หุ้น การลงทุน

อวตาร 2 มาแรง! ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 กำลังจะดันราคาหุ้น MAJOR ให้ดีกว่าตลาด

Wealthy Thai
อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 20.50 น. • เผยแพร่ 16 ธ.ค. 2565 เวลา 11.59 น. • กฤษฎิ์ รัตนธีระธาดา

โรงหนังภาพยนตร์ หนึ่งในกลุ่มธุรกิจสื่อนอกบ้านเพื่อความบันเทิงที่ผลการดำเนินงานเกิดการชะลอตัวมาโดยตลอดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ประเทศขึ้นมาบ้าง แต่ก็อาจไม่จะช่วยทดแทนรายได้ส่วนที่หายไปจากการปิดประเทศ
อย่างไรก็ตามภาพรวมต่างๆ เริ่มที่จะส่งสัญญาณการฟื้นตัวและปรับตัวดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่คลายล็อกดาวน์ประเทศและหนังฟอร์มยักษ์ต่างๆก็เริ่มถูกเข็นเข้าโรงหนังมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดแฟรนไชส์หนังที่เคยทำเงินได้มากที่สุดอย่าง AVATAR ก็ได้นำหนังภาคต่อ AVATAR 2 เข้าฉายในวันที่ 14 ธ.ค. 65 เป็นวันแรก
ซึ่งแน่นอนว่ากระแสการตอบรับจากคอหนังและผู้คนทั่วไปได้ให้ความสนใจในการรับชมอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ในแง่ของการลงทุนบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ก็ได้รับประโยชน์ไปด้วยเช่นกัน แต่ประโยชน์ในครั้งนี้จะทำให้หุ้นน่าสนใจได้หรือไม่ ทาง Wealthy Thaiจะพาชมมุมมองจากนักวิเคราะห์กัน
ทั้งนี้บทวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ให้มุมมองว่า เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 65 เป็นวันแรกที่หนัง AVATAR 2 ฉายในไทย ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลกระแสตอบรับจากตัวโครงสร้างหนังน่าจะดึงดูดผู้ชมเข้ามาได้เรื่อยๆ ทั้งจากในมุมภาพและเสียงทำออกมาดีเหนือชั้นมากเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับการรอคอย 13 ปีที่ห่างจากหนัง AVATAR ภาคแรกที่เคยทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 2.9 พันล้านเหรียญ
โดยคาดว่าน่าเจาะกลุ่มลูกค้าเป็นวงกว้างได้ เนื่องจากเนื้อเรื่องดูได้ทุกเพศทุกวัยและกระแสตอบรับอยู่ในระดับดีมาก สะท้อนจากวันที่ 14 ธ.ค. 65 “AVATAR2” ติด Google Search อันดับ 1 ในไทย ปัจจุบัน (14 ธ.ค.) มียอดจองใน 10 วันข้างหน้า (25 ธ.ค.) ในบางโรง มีคนจองกว่าครึ่งโรง และบริษัทมีการเพิ่มรอบฉายช่วงดึก 23.00 น. ในบางโรงภาพยนตร์
ดังนั้นจากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาน่าจะเป็นเซนติเม้นท์เชิงบวกที่ดี หนุนราคาหุ้น MAJOR ให้ Outperformตลาดในช่วงที่เหลือของปีได้ จึงให้ราคาเป้าหมาย 21.80 บาท โดยราคาหุ้น Majorในปัจจุบัน 19.6 บาท ยัง Laggard และขยับขึ้นมาไม่มาก สังเกตได้จากผลตอบแทนตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันที่ 0% และผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ -2%

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ส่วนบทวิเคราะห์บล. เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 23.50 บาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4/65 จะได้รับแรงหนุนสำคัญจากหนังที่เข้าฉายในไตรมาส 4/65 จะยังคงได้รับความนิยม ทั้งหนังฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศอย่าง Black Adam, Avatar2 : The way of water และ Black Panther : Wakanda Forever และภาพยนตร์ไทยอย่าง บัวผัน ฟันยับ
ขณะเดียวกันช่วงไตรมาส 4/65 จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองต่างๆ หนุนให้ผู้คนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลบวกต่อรายได้การจำหน่ายตั๋วหนังรวมถึงรายได้จากธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ จึงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 จะเติบโตได้ 122.5% (ตัดกำไรพิเศษปี 64 ออกไป) จากปีก่อนหน้าหรืออยู่ที่ 356 ล้านบาท
ทั้งนี้ในปี 2566 คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะสามารถเติบโตได้จากปีก่อนหน้า 155.4% หรืออยู่ที่ 910 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนกำไรปี 65 และ 66 มาจากการฟื้นตัวอย่างโดดเด่นของรายได้ขายตั๋วหนังจากการที่บริษัทสามารถเปิดดำเนินการโรงภาพยนตร์ได้อย่างเต็มรูปแบบและการเปิดประเทศหลังสถานการณ์ Covid-19 เริ่มผ่อนคลายลงและส่งผลให้เกิดการฟื้นตัวต่อเนื่องถึงปี 66
รวมถึงจำนวนหนังที่เข้าฉายในปี 66 ที่จะเพิ่มขึ้นและมีหนังจำนวนมากที่เป็นที่นิยม ทั้ง Ant man and the Wasp : Quantumania, John Wick 4 และขุนพันธ์ 3 ในไตรมาส 1/66 Guardian of the Galaxy Vol.3, The Little Mermaid และ Transformer : Rise of the Beasts ในไตรมาส 2/66
เช่นเดียวกับช่วงครึ่งปีหลังที่ยังคงมีหนังที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเข้าฉายอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายตั๋วแล้ว ยังมีผลบวกต่อรายได้จากการจำหน่าย Concession และ Advertising ด้านแผนขยายสาขาปี 66 อยู่ที่ 5 สาขา รวม 33 โรงภาพยนตร์

ดูข่าวต้นฉบับ