ไอที ธุรกิจ

หุ้นไทยเสี่ยงภาวะ ‘ตลาดหมี’ ‘กูรู’ ชี้ประเมิน ‘จุดต่ำสุด’ ยาก

กรุงเทพธุรกิจ
เผยแพร่ 22 ก.พ. 2563 เวลา 04.00 น.

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเข้าสู่ภาวะตลาดหมี หลังที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย (SET INDEX) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง มีแนวโน้มเข้าใกล้บริเวณ 1,480 จุด  เป็นจุดที่ดัชนีลดลง  20% จากช่วงพีคที่  1,852.67 จุด (ในวันที่ 27 ก.พ.2561)  ปัจจุบันยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะจุดต่ำสุดระดับไหน เพราะยังมีปัจจัยลบกดดันตลาดอยู่

ทั้งนี้ นักลงทุนเริ่มวิตกกังวล และไม่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้จึงเลือกออกจากตลาดไปก่อนเพื่อลดความเสี่ยง โดยเฉพาะผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ประกอบกับเชื่อว่าปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนนักลงทุนระยะสั้นมากเกินไป ทำให้ในระยะยาวเต้องเร่งหากลุ่มนักลงทุนระยะยาวเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ยอมรับว่าในเชิงเทคนิค ตลาดหุ้นไทยเข้าข่ายเข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้ว เพราะดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวลดลงถึงระดับ 20% จากช่วงพีค แต่ไม่ได้หมายความว่าตลาดจะปรับตัวลดลงไปมากกว่า  ซึ่งไม่อยากให้นักลงทุนยึดโยงกับภาวะตรงนี้มากนัก

ประเมินว่าในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้านี้ดัชนีฯจะเคลื่อนไหวในกรอบบริเวณ 1,430 – 1,530 จุด ปัจจัยเสี่ยง คือกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อาจถูกปรับประมาณการลง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ที่ล่าช้า และปัญหาภัยแล้งในประเทศ ส่วนฟันด์โฟลว์ต่างชาติ  คาดว่าในช่วง 1-3 เดือนนี้ จะยังไม่เห็นการไหลกลับเข้ามา และยังมีแนวโน้มไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง  จากทิศทางเงินบาทอ่อนค่า  

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เทรดตามกรอบดัชนีฯที่ให้ไว้  ธีมหุ้นแนะนำมี 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ 1. กลุ่มรีทและกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน  จ่ายเงินปันผลทรงตัวในระดับสูง 2.กลุ่มโรงพยาบาลที่มักเป็นกลุ่มที่ Outperform ตลาดในช่วงที่เกิดโรคระบาด 3.กลุ่มสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร โดยเฉพาะบริษัทบริหารสินทรัพย์ ที่มีโอกาสซื้อสินทรัพย์ในราคาถูกช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว และ4.กลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์จากราคาสัตว์บกปรับขึ้น รวมถึงเงินบาทอ่อนค่า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • Tomvorapot
    หมีแน่นอน... ปัญหาหลักๆ หนี้ครัวเรือนสูง พึ่งพาส่งออก ท่องเที่ยวมากเกินไป ใช้ค่าเงินบาทซึ่งเป็นแต้มต่อคนไทย ไม่ถูกทางเอาเสียเลย กระตุ้นเศรษฐกิจภายในผิดที่ผิดทาง แก้ลงทุนกระจุก พัฒนาเศรษฐกิจชุมชน สิ่งแวดล้อม ฯลฯ แบบ งบๆไม่พอเพียง ซ้ำ เจอฝุ่น ไวรัส เศรษฐกิจชะลอตัวในลักษณะ L แน่นอน เหลือทางเดียว ต้องปรับที่ดุลบัญชีภาครัฐ มากกว่าการเงินหรือภาคประชาชน ผ่าน fiscal s. โดยการสร้าง พรก. ดีๆและตรงจุด และหยุดลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจมหภาคจึงจะมีโอกาสฟื้น ดู sup prime และ deficit spending leverage ได้
    22 ก.พ. 2563 เวลา 09.02 น.
  • Yai
    ตกมาเยอะๆจะได้ทยอยซื้อ
    22 ก.พ. 2563 เวลา 11.15 น.
ดูทั้งหมด