบด้วย
- ทุ่นรับน้ำมันกลางทะเลหรือ SPM (single point mooring)
- Pipeline End ManIfold (PLEM) หรือ ปลายท่อรับน้ำมัน
- Submarine crude oil pipline 48 นิ้วหรือท่อรับน้ำมันใต้ทะล
โดยระบบดังกล่าวทั้งหมดได้ก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ.2538 จะครบอายุ 30ปี ใน พ.ศ. 2568 ซึ่งสถาบัน ABS หรือ American Bureau of Shippingให้การรับรองประสิทธิภาพได้ทำการสำรวจทุก 5 ปีและกำหนดอายุใช้งานได้ไม่เกิน 30 ปี
2. บริษัท SPRC ได้ทำเรื่องขอซ่อมบำรุงและเปลี่ยนอุปกรณ์รับน้ำมันดิบกลางทะเลทั้ง 3 ส่วนมายังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และ สผ.ได้ตอบเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 64 เหตุผลสำคัญที่บริษัทแจ้งคืออุปกรณ์ดังกล่าวทั้งหมดมีความสำคัญที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการรั่วไหลของน้ำมันได้ และจากการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า ชุดซีลของท่อและบริเวณวาล์วเริ่มเสื่อมสภาพแล้วโดยจะขอเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดในปี 2568
3. มาตรการในรายงานอีไอเอกำหนดให้ตรวจสอบรอยรั่วของท่อโดยการทดสอบแรงดันที่มากกว่าปรกติ 1.5 เท่าเป็นเวลา 1 ชม.ให้ทำการทดสอบทุกปี ๆ ละ 1 ครั้งเพื่อทราบว่ามีจุดที่รั่วซึมหรือไม่อย่างไรและให้นักประดาน้ำลงไปสำรวจท่อใต้ทะเลทุก 5 ปี
นอกจากนี้ต้องจัดให้มีวาล์วนิรภัยในระบบท่อเป็นไปตามมาตรฐานการออก แบบของระบบสากลเพื่อป้องกันระบบท่อเสียหายและทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลได้
4. ข้อสังเกตสาเหตุที่ท่อแตกทำให้น้ำมันรั่วไหลคือ
- ระบบทุ่นและท่อใช้งานมานานถึง 27 ปี และได้เสื่อมสภาพเริ่มผุกร่อนและกำลังจะหมดอายุการใช้งานในปี 2568 ข้อเท็จจริงควรทำการซ่อมบำรุงและปรับเปลี่ยนท่อทั้งหมดมาก่อนแล้วหรือไม่ ไม่ใช่จนกระทั่งอุปกรณ์หมดอายุการใช้งานแล้ว
- มีการทดสอบความดันในท่อด้วยแรงดัน 1.5 เท่าทุกปีจริงหรือไม่ ทำไมไม่ทราบว่าท่อกำลังจะเริ่มรั่วเพราะหากความดันตกลงมากกว่าที่ผ่านมาต้องรีบแก้ไข
- วาล์วนิรภัยในท่อน้ำมันทำงานสมบูรณ์หรือไม่ ทำไมไม่มีการตัดระบบทันทีเมื่อน้ำมันรั่วออกมามาก
- การติดตามตรวจสอบตามมาตรการในรายงานอีไอเอได้ดำเนินการอย่างจริงจังหรือไม่ ในขณะที่สถาบัน ABS ทำการตรวจสอบทุก 5 ปี ในระหว่างนั้นมีการจัดทำมาตรการ Preventive maintanance หรือมาตรการซ่อมบำรุงเชิงป้องกันหรือไม่ อย่างไร?
5. น้ำมั่นรั่วไหลในทะเลปริมาณมากถือเป็นภัยต่อสภาพแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างมาก สมควรที่คณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันหรือ กปน. ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานเข้ามาดูแลและบัญชาการแก้ไขปัญหารวมทั้งให้ข้อมูลที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงและเป็นกระบอกเสียงแทนผู้ที่อาจได้รับผลกระทบ
..แต่ข้อเท็จจริงยังไม่เห็นบทบาทตรงนี้
หมายเหตุ- ภาพประกอบเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่มาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2565
Ti จัดบทลงโทษ จนท. บุคลากรที่เกี่ยวข้องในความประมาทเลินเล่อในครั้งนี้อย่สจริงจัง
หน่วยงานซ่อมบำรุงของบริษัท และแรม. ที่เกี่ยวข้อง
ที่ผ่านมาทำงานแบบไม่ได้จริงจัง ไม่ได้ตรวจสอบจริง make เอกสาร ต้องโดนให้หมด
แต่หากสอบสวนแล้ว มีการของบประมาณนำเสนอไปแล้วแต่เรื่องอยู่ที่ฝ่ายบริหาร ฝ่สยบริหารก้อต้องโดนรับผิดชอบไป
28 ม.ค. 2565 เวลา 02.39 น.
มูมู่ เดี๋ยวก็เงียบแล้ว จะเสนอข่าวทำไมหรอ เสนอมารับรู้เฉยๆจบหรอ
28 ม.ค. 2565 เวลา 01.54 น.
เพราะจงใจปล่อยไงครับ
28 ม.ค. 2565 เวลา 01.10 น.
Lobster ประเทศไทยมีน้ำมันที่ขุดเจาะเองได้แต่ต้องไปอิงราคาน้ำมันสิงคโปร์เพื่อให้ราคาน้ำมันแพงเวลาได้กำไรนี่เงียบกริบ แต่พอถึงเวลาที่ต้องจ่ายเพื่อดูแลรักษาและซ่อมแซมกลับนิ่งเฉย ไม่รู้จะเอาคำไหนมาด่าเพราะด่าไปก็คงไม่มีใครสำนึก เราประชาชนก็รับกรรมกันไปเหมือนเดิม เฮ้อ!!!!!!
28 ม.ค. 2565 เวลา 00.11 น.
jittagorn เลี้ยงแต่วัว แต่ไม่สร้างคอก เพราะอะไร รู้ๆกันอยู่
27 ม.ค. 2565 เวลา 20.07 น.
ดูทั้งหมด