“สมคิด” ชี้ไทยประธานอาเซียนปี 62 ต้องเป็น “สปอตไลต์” ดึงดูดให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญ สั่งทุกกระทรวงเตรียมเนื้อหาประชุมให้เป็นซีรีส์ ตอบโจทย์สร้างความยั่งยืนทุกมิติ ด้านพาณิชย์ เตรียมเสนอส่งเสริมเอสเอ็มอีอาเซียนพร้อมรับ 4IR หลังประเมินปี 68 เศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน มูลค่าถึง 2 แสนล้านเหรียญฯ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี 62 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้วางเป้าหมายให้ไทยเป็นสปอตไลต์แห่งภูมิภาค เพื่อดึงดูดให้ทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของอาเซียน ด้วยการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ จึงมอบหมายให้ทุกกระทรวงจัดทำแผนงานหรือโครงการต่างๆที่มีเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนเพื่อเสนอให้อาเซียนผลักดันให้ประสบความสำเร็จ ถ้าไทยออกแบบให้อาเซียนมีความต้องการเหมือนกัน จะเป็นจุดหนึ่งของการสร้างความยั่งยืนให้อาเซียน
“ในการประชุมอาเซียน ซัมมิท จะมีการประชุมที่เป็นเวทีของแต่ละกระทรวง จึงขอให้ไปจัดเตรียมเรื่องที่มีเป้าหมายเหมือนกัน เพื่อให้เรื่องที่ออกมาเป็นซีรีส์ ทุกหน่วยงานต้องคิดแผนให้ละเอียด และแผนงานทุกด้านต้องถักทอเป็นเรื่องราวที่เชื่อมโยงไปสู่จุดหมายเดียวกัน เช่น ดิจิทัล อาเซียนกำลังให้ความสนใจ และพยายามผลักดันเรื่องนี้เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความเสมอภาค ฉะนั้น แต่ละกระทรวงต้องไปคิดว่าจะนำดิจิทัลมาช่วยได้อย่างไร”
สำหรับการที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ถ้าทำให้ดีจะมีบทบาทที่เล่นได้เพื่อความเจริญของภูมิภาคและอาเซียนมีอายุครบ 50 ปีแล้ว การจัดวาระการประชุมต้องไม่ใช่วาระปกติเหมือนการประชุมสมัยก่อน ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนต้องสร้างจุดเด่นขึ้นมาเหมือนที่เคยมีความริเริ่มเชียงใหม่ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 40
ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในโอกาสที่ไทยจะเป็นประธานอาเซียน หนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะเสนอให้อาเซียนผลักดันให้ประสบความสำเร็จคือ การส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) เตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงการปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 (4IR) และจะผลักดันให้อาเซียนกำหนดแนวทางทำงานอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เอสเอ็มอีอาเซียนพร้อมรับมือเรื่องนี้ “อาเซียนเตรียมการเอสเอ็มอี ให้รับมือกับการปฏิวัติอุตสาห-กรรม 4.0 แล้ว มีการศึกษาเพื่อประเมินความพร้อมของอาเซียน โดยพบว่า ผลจากการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล จะทำให้มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลของ 6 ตลาดใหญ่อาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เติบโตได้ถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 68 จากปัจจุบัน 50,000 ล้านเหรียญฯ และจะกลายเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่ที่สุดติด 1 ใน 5 ของโลก”
สำหรับไทย ภาครัฐได้ดำเนินการรับมือ 4IR อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การประกาศนโยบายประเทศไทย 4.0 ส่งผลให้ไทยเป็น 3 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ ไทยและมาเลเซีย ที่มีความพร้อมต่อยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ก.ย.61 กรมได้จัดสัมมนา “เอสเอ็มอี ไทยก้าวไกลในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4” เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเอสเอ็มอีไทยรับมือ 4IR ที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการผลิต การบริโภค และการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น โรงงานอัจฉริยะ (สมาร์ทแฟ็กโตรี) ที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเตอร์เน็ตเข้ามาใช้ในทุกหน่วยของการผลิตแบบครบวงจร, การใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการจะต้องเรียนรู้และเตรียมความพร้อมรับมือให้ได้.
デチャ(諏訪) ฝันไปตามความเพ้อของคนเรียนรู้แต่ทฤษฎีไปวันๆ ความจริงคืออะไรรู้แค่ไหนพิสูจน์ให้ปชชเห็นบ้างสินั่งทำงานมา2-3ปีปชขรากหญ้ามีแต่จนลงทุกแขนง ยังไม่ละอายใจบ้างหรือไง ด้านไม่มีที่ติ คิดว่าเรียนมาจะรู้จริงกลับเอาแต่คุยโว เอสเอ็มอี มีแต่จะวอดวายไปทุกๆวัน หัดรู้ความจริงกันบ้างสิ
18 ก.ย 2561 เวลา 12.26 น.
Duke มันหมดยุค รับจ้างผลิต แล้ว ตอนนี้ นักลงทุน เขาแค่อยากได้ที่ดิน ไว้วางเครื่องจักร วางของ แค่นั้น ที่เหลือ ก็หุ่นยนต์ทำงาน โครงการที่กล่าวมาทั้งหมด คือ โครงการแบบ ยืมจมูกคนอื่นหายใจทั้งนั้น
ถ้านักลงทุนไม่มา หรือมาแล้ว แต่อยู่ไม่นาน สุดท้าย มันก็ แป๊ก เหมือนเดิม
19 ก.ย 2561 เวลา 05.53 น.
ดูทั้งหมด