รู้จัก “POP MART” ยักษ์อาร์ตทอยหมื่นล้านจากจีน ปักหมุดในไทยสองสาขาแล้วที่ เซ็นทรัลเวิลด์ และล่าสุด เทอร์มินอล 21 อโศก ในวันที่เทรนด์กล่องสุ่มกำลังมาแรง ลบภาพจำของเล่นเด็ก สู่ของสะสมไลฟ์สไตล์ สามารถต่อยอดการลงทุนได้
หลังประเดิมปักหมุดแฟลกชิปสโตร์ขนาด 160 ตร.ม. แห่งแรกในประเทศไทย ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ไปเมื่อ 20 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา พร้อมสร้างปรากฏการณ์ห้างแตกผู้คนวอล์กอินล้นทะลัก ล่าสุด บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “POP MART” ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกล่องสุ่มอาร์ตทอยยอดฮิตจากประเทศจีนได้เดินหน้าเปิดสาขาสองแล้ว เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ณ เทอร์มินอล 21 อโศก บนพื้นที่ 145 ตร.ม.
ถอดบทเรียนจากสาขาแรกด้วยการลงทะเบียนออนไลน์เท่านั้น ให้เข้าร้านได้รอบละ 50 คน ไม่มีการวอล์กอิน ตอกย้ำว่าการสะสมอาร์ตทอยเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในประเทศไทยและทั่วโลก จากเดิมที่เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม แต่วันนี้กลายเป็นตลาดแมสแล้วเรียบร้อย
“ประชาชาติธุรกิจ” จะพาไปทำความรู้จัก POP MART กล่องสุ่มอาร์ตทอยที่กลายเป็น POP Culture ลบภาพจำของเล่นเด็ก สู่ของสะสมไลฟ์สไตล์ที่สามารถต่อยอดการลงทุนได้
รู้จัก POP MART
POP MART เป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์แนว Pop Culture ซึ่งก่อตั้งโดย “หวาง หนิง” (Wang Ning) นักธุรกิจชาวจีนเมื่อปี 2553 และโด่งดังขีดสุดในปี 2559 จากแคแร็กเตอร์ “มอลลี่” เด็กสาวปากคว่ำผู้น่ารัก โดย “เคนนี หว่อง” (Kenny Wong) ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามและทำยอดขายถล่มทลาย วันนี้มอลลี่จึงถูกปล่อยออกมามากมายหลายคอลเล็กชั่น
ปัจจุบัน POP MART เป็นหนึ่งในแบรนด์อาร์ตทอยที่กำลังได้รับความนิยม มีชื่อเสียงด้านกล่องสุ่มหลากหลายคอลเล็กชั่น เปลี่ยนภาพจำของผู้คน ว่าของเล่นต้องเหมาะกับเด็กเท่านั้น กลายเป็นของสะสมไลฟ์สไตล์และสามารถต่อยอดเพื่อการลงทุนได้
โดย POP MART ได้ร่วมกับแบรนด์ระดับโลกมากมาย อาทิ ดิสนีย์, ซานริโอ, วอร์เนอร์, แฮร์รี พอตเตอร์ และอื่น ๆ รวมถึงนักออกแบบที่มีชื่อเสียง เช่น “นิสา ศรีคำดี” ศิลปินชาวไทยเจ้าของแคแร็กเตอร์ “CryBaby” ก็มีกล่องสุ่มกับ POP MART ด้วย
สำหรับกล่องสุ่มของ POP MART แบ่งเป็นแคแร็กเตอร์ต่าง ๆ ซึ่งในแคแร็กเตอร์อาจจะแยกย่อยไปอีกหลายคอลเล็กชั่น เมื่อซื้อกล่องสุ่มตามคอลเล็กชั่นนั้น ๆ ผู้ซื้อไม่รู้เลยว่าจะได้ตัวไหน มีเพียงภาพหลังกล่องเท่านั้นที่บอกว่าในคอลเล็กชั่นมีตัวอะไรบ้าง นี่คือเสน่ห์และความสนุกที่ต้องลุ้น มีทั้งตัวหาง่าย ตัวหายาก ไปจนถึงตัว “ซีเคร็ต”
แคแร็กเตอร์ของ POP MART มีอยู่ 3 ขนาด คือ ขนาดปกติ (100%) ราคาประมาณ 300-400 บาท แล้วแต่แคแร็กเตอร์ และขนาดใหญ่ (400%) ไปจนถึงขนาดใหญ่พิเศษ (1,000%) ที่มีราคาหลายหมื่นบาท
สำหรับผู้บริโภคชาวไทย ขนาด 1,000% ได้รับความนิยมสูงสุด แม้จะมีราคาสูงที่สุดก็ตาม เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบสะสม โดยเฉพาะรุ่น MEGA SPACE MOLLY ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่และขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งได้มากขึ้น
POP MART อาร์ตทอย 2 หมื่นล้าน
ในด้านธุรกิจ เมื่อปี 2565 POP MART มีมูลค่าสูงราว 2 หมื่นล้านบาท และจากกระแสนิยมอาร์ตทอยส์ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด ทำให้รายได้รวมในการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีถึง 2.8 พันล้านหยวน หรือราว 1.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 19.3% ซึ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศสูงถึง 376 ล้านหยวน หรือราว 1.8 พันล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 535 ล้านหยวน หรือราว 2.6 พันล้านบาท คิดเป็น 42.3%
สำหรับประเทศไทย POP MART สามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ นั่นคือการเปิดสาขาที่สองภายในสิ้นปี 2566 และต่อจากนี้เตรียมวางแผนเปิดร้านค้าปลีกและร้านพ็อปอัพมากถึง 20 แห่ง พร้อมด้วยตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (POP MART ROBOSHOP) ประมาณ 50 ตู้ทั่วประเทศไทย
ปัจจุบันอาร์ตทอย, Blind Box, Mystery Box หรือที่เราคุ้นกันในชื่อกล่องสุ่มได้กลายเป็น POP Culture ในโลกยุคใหม่ไปแล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอนิเมะ เกม และงานศิลป์ต่าง ๆ
กลยุทธ์เพิ่มเสน่ห์กล่องสุ่ม
“จัสติน มูน” ประธาน ป๊อบมาร์ท อินเตอร์เนชันแนล กล่าวเมื่อครั้งเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า ปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจกระแสพ็อปคัลเจอร์เพิ่มขึ้นมาก หนึ่งในนั้นคืออาร์ตทอย ในรูปแบบกล่องสุ่มที่สร้างความตื่นเต้น และต้องลุ้นว่าเมื่อเปิดกล่องออกมาจะได้ตัวอะไร
การสร้าง “Iconic Crossovers” จึงเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มเสน่ห์ให้แก่ผลงานอาร์ตทอยของ POP MART ซึ่งมีจำนวนจำกัด เช่น Molly x Snoopy หรือ Labubu x Spongebob เป็นต้น นอกจากนี้ การร่วมมือกับสตูดิโอและแบรนด์ระดับโลกยังช่วยสร้างความตื่นเต้นและมอบประสบการณ์ใหม่ ๆ สำหรับแฟน ๆ กล่องสุ่มอยู่เสมอ
กระแสนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นยังทำให้เกิดความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงานคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่างดีซี ดิสนีย์ วอร์เนอร์ แฮร์รี พอตเตอร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
เป้าหมายของ POP MART จึงเหมือนเป็นการสร้างห้องจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งรวบรวมผลงานการออกแบบอันเกิดจากแรงบันดาลใจและแนวคิดที่กลั่นกรองอย่างลึกซึ้ง สะท้อนบริบททางสังคมในแง่มุมต่าง ๆ ผ่านผลงานของศิลปินและนักออกแบบทั่วทุกมุมโลก