ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
ภาพข่าวการนำ Hakeem (นักฟุตบอลชาวบาห์เรนระหว่างมาฮันนีมูนในไทยตั้งแต่ปลายปี 2561) ใส่โซ่ตรวนที่เท้าขณะลงจากรถเรือนจำเพื่อพิจารณาคดีเขาในการที่จะส่งเขาให้รัฐบาลบาห์เรนหรือไม่ กำลังเป็นกระแสรณรงค์แฮชแท็ก #SaveHakeem เพื่อไม่ให้ถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศบาห์เรนกำลังดังในสื่อทั่วโลก
ในขณะที่ภาพข่าวทหารมีอาวุธครบมือบุกจับกุมชาวกัมพูชาหรือเขมร (ที่มาเรียนในสถาบันปอเนาะแห่งหนึ่งในอำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี) นอนเอามือไขวhหลังในตาข่ายออกทุกสื่อสร้างความไม่พอใจให้มุสลิมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประเทศไทยและโลกมุสลิมด้วยข้อหาร้ายแรงตอนนั้นว่าฝึกยุทธวิธีทหาร
สําหรับภาพข่าวการนำ Hakeem ใส่โซ่ตรวนที่เท้านั้น สุณัย ผาสุข เจ้าหน้าที่ฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำไทยมองว่าเสียหายต่อภาพลักษณ์มากๆ เพราะว่า
“ภาพนี้ปรากฏต่อหน้าคณะทูต, ยูเอ็น, ผู้แทนฟีฟ่า, สื่อนานาชาติ, องค์กรสิทธิฯ ถึงแม้อธิบดีกรมราชทัณฑ์อ้างว่าเป็นหน้าที่ต้องตีตรวนตามกฎหมายไทย (อ้าง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ฉบับ คสช. 2560 ม.21)
“การพิจารณาใส่เครื่องพันธนาการ เป็นเรื่องที่ผู้ควบคุมเห็นแล้วว่าผู้ต้องขังเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงหลบหนี เนื่องจากนายฮาคีมเป็นอดีตนักฟุตบอล เป็นผู้ต้องขังคดีที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องระหว่างประเทศ”
สำหรับเรื่องความมั่นคงชายแดนใต้ที่หน่วยความมั่นคงเข้าไปจับกุมชาวกัมพูชาในปอเนาะ ในช่วงแรกต้องยอมรับว่าสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ปอเนาะเป็นอย่างมากเพราะถูกพิพากษาจากคนเสพข่าวผ่านสื่อส่วนกลางว่าเป็นแหล่งบ่มเพาะเยาวชนปฏิบัติการก่อการร้าย
แต่เมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2562 – ผบก.ภ.จว.ปัตตานี เผยว่า เด็กกัมพูชาเหล่าวนี้ไม่ได้ฝึกยุทธวิธีทางทหารอย่างที่เป็นข่าว ด้าน กอ.รมน.เผยขณะนี้ดำเนินคดีข้อหาหลบหนีเข้าเมืองอย่างเดียว
เมื่อความจริงปรากฏ ความเท็จก็มลาย แต่ความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็อยากเห็นความรับผิดชอบหน่วยความมั่นคงและบางสื่อที่พาดหัวให้ร้ายต่อเด็กและปอเนาะ
ความเป็นจริงการตั้งข้อหาว่าปอเนาะเป็นแหล่งบ่มเพาะการก่อการร้ายมีมานานแล้วจากหน่วยความมั่นคง
คําถามที่สังคมภายนอกอาจจะถามคือ ทำไมคนกัมพูชามาเรียนที่ปอเนาะชายแดนใต้ ความเป็นจริงไม่เพียงแต่มุสลิมกัมพูชาเท่านั้นที่มาเรียนปอเนาะชายแดนใต้ แต่ยังมีชาวมาเลเซีย อินโดนีเซียอีกจำนวนมากและเป็นที่รับรู้ของคนในพื้นที่มานานกว่าห้าสิบปีแล้วจากรุ่นสู่รุ่น อับดุลกอเดร์ มันแสละ อดีตนักเรียนปอเนาะและผู้ช่วยเชี่ยวชาญด้านมลายูศึกษาเขียนได้น่าฟังว่า
“มุสลิมกัมพูชามองว่าการศึกษาศาสนาในประเทศไทย ก้าวหน้ากว่าประเทศตัวเองมาก ตั้งแต่อดีตมาแล้ว เขาจึงนิยมส่งบุตรหลานมาศึกษาที่ปอเนาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือปตานี ที่ผ่านมาเกือบทุกปอเนาะก็มีคนต่างประเทศรอบๆ บ้านเรานิยมส่งบุตรหลานมาเรียนกีตาบ (หนังสือศาสนา) ที่ปอเนาะ ระยะหลังเมื่อมีเหตุการณ์ความไม่สงบ เด็กๆ เหล่านนั้นก็ลดลงไป
เรื่องการเข้าประเทศที่ไม่ถูกต้อง นั้นก็ว่ากันตามกฎหมายประเทศเราผมเห็นด้วย…
ถ้าหน่วยความมั่นคงไม่รู้ ผมจะเรียนให้ท่านรู้…ระบบปอเนาะแบบเก่า เด็กจะเรียนกันตั้งแต่หลังละหมาดซุบฮิ (เช้ามืด) เรียนกันไปจนถึง 4 ทุ่ม ย้ำสี่ทุ่ม เข็มสั้นอยู่ที่เลขสิบ เข็มยาวอยู่ที่เลขสิบสอง ที่ผมกล้าบอกอย่างนี้ก็เพราะผมเคยเรียนปอเนาะมาก่อน และปัจจุบันก็สัมผัสกับปอเนาะ เด็กปอเนาะเรียนอย่างหนัก โดยเฉพาะปอเนาะสายเก่าแบบดั้งเดิมเด็กเครียดทั้งวัน จนดึก ถามว่า เมื่อเลิกเรียนเด็กจะทำอะไร บางคนก็นอน แต่บางคนก็คลายเครียดด้วยการเล่นกีฬา สารพัดที่จะพอหาได้ หากไม่มีอะไร ก็ซ้อมเตะกับต้นกล้วย ว่ากันไป หากบาบอมาเห็นก็ตัวใครตัวมัน
แต่ปอเนาะที่เราเห็นจากภาพ นี่ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่เด็กปอเนาะจะสรรค์หามาประดิษฐ์ หมอนกับต้นไม้ อันนี้มีมานานมากแล้ว
เลิกเรียนกีตาบสี่ทุ่ม แน่นอนใครมาก็ต้องเห็นเด็กเล่นออกกำลังหลังสี่ทุ่มแน่นอน
ถ้าเป็นผมทำหน้าที่ตรงนั้น ผมจะขอพบบาบอ (เจ้าของปอเนาะ) ในทางลับก่อน คุยกันหาข้อมูลให้ชัดเจน…ที่สำคัญปอเนาะทุกปอเนาะเป็นปอเนาะเปิด บางปอเนาะไม่มีรั่ว เช่น ปอเนาะนี้อยู่ในสวนยางของบาบอ แล้วจะให้เด็กไปเล่นกันที่ไหน การเล่นในเวลาแบบนี้ มีเกือบทุกปอเนาะในสายเก่าดั้งเดิม
ด้วยความเป็นห่วงสถานการณ์ที่กำลังอ่อนไหว อยากให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรอบคอบ อย่าเอาเหตุการณ์หนึ่งมาโยงกับอีกเรื่องหนึ่งโดยขาดความรอบคอบ
ในทางทหาร การที่จะรับข่าวกรองหนึ่งๆ นั้น จะต้องผ่านการกลั่นกรอง วิเคราะห์ สังเคราะห์มาอย่างแน่นอนแล้ว ถึงจะดำเนินการ
เหตุการณ์ในครั้งนี้ผมก็เชื่อแน่ว่าข่าวที่บอกมีชาวกัมพูชามาเรียน น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจน แต่การฝึกของกองกำลัง ในที่เปิดเผย ในสวนยางของบาบอ นึกไม่ออกว่าไอ้กองกำลังนี้มันจะฝึกไปรบกับลิงที่ไหน หากปอเนาะนี้ไม่มีส่วนใดๆ เจ้าหน้าที่ทำไปตามข้อมูล พวกเราก็พร้อมจะให้อภัย แม้ว่าการปฏิบัติการที่เราเห็น มันจะรับไม่ได้ก็ตาม
เพราะเราเข้าใจการปฏิบัติการในช่วงนี้ มันอ่อนไหว ทุกคนต้องระวังตัว”
สรุปคือ ปอเนาะไทยก้าวไกลสู่โลกอาเซียนยอมรับ (ดีกว่าโรงเรียนไทยส่วนมากที่ติดธงอาเซียนหน้าโรงเรียน) มีเด็กอาเซียนมาเรียนมานานแล้ว
โจทย์ใหญ่กระทรวงศึกษาธิการ (ส่วนหน้า) ว่ามีช่องทางใดทางกฎหมายใดบ้างให้เขาใช้วีซ่านักเรียน เหมือนกับนักศึกษาที่เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยต่างๆ ในส่วนกลางหรือภูมิภาค
ท้ายสุดหน่วยความมั่นคงก็จะมีข้อมูลสิถิติอย่างชัดเจนว่ามีเด็กต่างชาติกี่คน ในขณะเดียวกันก็เป็นการหนุนเสริมเศรษฐกิจชุมชนจากการที่นักเรียนนำเงินตรามาใช้ในชุมชนอันเป็นผลดีต่อชาติในภาพรวม
หวังว่า “โซ่ตรวนนักเตะบาห์เรนกับกองกำลังครบมือจับเอามือไขว้หลังพร้อมตาข่ายเด็กเขมร (คดีวีซ่าขาด) จะสามารถให้บทเรียนต่อหน่วยความมั่นคง รัฐ สื่อไทย และกระบวนการยุติธรรมได้
€¥£ แล้วทำไมไม่มาให้ถูกกฏหมายล่ะ
เอาตรงๆ พื้นที่อ่อนไหว หรือไม่อ่อนไหว แค่ข้างบ้าน กทม. นี่ละ ถ้ามีเขมรหลบหนีเข้าเมืองมาเป็นฝูงใครๆก็กลัว
ปอเนาะกลัวเป็นฝ่ายเดียวเหรอ ให้ที่พักพิงผู้ลักลอยเข้าเมืองผิดกฏหมายแน่นอน อย่ามาอ้างนั่นอ้างนี่
ต่อให้แห่กันมาทั้งอาเซียน ถ้าเป็นคนเถื่อน เกิดปัญหา เจ้าทุกข์จะตามตัวได้ที่ไหน ยังไงล่ะ
อย่ามาอ้างปอเนาะ อ้างขื่อเสียง แค่ทำให้มันถูกต้องตามกฏหมายเบื้องต้นแค่นี้ยังไม่ได้ จะสอนอะไรใครได้
23 ก.พ. 2562 เวลา 06.08 น.
บี.เอส พูดแบบนี้แสดงว่ายอมรับ ว่าปอเนาะให้ที่พักพิงแก่ผู้ลักลอบเข้าเมือง แสดงว่าปอเนาะต้องเป็นสถานที่ๆน่าจับตา เป็นสถานที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่ง
23 ก.พ. 2562 เวลา 06.16 น.
chet ตอนที่พระถูกยิงเมื่อเดือนที่แล้วหายหัวไปไหนล่ะ หิวแม่งไร
23 ก.พ. 2562 เวลา 06.18 น.
rote แหล่งเพาะโจร.....ปอเนาะ .....มายาวนาน
23 ก.พ. 2562 เวลา 06.13 น.
Wi เข้ามาผิดกฎหมาย ละเรียนได้ยังไง นีว่ากันตามกฎ ไม่ได้อคติ
23 ก.พ. 2562 เวลา 06.15 น.
ดูทั้งหมด