แม่และเด็ก

ไข้อีดำอีแดง (Scarlet fever) : โรคติดต่ออันตรายที่พ่อแม่ต้องรู้

Mood of the Motherhood
เผยแพร่ 04 มี.ค. เวลา 00.24 น. • Features

หนึ่งในความกังวลใจของคุณพ่อคุณแม่ คือการดูแลสุขภาพ เฝ้าระวัง และป้องกันลูกจากอันตรายทั้งจากอุบัติเหตุและความเจ็บไข้ได้ป่วย โดยเฉพาะความเจ็บป่วยจากโรคติดต่อเวลาที่ลูกไปโรงเรียน เพราะเด็กๆ ต้องใกล้ชิดกัน ทำให้การติดเชื้อโรคสามารถแพร่กระจายได้ง่ายสถานการณ์โรคติดต่อในเด็กล่าสุด นายแพทย์ภาญมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 พบผู้ป่วยด้วยโรค ไข้อีดำอีแดง หรือโรคไข้ดำแดง จำนวน 455 ราย ซึ่งค่ามัธยฐาน (ค่ากลาง) ของผู้ป่วยด้วยโรคนี้ 5 ปีย้อนหลัง อยู่ที่จำนวน 605 รายต่อปี จึงถือว่ามีผู้ป่วยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนมากเกิดขึ้นกับเด็กอายุ 5-15 ปีการระบาดของ ไข้อีดำอีแดง ทำให้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บางโรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทำความรู้จัก ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยในเด็ก โดยมีสาเหตุมาจากแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัส กลุ่มเอ(Group A Streptococcus) เป็นเชื้อที่สามารถสร้างสารพิษ (Toxin) ที่เป็นตัวการทำให้เกิดผื่นแดงสากทั่วร่างกาย ลักษณะเด่นของโรคนี้คือมีผื่นและอาการคออักเสบร่วมกัน ซึ่งแตกต่างจากไข้หวัดทั่วไปในอดีต ไข้อีดำอีแดงเคยเป็นโรคที่น่ากลัว เพราะทำให้ผู้ป่วยมีอัตราการเสียชีวิตสูง แต่ปัจจุบันโรคนี้สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ แต่หากป่วยด้วยโรคนี้แล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา หรือรักษาไม่ครบถ้วน อาจทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวต่อหัวใจ ไต และระบบภูมิคุ้มกันของเด็กได้การติดต่อ• ละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ป่วย• การสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก หรือของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม แปรงสีฟัน• การสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อ แล้วนำมือมาสัมผัสปาก จมูก หรือดวงตาอาการของไข้อีดำอีแดงหลังจากได้รับเชื้อ 1-4 วัน อาการที่ควรสังเกต ก็คืออาการระยะแรก• ไข้สูงและหนาวสั่น• เจ็บคอมาก บางครั้งมีหนองที่ต่อมทอนซิล• คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้อง (บางกรณีอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ)• ปวดหัว เพลีย เมื่อยล้าอาการที่เกิดขึ้นภายหลัง (1-2 วันหลังเริ่มป่วย)• มีผื่นแดงขึ้น เริ่มจากหน้าอก ลำคอ และค่อยๆ ลามไปทั่วตัว• ลิ้นมีตุ่มสีแดงคล้ายสตรอว์เบอร์รี มักเกิดหลังมีไข้และคออักเสบ• ผิวหนังลอกลักษณะเฉพาะของไข้อีดำอีแดง• แก้มแดงแต่รอบปากซีด (circumoral pallor)ภาวะแทรกซ้อนของไข้อีดำอีแดงภาวะแทรกซ้อนระยะสั้น• หูชั้นกลางอักเสบ ทำให้มีอาการปวดหู หูอื้อ และอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินชั่วคราว• ไซนัสอักเสบ มีน้ำมูกข้นสีเขียวหรือเหลืองและปวดบริเวณโพรงไซนัส• ต่อมทอนซิลเป็นหนอง• ปอดอักเสบ หายใจลำบากภาระแทรกซ้อนระยะยาว• ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)• ไตอักเสบจากเชื้อสเตรป (Post-Streptococcal Glomerulonephritis)• ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia)อ้างอิงpidst.or.thchularat3interthairath

ดูข่าวต้นฉบับ