สังคม

ชวนรู้จัก เครื่องบินตกหลุมอากาศ คืออะไร และ ทำไมถึงเกิดขึ้น

สวพ.FM91
อัพเดต 22 พ.ค. 2567 เวลา 06.54 น. • เผยแพร่ 22 พ.ค. 2567 เวลา 03.59 น.

วันที่ 22 พ.ค. 2567 จากเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 ที่เดินทางจากลอนดอนไปสิงคโปร์ ประสบอุบัติเหตุตกหลุมอากาศรุนแรง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายและบาดเจ็บหลายราย สุดท้ายนักบินจึงตัดสินใจลงจอดฉุกเฉินที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย

หลายๆคนคงสงสัยว่า "หลุมอากาศคืออะไร และมันเกิดได้อย่างไร" สำหรับคนที่เดินทางด้วยการบินบ่อย ๆ จะคุ้นเคยกับการกระตุกอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินเข้าสู่หลุมอากาศ ซึ่งสามารถทำให้เครื่องบินเคลื่อนที่และเปลี่ยนระดับความสูงอย่างกะทันหัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไซมอน คิง อดีตนายทหารแห่งกองทัพอากาศของสหราชอาณาจักร (RAF) และเป็นผู้สื่อข่าวแผนกสภาพอากาศของบีบีซี เผยว่า หลุมอากาศส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเมฆที่มีลมพัดขึ้นและลง โดยส่วนใหญ่จะเป็นหลุมอากาศที่ค่อนข้างเบา แต่ในเมฆขนาดใหญ่ เช่น เมฆคิวมูโลนิมบัส ที่ก่อให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง การเคลื่อนไหวของอากาศที่วุ่นวายสามารถก่อให้เกิดหลุมอากาศระดับปานกลางหรือแม้แต่ขั้นรุนแรงได้ มีหลุมอากาศอีกประเภทหนึ่งที่ถูกเรียกว่า "ความปั่นป่วนในอากาศที่ชัดใส" ซึ่งตามชื่อก็บอกว่าไม่มีเมฆและไม่สามารถมองเห็นได้ หลุมอากาศชนิดนี้เป็นปัญหามากกว่าเพราะตรวจจับได้ยาก

"หลุมอากาศ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงของการไหลของอากาศอย่างฉับพลัน โดย ในระดับต่ำ อาจขึ้นลง 1 เมตร ผู้โดยสารอาจไม่รู้สึก ระดับปานกลาง ขึ้นลง 3-6 เมตร ผู้โดยสารรู้สึก น้ำในแก้วอาจหก และระดับรุนแรง ขึ้นลงได้มากถึง 30 เมตร ผู้โดยสารถ้าไม่รัดเข็มขัด อาจหลุดจากเก้าอี้ได้ เมื่อเครื่องบินตกหลุมอากาศ ผู้โดยสารจะเหมือนตกลงไปจากระดับการบินเดิมเล็กน้อย บางครั้งเครื่องจะสั่น และหากรุนแรงมาก ก็อาจเกิดความเสียหายของข้าวของภายในเครื่องได้

เวลาเครื่องบิน บินอยู่กลางอากาศนั้น ต้องใช้แรงยกจากอากาศที่เคลื่อนที่ผ่านปีกไป ซึ่งโดยปกติแล้ว อากาศจะมีความหนาแน่นเท่ากัน และเคลื่อนที่สม่ำเสมอไปพร้อมกัน แต่บางครั้ง เมื่ออากาศส่วนบน และส่วนล่างมีความเร็วในการเคลื่อนที่แตกต่างกัน หรือมีความหนาแน่นต่างกันมาก ๆ บริเวณรอยต่อจึงเกิดการปั่นป่วน และเคลื่อนที่คล้าย ๆ กับระลอกคลื่น เมื่อเครื่องบินบินผ่านเข้าไปในบริเวณนี้จึงเกิดการสั่นสะเทือน เหมือนตกหลุม"

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สาเหตุของการเกิดหลุมอากาศ คือ
1.เกิดขึ้นเมื่อเครื่องบิน บินเข้าไปใกล้กับรอยต่อระหว่างขอบนอกของกระแสลมกรด กับบริเวณสภาพอากาศปกติ
2.เกิดขึ้นเมื่อมีลมพัดปะทะภูเขา ทำให้อากาศอีกด้านปั่นป่วน เกิดเป็นหลุมอากาศ สามารถคาดการณ์ได้
3.พายุฝนฟ้าคะนอง สามารถตรวจพบได้ นักบินจึงหลีกเลี่ยงไม่บินไปใกล้ได้

กาย กราตตัน นักวิชาการด้านการบินและนักบินพาณิชย์กล่าวว่า ความปั่นป่วนประเภทนี้เกิดขึ้นรอบ ๆ กระแสลมกรด (jet stream) ซึ่งพบได้ทั่วไปที่ความสูง 40,000-60,000 ฟุต
CAT (Clear Air Turbulence) คือความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส เมฆทุกชนิดที่เกิดขึ้นในท้องฟ้าสามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนให้ทราบถึงความปั่นป่วนได้ว่ารุนแรงมากน้อยเพียงใด ซึ่งนักบินจะต้องเลือกว่าจะหลีกเลี่ยงหรือบินผ่านเข้าไปในเมฆชนิดนั้น เมื่อนักบินสังเกตเห็นเมฆปรากฏอยู่เบื้องหน้า นักบินสามารถประเมินความรุนแรงของความปั่นป่วนได้ และอาจตัดสินใจลดความเร็วของเครื่องบินลงหรือปฏิบัติการอย่างอื่น

ตามคำแนะนำเพื่อผจญกับความปั่นป่วนนั้น แต่มีความปั่นป่วนอีกชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งเตือนใดๆ ที่มองเห็นได้ มีเครื่องบินจำนวนมากที่บินอยู่ในบริเวณที่ไม่มีก้อนเมฆปรากฏอยู่เลย แต่เครื่องบินได้รับการกระแทกหรือราวกับถูกจับโยนเหมือนกับเรือที่แล่นอยู่ในทะเล ที่เต็มไปด้วยระลอกคลื่น เรียกความปั่นป่วนในลักษณะนี้ว่า ความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

สาเหตุของความปั่นป่วนบริเวณ Jet Stream เกิดจากด้านในสุดของแกนของ Jet Stream อาจมีความเร็วสูงสุดถึง 250 mph แต่ถัดออกมาด้านนอก ความเร็วลมก็จะลดลงเรื่อยๆจนถึงขอบนอกอาจเหลือเพียง 50 mph โดยในแต่ละจุดของความแตกต่างของความเร็วลม จะเกิดกระแสอากาศหมุนวน เกิดความปั่นป่วน เรียกว่า CAT ปรากฏการณ์ที่พบได้บ่อยเมื่อเครื่องบิน บินผ่านบริเวณ CAT คือเครื่องบินจะเกิดการโยนตัวอย่างทันทีทันใด หรือที่เรียกว่า ตกหลุมอากาศ (Air Pocket) ระดับความรุนแรงของความปั่นป่วนนี้อาจอยู่ในขั้นปานกลางถึงขั้นรุนแรง
ลำดับชั้นความรุนแรงของความปั่นป่วน แบ่งเป็น
– ความรุนแรง ระดับเล็กน้อย : สภาพอากาศเกิดความแปรปรวนเล็กน้อย ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัด และอยู่กับที่ โดยสิ่งของต่างๆ ในเครื่องบินจะไม่ขยับ และอยู่นิ่งกับที่
– ความรุนแรง ระดับปานกลาง : สภาพอากาศเกิดความแปรปรวน โดยผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัด และอยู่กับที่ ความรุนแรงนี้อาจทำให้ผู้โดยสารอาจถูกโยนตัวเป็นครั้งคราว แม้รัดเข็มขัด และสิ่งของในเครื่องบินอาจเคลื่อนที่ได้
– ความรุนแรง ระดับรุนแรง : สภาพอากาศเกิดความแปรปรวน ทำให้นักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้ชั่วขณะหนึ่ง ผู้โดยสารจะถูกโยนตัวขึ้น – ลง อย่างรุนแรง ขณะรัดเข็มขัด พร้อมกับสิ่งของต่างๆ อาจถูกโยนขึ้น และลอยตัวในอากาศได้
– ความรุนแรง ระดับรุนแรงมากที่สุด : หนึ่งในระดับที่เกิดขึ้นน้อยมาก ทำให้สภาพอากาศเกิดความแปรปรวน ทำให้นักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้เลย เครื่องบินถูกโยนขึ้น – ลง อย่างรุนแรง และอาจสร้างความเสียหายต่อตัวเครื่องบินได้

บริเวณของ CAT จะเคลื่อนที่ไปในทิศตะวันออกเสมอ โดยจะเคลื่อนที่ตามแนวปะทะอากาศ (Front) ที่เกิดขึ้นในบรรยากาศ ของผิวพื้นโลก
อันตรายของ CAT (Clear Air Turbulence) ต่อเครื่องบินที่กำลังทำการบินในอากาศโดยเฉพาะเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่ ที่ทำการบินในระดับสูง ๆ เมื่อเครื่องบินเข้าสัมผัสกับบริเวณของ CAT จะประสบกับความปั่นป่วนของอากาศ เกิดการสั่นสะเทือนของเครื่องบินอย่างรุนแรง ทำให้ผู้โดยสารตกใจ ขาดความสุข หรือบางครั้งรุนแรง ทำให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องบินและผู้โดยสารบาดเจ็บได้

ดังนั้น ก่อนทำการบินทุกครั้ง นักบินและผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการบินจะต้องศึกษาตำแหน่งของ CAT ให้ละเอียดจากเอกสารประกอบการบิน (Flight folder) และข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยง หรือลดความรุนแรงของ CAT เพื่อให้เกิดความสะดวก ความสุข ความปลอดภัยและความมีประสิทธิภาพของการบิน

การตกหลุมอากาศรุนแรงอาจเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร เนื่องจากการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นไปทั่วห้องโดยสาร
กาย กราตตัน กล่าวอีกว่า เรากำลังเผชิญกับความปั่นป่วนของอากาศหรือหลุมอากาศที่บ่อยครั้งมากขึ้น พร้อมบอกว่า สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะคนเดินทางทางอากาศมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า อากาศมีการจราจรมากขึ้น ทำให้การตัดสินใจของนักบินในการหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนยุ่งยากขึ้น เนื่องจากพวกเขาต้องรักษาระยะห่างขั้นต่ำที่ปลอดภัยจากเครื่องบินลำอื่นในพื้นที่

เรียบเรียงจาก IPST Thailand และ BBC NEWS ไทย

ดูข่าวต้นฉบับ