ไลฟ์สไตล์

สิ่งที่นึกขึ้นได้เมื่อถูกนินทา - เพจบันทึกนึกขึ้นได้

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 03 ม.ค. 2563 เวลา 03.31 น. • เพจบันทึกนึกขึ้นได้

ใครบ้างไม่เคยถูกนินทา ?

ใครบ้างไม่เคยถูกเอาไปพูดลับหลัง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ใครบ้างที่ไม่เคยโดนดูถูก สบประมาทว่าทำอย่างที่คิดไว้ไม่ได้หรอก

แล้วใครบ้างที่ไม่เคยนินทาคนอื่นเลย 

ผมเข้าใจนะว่า คนที่ผ่านช่วงเวลาที่ถูกนินทามาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันแล้ว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ความรู้สึกมันเป็นยังไง

การลอยตัวอยู่เหนือคำพูดที่ไม่ได้สร้างอะไรที่ดีให้ชีวิตเราเนี่ย

มันแฮปปี้ขนาดไหน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่ผมก็ยังเข้าใจต่อไปอีกว่า

ยังก็มีอีกหลายคนที่ยังต้องร่วมวงอยู่ในบทสนทนา

ที่คนรอบๆ ตัวพูดถึงคนอื่นในทางที่เราไม่อยากร่วมวงด้วย

คนที่อยากรู้ว่า เวลาถูกนินทาเนี่ย เราควรหาทางออกให้ตัวเองอย่างไร

เวลาถูกสบประมาท หรือกดให้ต่ำลง เราควรเอาพลังจากที่ไหนมาต้านมันไว้

ผมคนนึงแหละ ที่บางครั้งก็อ่อนไหวไปกับคำพูดของคนอื่นเค้าเหมือนกัน

ก็ไม่ได้อ่อนต่อโลกอะไรหรอกนะแต่บางทีมันก็หงุดหงิด เวลาได้ยินคนเค้าพูดถึงเราเวลาเดินผ่าน

แต่พอเดินไปหาข้างหน้า ก็เงียบกริบไม่พูดอะไร

บทความนี้ไม่ใช่การนินทามานินทากลับ ด่ามาด่ากลับ

ถ้าคาดหวังว่าจะแซ่บถึงพริกขิงข่าละก็

ผมไม่น่าเสริฟเมนูนั้นให้ท่านได้

แต่ผมอยากมาชวนคิด ชวนกันบันทึกว่า

ถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ

เราควรคิดอย่างไรกับมัน

เราควรตอบกลับเขามั้ย

ควรใช้ความคิดยังไงในการทำความเข้าใจกับตัวเอง

แบบที่ถ้าเค้ายังนินทาเราอยู่

เราจะลอยอยู่เหนือคำครหา คำพูดที่ดึงเราให้จมลงไป

แบบที่สุดท้าย เขาไม่ได้มาสนใจว่าเราจะเจ็บปวด

หรือจมน้ำลายของพวกเขาจนตายรึเปล่า

และนี่คือสิ่งที่นึกขึ้นได้ เมื่อเราถูกนินทา

1. เราชอบนินทา แต่เราไม่ชอบถูกนินทา

หลายคนที่ผมรู้จักมองว่าการนินทา หรือการพูดลับหลังคนอื่นมันคือเรื่องปกติ

ไม่ได้เสียหายอะไร ก็เอามาคุยกันขำๆ ในหมู่เพื่อนฝูงของตัวเอง

นั่นเป็นอารมณ์ของคนที่เป็นผู้กระทำมากกว่า

มีหลายคนที่ผมสังเกตเห็น ชอบดื่มกินเรื่องราวของคนอื่นเป็นอาหาร

การได้รับรู้ความลับของใครสักคน ซึ่งถ้ามันเป็นเรื่องของเรา

แล้วสามารถเอาไปเล่าต่อได้

ถือเป็นการถึงจุดสุดยอดแบบที่หาที่สุดมิได้

ข้าวปลาไม่ต้องกิน อิ่มทิพย์แบบที่แค่ได้หัวเราะในลำคอ ก็อิ่มต่อไปอีกสองสามวัน

ผมเคยไปอ่านเจอบทความนึง เค้าบอกว่า การนินทากันเนี่ย

มันมีมาตั้งแต่มนุษย์เริ่มสื่อสารกันได้

ส่วนหนึ่งมันเป็นการคัดกรองคนที่เป็นพวกเดียวกับเรา

อารมณ์เหมือนเม้าท์กันในโต๊ะอาหาร แล้วใครร่วมวงเม้าด้วย เหมารวมได้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน

แต่ใครที่ไม่ได้ให้ความเห็น หรือพยายามเบือนหน้าหนี

เข้าใจได้ว่า เขาอาจไม่ใช่พวกเรา

ผมเองก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่บอกว่า การนินทาคือการหาพวกหรอกนะ

มันน่าจะมีวิธีการหาเพื่อน หาผู้ร่วมอุดมการณ์ได้ดีกว่าการนั่งนินทาคนอื่น

แต่พอได้มองอีกมุม

มุมที่คนที่นินทาเขา ถูกนินทากลับมาอีกทีเนี่ย

โหหหหห เวทีลุกเป็นไฟ นึกว่ามหกรรมพลุนานาชาติ

ใส่ไฟกันเก่ง

แน่นอนว่าพวกเค้าต่างไม่พอใจ ที่ถูกนินทากลับเช่นกัน

แค่นี้ก็น่าจะตอบได้แล้วนะว่า

ไม่มีใครหรอกที่ชอบการถูกนินทา

แปลกดีนะ บางคนมักจะบอกกับตัวเอง กับคนอื่นว่า

เราไม่ชอบให้ใครมาทำแบบนั้น แบบนี้กับเรา

แต่หลายครั้งที่เราเอง ก็กลายเป็นคนในแบบที่เราไม่ชอบซะอย่างนั้น

ทั้งแบบที่ไม่รู้ตัว และแบบที่ตั้งใจและยับยั้งตัวเองไม่ได้

ผมเลยได้แต่บอกกับตัวเองว่า

ไม่ชอบอะไร ก็อย่าไปทำแบบนั้นกับเค้า อยากให้เค้าปฏิบัติกับเราอย่างไร

ก็ทำทุกอย่างให้ดีกับเขาด้วยเหมือนกัน

ใช้ไม่ได้กับทุกคน

แต่ใช้ได้กับตัวเองแน่นอน

2. เงียบเอาไว้ ไม่ต้องบอกใคร เอาผลงาน ความสำเร็จที่พยายามมาเป็นคำตอบ

หลายคน รวมถึงตัวผมเอง เวลาถูกนินทา มักจะโมโห

ด้วยความที่ผมก็ไม่ได้ฝึกตัวเองให้รับกับสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ

ก็เลยมีสติหลุดกับมันไปบ้าง ซึ่งถ้าบริหารอารมณ์ตัวเองดีๆเนี่ย

คำชมกับคำนินทามันก็เหมือนกันนะ

ต่างกันที่ คำชมมันยกเราขึ้นไป ฟังแล้วมีความสุข

แต่คำนินทาเนี่ยมันฉุดเราลงมา ไม่ค่อยน่าเคลิ้มไปกับมันสักเท่าไหร่

แต่ถ้าเราไม่ไหวติงกับคำพูดทั้งสองแบบ

แบบที่ใครมาชมก็ยินดี ไม่ลอย ไม่ฟุ้ง

ใครนินทาก็โอเค ไม่ลดตัวลงไปร่วมด้วย

เราน่าจะเสถียรกับตัวเองมากกขึ้น

คำพูดมันมีอานุภาพในการสร้างใครสัก แล้วก็ทำลายใครสักคนได้

ฉะนั้นการอ่อนไหวไปกับทุกคำที่ทุกคนพูดใส่เรา มันก็เป็นการอนุญาตคนอื่นให้มาทำร้ายเราเปล่าๆ

ลองเป็นคนหูทวนลมดูบ้าง

ลองเป็นคนพูดน้อย แต่ทำเยอะ

เขามีแรงพูดก็พูดไป

เรามีแรงทำก็ใส่เต็มที่

ส่วนตัวผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องการพิสูจน์ตัวเองเพื่อลบคำสบประมาทอะไรแบบนั้นนะ

เพราะผมคิดว่า เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์อะไรให้กับคนเหล่านั้นเลย

คนที่พูดถึงเราข้างหลัง ที่แม้จะจำแทบไม่ได้ว่าตัวเองเคยพูดอะไรออกไป

แล้วเราจะพิสูจน์ให้เขาเห็นความสำเร็จของเราทำไม

การได้ดิบได้ดีของชีวิตเรา ไม่สมควรให้เครดิตกับคนที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึก

หรือความเป็นไปของเรา

แต่คนที่ต้องพิสุจน์ว่าเราทำได้ เราทำมันจนเสร็จ

นั่นก็คือตัวเราเอง

ความสำเร็จคือคำตอบทุกอย่าง

แรงที่ใส่ไปจนสุดแรง ก็จะทำให้ผลออกมาอุดมสมบูรณ์

พอผลที่เราทำออกดอกออกผล

เสียงนกเสียงกามันก็เงียบไปเอง

แต่ก็อย่าคาดหวังว่ามันจะเงียบ

ของแบบนี้ไม่มีวันหายไปจากโลกนี้หรอก

แต่พอถึงตอนนั้นจริงๆ

เราก็จะไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดที่เรารู้สึกได้แล้วว่า

มันไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตเราจริงๆ

แล้วก็อย่างลืมให้เครดิตคนที่เขาพาเรามาถึงจุดๆ นี้จริงๆ ด้วยนะ

3. ถ้าจำเป็นต้องฟัง ก็หยิบความจริงที่ใช่ มาปรับปรุงตัวเอง

เพิ่งบอกไปว่าให้ทำหูทวนลมบ้าง

ข้อนี้มาบอกให้ฟัง คุณอาจจะถามผมว่า สรุปมึงเอาไงแน่ 555

ผมกำลังจะบอกว่า

บางคำนินทา มันคือความจริง

ความจริงที่คนอื่นเค้าเห็นเรา แบบที่เราเป็น

ซึ่งบางทีมันก็ไม่เหมือนกับที่เรามองตัวเองนะ

นั่นก็ถือว่าเป็นโอกาสดี ที่บางครั้งได้รับรู้คำนินทาจากใครสักคน

แล้วลองเอามาคิดดูว่า เราใช่แบบนั้นจริงรึเปล่า

การมีภาวะที่สามารถรับฟังคำพูดของคนอื่นนำมาปรับกับตัวเองได้

ผมว่าเป็นหนึ่งในความสามารถที่เราควรมีเลยนะ

ซึ่งแน่นอน มันต้องเป็นความจริง

แต่ก็นันแหละ มันก็น้อยอยู่ที่คำนินทามันจะมีประโยชน์กับเรา

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย

เพราะบางทีเราก็เป็นตัวเองมาก จนลืมตัว

พอได้รับคำนินทาจากคนอื่นแล้ว มาพิจารณาดู

ว่าเราควรเป็นคนอื่นบ้างดีมั้ย

ไม่ใช่เพื่อให้คำนินทามันหายไป

แต่เป็นการปรับตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม

4. ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกนินทา แต่อย่าเหนื่อยที่จะทำให้ทุกคนพอใจ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยจริงๆ

ในแต่ละวันเราเป็นใครตั้งมากมาย เป็นพ่อ เป็นแม่

เป็นพี่ น้อง ลูกน้อง เจ้านาย เป็นแฟนเก่า เป็นเพื่อน

ถ้าจะต้องบกพร่องสักหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งอาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

เราเป็นคนนะคนที่ต้องทำอะไรผิดพลาดคนที่ไม่สามารถเป็นทุกอย่างที่เฟอเฟ็ค

ไม่มีบทบาทไหนที่เราไม่อยากทำมันให้ดี

แต่บางทีเราก็ทำให้ทุกคนพอใจในทุกบทบาทไม่ได้

มันเหนื่อย

นั่นจึงเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าเราจะถูกใครสักคนนินทา

จากการบกพร่องในหน้าที่บางอย่างของเรา

อย่าเหนื่อยที่จะทำให้ทุกคนพอใจเพราะบางทีมันก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับชีวิตพวกเขาหรอก

แค่มั่นใจว่าเราเต็มที่กับทุกหน้าที่แล้วใครจะมองยังไง ใครจะนินทาไปกี่ปากก็ช่างหัวพวกพวกเค้า

แค่เรารู้ตัวเองว่า เราเป็นใคร ทำอะไรอยู่

แล้วทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าออกมาให้ดีที่สุด

เพราะสุดท้ายสิ่งที่สำคัญจริงๆ 

มันไม่ใช่ว่าเขาพูดถึงเราว่าอย่างไร

แต่มันอยู่ที่ว่าเราเข้าใจ แล้วก็พูดกับตัวเองว่าอย่างไรมากกว่า

ติดตามบทความของเพจบันทึกนึกขึ้นได้ บน LINE TODAY ทุกวันศุกร์

ความเห็น 5
  • ถ้าคิดว่าทำดีและถูกต้องแล้ว ไม่ว่าใครจะคิดหรือว่าพูดอย่างไรก็อย่าเก็บเอามาคิดจะดีที่สุด เพราะว่ามันจะทำให้เสียสุขภาพจิตและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ขึ้นมาต่อตัวเองไปปล่าวๆ.
    03 ม.ค. 2563 เวลา 11.57 น.
  • กุเกลียดมึงคนไม่ดี
    เพิ่งรับปีใหม่มากี่วันก็โดนซะแล้วมีก็ไม่ดีจนก็ไม่ดีไม่รู้ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่สนใจอยากว่าอะไรก็ไม่พ้นตัวหรอกรู้ว่าอุจจาระอย่าเอามือไปจิ้มมันเหม็น
    03 ม.ค. 2563 เวลา 14.17 น.
  • ❤️🪐Buu💫🌏
    ดีนะที่ไม่ได้อ่านจนจบ ยาวชิบหาย
    03 ม.ค. 2563 เวลา 21.22 น.
  • ღℛ.❂Handmade❂ 
    ผมก็เคยคิดนะ นินทา กับความจริง มันคือเส้นบางๆ แต่บางทีเราก็แค่คาดหวังว่าเราไม่ทำเราไม่ชอบอะไรเราทำดีคิดดี เราก็จะได้แบบนั้นมา ซึ่งนั้นมันไม่ใช่ทุกคน คนบางคนเค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น บางทีก็ไม่ได้อยากให้ค่า และรับความจริงหากสิ่งที่พูดใันจริง แต่คน บางคน มันก็ใช้คำพูดแรงๆเสียดแทงจนยากเกินที่จะข่มความคิดไม่ให้เราคิดดีได้ และทำให้เราคิดว่า ต่อให้เราทำดีคิดดีกับคนประเภทนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร คิดเลวแม่มเลยล่ะกัน วินๆๆ เกลียดมากก็เกลียดไปทำไรมาก็ทำแบบนั้นไป ถึงแม้มันอาจจะดูไม่ดีแต่อย่างน้อย เราก็ไม่ได้
    03 ม.ค. 2563 เวลา 14.21 น.
  • ღℛ.❂Handmade❂ 
    เริ่มก่อน
    03 ม.ค. 2563 เวลา 14.23 น.
ดูทั้งหมด