น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย แถลงต่อประเด็นที่ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน 84 คน เข้าชื่อเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผ่านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ให้วินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ประจำปี 2563 ตราขึ้นโดยชอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 หรือไม่ หลังพบกรณีที่ส.ส.ใช้สิทธิออกเสียงแทนกันระหว่างการพิจารณา
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ส.ส.มีสิทธิเข้าชื่อเพื่อส่งเรื่องต่อศาลให้พิจารณาต่อกระบวนการตราร่างกฎหมายว่าชอบหรือไม่ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นอาจขัดต่อหลักการปฏิบัติหน้าที่ฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยและใช้สิทธิเกิน 1 เสียง ที่แต่ละคนได้รับตามรัฐธรรมนูญกำหนด อย่างไรก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาและวินิจฉัยว่ากระบวนการตรากฎหมายไม่ชอบ จะทำให้ร่างกฎหมายนั้นต้องตกไปทั้งฉบับ
“ในประเด็นที่จะเกิดขึ้นหลังคำวินิจฉัยหากให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ตราไม่ชอบด้วยกฎหมาย จะทำให้ร่างกฎหมายนั้นเป็มโมฆะ แต่ความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลนั้นไม่ใช่การลาออก หรือยุบสภา เพราะไม่ใช่เป็นกรณีที่สภา ไม่ให้ความเห็นชอบกับเนื้อหา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างกระบวนการตราร่างกฎหมาย จึงถือว่าเป็นความผิดเฉพาะบุคคล ที่ต้องตรวจสอบ อย่างไรก็ดี ผมยอมรับว่า การให้บุคคลอื่นใช้สิทธิแทนตัว โดยไม่ทราบว่าบุคคลใดใช้สิทธิออกเสียงเป็นเรื่องใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เคยมีคำวินิจฉัยไว้”
ส่วนกรณีที่มีคำร้องจากสภาไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งส่วนของฝ่ายค้านหรือรัฐบาลนั้น หากเข้าสู่กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาแยกเป็นรายประเด็น
กรณีที่คำร้องของส.ส.พรรครัฐบาลระบุให้ศาลวินิจฉัยระยะเวลาการพิจารณาร่างกฎหมาย ในชั้นของสภาว่าหากกระบวนการไม่ชอบจะเกินเวลา 105 วัน ที่สภาต้องให้ความเห็นชอบและต้องย้อนกลับไปใช้ร่างกฎหมายฉบับรับหลักการ ตนมองว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะกรณีที่เกิดขึ้นนั้น สภาผ่านการพิจารณาและลงมติวาระ 3 ได้ก่อนครบ 105 วัน ในวันที่ 19 มกราคม เพราะสภาฯ ลงมติวาระสามวันที่ 11 มกราคม
ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า คำร้องที่พรรคฝ่ายค้านยื่นคือเป็นประเด็นว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 จะเป็นโมฆะ เพราะกระบวนการตราไม่ชอบหรือไม่
ส่วนการพิสูจน์ว่าบุคคลใดที่ทำผิดให้บุคคลอื่นเสียบบัตรแทนกันเป็นคนละกระบวนการ และกรณีที่ปรากฎคลิปส.ส.เสียบบัตรแทนกันล่าสุด ที่พบว่าเห็นใบหน้าของส.ส.ที่กดบัตรแทนคนอื่นนั้น ตนมองว่าถือเป็นการกระทำความผิดที่ชัดเจนและอาจมีโทษอาญาได้
ต้าว เคยแกล้งกันไว้แล้วมาวนกลับหาตัวเอง แล้วจะบอกว่าขอให้จบกันไปเพื่อเศรษฐกิจชาติ
23 ม.ค. 2563 เวลา 02.36 น.
Wichit.Siri ดูหน้าคนนี้ก็ขี้ข้านี่เอง👣👣👣👣👣👣
22 ม.ค. 2563 เวลา 14.34 น.
Keeratikorn เศรษฐกิจชะงัก...กำลังซื้อถดถอย...กูทำธุรกิจจะชอบหายแรว
ออกมาได้แล้วงบปี63
22 ม.ค. 2563 เวลา 14.19 น.
ตุ๊ เอาให้เหมาะ
22 ม.ค. 2563 เวลา 14.15 น.
ชุมสาย เป็นโมฆะก็น่าจะเฉพาะมาตรที่เสียบบัตรแล้วใช้สิทธิ์แทนกัน จะเป็นทั้งฉบับไม่น่าจะได้เพราะนอกนั้นเจ้าของบัตรอยู่และลงมติเห็นชอบ หากระบบอิเล็คทรอนิคส์แม่งวุ่นวายก็ไปใช้ระบบบุร่ำบุราณ คือ ขานชื่อเป็นรายบุคคลเลยครานี้จะได้รู้ละว่าใครอยู่หรือไม่อยู่
22 ม.ค. 2563 เวลา 14.10 น.
ดูทั้งหมด