Exclusive Interview : เปิดนิสัยใจคอ “ป้าทุบรถ” โหดจริงหรือซอฟต์ใส
ถ้ามีการจัดอันดับคนดังโลกโซเชียลในครึ่งปีแรกของปี 2561 จะต้องมีชื่อของ “ป้าทุบรถ” ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของโผอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่คลิปที่มีคนถ่ายไว้เผยแพร่ในโลกออนไลน์และกลายเป็นข่าว สามพี่น้องตระกูลแสงหยกตระการก็กลายเป็นที่รู้จักกันยกทีม และเป็นที่มาของแฮชแท็ก #ทีมป้าทุบรถ
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่วันเป็นข่าวใหญ่จนถึงหลังจากที่ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม ตัดสินให้คุณป้าชนะคดี ภาพที่เราได้เห็นคุณป้าทั้งสามคนส่วนใหญ่แล้วเป็นภาพการแถลงข่าว การให้สัมภาษณ์ให้ห้องส่งของสื่อต่าง ๆ และหน้าศาล แต่น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นคุณป้าในบรรยากาศสบาย ๆ เหมือนอย่างที่เราได้เห็น คุณป้ารัตนฉัตร และคุณป้าบุญศรี แสงหยกตระการ นั่งคุยกันในร้านกาแฟเหมือนอย่างวันนี้
ทั้งที่เป็นที่รู้จักจากคลิปที่แชร์กันสนั่นโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะทางเฟซบุ๊ก แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วคุณป้าใช้แค่ไลน์เป็นหลัก ส่วนโซเชียลมีเดียอื่นๆ นั้นถ้าจะรู้เรื่องอะไรก็ผ่านทางหลานกับเพื่อนๆ
แต่ในระยะหลังมานี้ นอกจากหลานกับเพื่อนแล้ว ยังมีคนที่รู้จักคุณป้าจากการติดตามข่าวคอยมอนิเตอร์ให้ แล้วเล่าให้ฟังเมื่อบังเอิญเจอคุณป้า
“ป้าไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียกันนะ มีแต่ไลน์ แต่จะมีหลานช่วยบอก แล้วก็เพื่อนส่งมาบอกว่ามันอะไรยังไง” คุณป้ารัตนฉัตรเล่า “ประชาชนบางคนก็น่ารักมาก เวลาเขาเจอเรา เขาก็จะบอกว่าคุณป้าอย่าไปอ่านคอมเมนต์นะ บางทีมันแรงไป คุณป้าฟังไม่ได้หรอก เราก็ถามเขาว่าจริงหรือเปล่า เขาก็บอกว่าจริง แต่ผมช่วยดูให้คุณป้าแล้ว คุณป้ามีคะแนนมากกว่า ผมดูให้เอง”
ถึงจะไม่คุ้นเคยกับโซเชียลมีเดีย แต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ทั้ง คุณป้ารัตนฉัตร และคุณป้าบุญศรี ต่างพูดตรงกันว่า ถ้าไม่ได้โซเชียลมีเดียช่วย เรื่องของคุณป้าก็อาจจะไม่ได้ถูกมองเห็นเหมือนครั้งนี้
“ป้าคิดว่าโซเชียลมีเดียมีส่วนนำสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านมืดหรือด้านสว่างออกมาสู่ประชาชน อันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด แล้วก็เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนที่เป็นกลุ่มเล็กๆ ได้ด้วย และทำให้สังคมวงกว้างได้ออกมาให้ความคิดเห็น จริงอยู่ที่มันมีผลเสียอยู่ตรงความไม่ชัดเจนก็อาจจะทำให้เข้าใจผิดกันบ้าง แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นคนกล้าแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าการศึกษาเขาจะอยู่ในระดับไหนก็สามารถแสดงความเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจได้เหมือนกัน” คุณป้าบุญศรี แสดงความคิดเห็น
แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนนำไปสู่การทุบรถจะบ่งบอกถึงความไม่เห็นอกเห็นใจและการต่อสู้ของคุณป้าทั้งสามก็เป็นการสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคม แต่สำหรับคุณป้าแล้ว สังคมไทยโดยรวมก็ยังเป็นสังคมที่น่ารัก โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์นี้ที่ทำให้คุณป้าได้เห็นความน่ารักของสังคมไทยในอีกมุม
คุณป้าบุญศรี พูดถึงเรื่องนี้ว่า “จริง ๆ แล้วสังคมไทยเป็นสังคมที่น่ารักมากนะ ยิ่งมีเหตุการณ์นี้ เราก็ยิ่งเห็นเรื่องนี้ เพราะเราได้รับกำลังใจและได้รับไมตรีจิตจากคนต่างถิ่น ต่างที่ ที่ไม่เคยรู้จักกันเลย แต่ก่อนเวลาเราเดินไปข้างนอก ปกติถ้าไม่รู้จักกันก็ไม่ได้มีการทักทายกัน แต่พอมีข่าวออกไปในลักษณะนี้ คนเห็นเราเขาก็เข้ามาทัก แล้วการเข้ามาคุยด้วยมันยังทำให้เราได้รับฟังความคิดเห็นเขา บางครั้งก็ได้รับรู้เรื่องทุกข์ร้อนของเขาด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรื่องไหนที่เราสามารถช่วยหรือชี้แนะได้ เราก็ยินดีอยู่แล้ว”
คุณป้ารัตนฉัตร ยังช่วยเสริมด้วยว่า “บางครั้งก็มีคนมาขอถ่ายรูป ทั้งเด็กทั้งวัยรุ่น แล้วก็บอกว่าเราเป็นไอดอลของเขา ทั้งที่เราเป็นคนแก่นะ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะสังคมไทยยังไม่ค่อยมีใครออกมารักษาสิทธิ์ของตัวเองแบบนี้”
ความน่ารักของสังคมไทยยังรวมถึงอารมณ์ขันที่แฝงอยู่ในเรื่องจริงจัง อย่างเช่นเรื่องการตั้งข้อสังเกตว่า ชุดที่คุณป้าทั้งสามคนใส่ไปศาลนั้น เป็นแบบเดียวกับชุดของตัวการ์ตูนในแก๊งรัฐบาลโลกจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง "One Piece" ซึ่งมีทั้งชุดสีแดง สีขาว และสีเหลืองหลายทาง ครบทั้ง 3 คนและ 3 คาแร็กเตอร์ จนมีคนเอามาทำภาพตัดต่อเปรียบเทียบกันที่คุณป้าเห็นแล้วหัวเราะออกมาในทันที
“ตายจริง…เหมือนมากเลย เคยมีคนบอกอยู่เหมือนกัน แต่เพิ่งเห็นรูป อันนี้บังเอิญนะคะ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ” คุณป้าทั้งสองคนตอบพร้อมเสียงหัวเราะหลังจากได้เห็นภาพตัดต่อที่แชร์กันไปทั่วโลกโซเชียล
คำถามหนึ่งที่มีหลายคนตั้งข้อสงสัยตั้งแต่เป็นข่าวว่าก็คือเรื่องที่ว่า การทุบรถของคุณป้ามาจากเจตนาในการสร้างกระแสหรือไม่
“โอ๊ย ไม่เจตนาเลยค่ะ ถ้าจะเจตนาก็น่าจะเจตนาตั้งแต่ปีแรกที่เจอมากกว่า เราคงไม่ต้องทิ้งมาเกือบสิบปีอย่างนี้” คุณป้ารัตนฉัตร ตอบทันที
ส่วน คุณป้าบุญศรี ซึ่งเป็นน้องสาวก็ช่วยยืนยันอีกเสียง “ปกติ คุณป้ารัตนฉัตร เขาเป็นคนเรียบร้อยนะคะ และด้วยอายุขนาดนี้เราก็คงไม่คิดว่าจะไปทำอย่างนั้นกันแล้ว”
อย่างที่คุณป้าเล่าว่าเมื่อเป็นที่รู้จักก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจและแสดงความเห็น ซึ่งในจำนวนนั้นรวมถึงญาติของคนที่ถูกทุบรถด้วย
“เขาบอกว่าถ้าเป็นเขา เขาเผาเลย ขนาดญาติเขายังบอกเองแบบนี้ เราได้ยินแล้วรู้สึกว่าอย่างเรานี่ซอฟต์ไปเลย คนอื่นบางคนก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แต่เรายืนยันว่าไม่ได้จะสร้างกระแสหรืออยากใช้ความรุนแรง มันมาจากความเครียดกับเรื่องเหล่านี้ทุกๆ วันที่เจอมาหลายปี ถ้าคิดจะสร้างกระแสจริงๆ ทำมาตั้งแต่ต้นคงดีกว่า”
ผลอีกอย่างหนึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ที่คุณป้ามองว่าสำคัญและอาจจะส่งผลต่อไปในอนาคต ไม่ใช่เรื่องความเป็นอยู่ของคุณป้าและเพื่อนร่วมหมู่บ้านเท่านั้น แต่เป็นการที่ทำให้ได้รู้ว่ายังมีประชาชนอีกมากที่เดือดร้อนไม่น้อยไปกว่าที่ครอบครัวของคุณป้าได้เจอมา
“การที่โซเชียลมีเดียทำให้เรื่องนี้เป็นที่พูดถึง นอกจากจะช่วยเราแล้วยังทำให้เรารู้ว่า มีประชาชนอีกมากที่เดือดร้อนจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เวลาเราออกไปข้างนอกก็จะมีคนวิ่งมาบอกว่า เขาได้รับผลกระทบยังไงบ้าง และเรื่องของเขาบางเรื่องก็ถูกปกปิด เราเลยอยากจะให้โซเชียลมีเดียมีส่วนช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนจากการกระทำของหน่วยงานรัฐด้วย เพราะในขณะที่เราได้รับความเดือดร้อน เราอึดอัดกันมาก” คุณป้ารัตนฉัตร เล่า
คุณป้าบุญศรี อธิบายต่อว่า “วันนี้เห็นยิ้มกันแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเครียดนะคะ ทั้งตอนที่เจอเรื่องนี้ ตอนขึ้นศาล ตอนก่อนฟังคำพิพากษานี่เราเครียด แต่พอได้ฟังคำพิพากษาแล้วเราก็สบายใจว่าพื้นที่เพื่ออยู่อาศัยกลับคืนสู่ประชาชน”
เมื่อถามคุณป้าว่า หลังจากต่อสู้เพื่อความถูกต้องของตัวเองและคนในพื้นที่จนสำเร็จแล้ว คุณป้ามีแผนที่จะต่อสู้ในวงกว้างยิ่งขึ้นด้วยการลงเล่นการเมืองไหม
คำตอบของทั้ง คุณป้ารัตนฉัตร และ คุณป้าบุญศรี คือ “ไม่” แต่เป็นคำว่า “ไม่” ที่มีเหตุผลอธิบายต่อท้าย
“เราไม่คิดที่จะลงเลือกตั้ง เพราะเราไม่คิดว่าเรามีวุฒิภาวะสูงพอที่จะทำอย่างนั้น แต่เราจะไปลงคะแนนเลือกตั้ง แล้วก็หาคนที่ดีมาดูแลประชาชน มาทำหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุข ขณะเดียวกันเราก็จะเป็นประชาชนที่ทำถูกต้อง เพราะเราคิดว่าการเป็นประชาชนที่ดีก็ถือเป็นการช่วยรัฐไปส่วนหนึ่ง แต่รัฐก็ต้องเป็นรัฐบาลที่ดี เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่และดูแลประชาชนให้ดีด้วย”
ขอบคุณสถานที่: 53 Coffee
tik_7 อ่านจนจบเลยคุณป้ามีทัศนคติที่ดีตั้งอยู่บนความถูกต้องอยากให้ทุกคนรู้หน้าที่ตัวเองสังคมเราคงน่าอยู่😊
04 ก.ค. 2561 เวลา 08.57 น.
www.ThaiKij.com ทุกวันนี้เบื่อมอไซค์วิ่งบนทางเท้าบีบแตรใส่ค่ะ#ทีมคุณป้าทุบรถ
04 ก.ค. 2561 เวลา 05.41 น.
ชื่นชมคุณป้าครับ บางคนก็ไม่มีระเบียบวินัย เอาแต่ได้ครับ
04 ก.ค. 2561 เวลา 07.57 น.
Phitchayani ชอบความคิดของคุณป้าในคำตอบสุดท้ายมากที่สุด เราตั้งใจเป็นประชาชนที่ทำหน้าที่ดีที่สุดทุกวัน บางครั้งก็ท้อนะ แต่เราจะไม่หยุดทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดต่อไป เพราะเรารัก ในหลวง เราจะทำอย่างท่าน
04 ก.ค. 2561 เวลา 11.50 น.
Cdr.Somchai มนุษย์เป็นสัตว์สังคมจำเป็นต้องอยู่ร่วมกัน
04 ก.ค. 2561 เวลา 07.06 น.
ดูทั้งหมด