มนุษย์จำนวนนับพันล้านคนในโลกไม่กล้าเปลี่ยนงาน ทนทำงานเก่าไปด้วยสองเหตุผลหลัก
หนึ่ง กลัวล้มเหลว
สอง เสียดายความรู้ที่เรียนมา
จุดน่ากลัวที่ทำให้หลายคนไม่กล้าเปลี่ยนงานคือ มีภาระทางครอบครัว เช่น มีลูกเมียต้องรับผิดชอบ หากเปลี่ยนงานแล้วไม่สำเร็จ ครอบครัวอาจเดือดร้อน ทำให้หลายคนไม่กล้าเสี่ยง
ความกลัวความล้มเหลวเป็นด่านใหญ่ที่สุด และมักลงท้ายด้วยการจมอยู่ที่เดิม
อาจหาเหตุผลมารองรับการอยู่ที่เดิมว่า “ทำงานที่ไหนก็เหมือนกัน”
นี่ย่อมไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก สัญชาตญาณแสวงหาความปลอดภัยฝังในยีนของทุกคน รอบคอบไว้ก่อนเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ต้องระวังอย่าข้ามจากความรอบคอบเป็นความกลัวความล้มเหลวมากเกินไป จนขยับตัวไม่ได้
อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่กล้าเปลี่ยนงานเพราะกลัวล้มเหลวนั้น อาจต้องทำความเข้าใจคำว่า ‘ล้มเหลว’ ใหม่
งานทุกงานมีความเสี่ยงทั้งนั้น ต่อให้บริษัทมั่นคงเพียงไร ก็มีความเสี่ยง
ทุกธุรกิจมีความเสี่ยง มากหรือน้อยเท่านั้น ทุกคนจึงควรประเมินความเสี่ยงเป็นระยะ ๆ แม้จะทำงานในองค์กรมั่นคงหรือดำรงตำแหน่งสูงเพียงไร
ตำแหน่งที่ได้มาถูกขอคืนได้ทุกเมื่อเสมอ แม้แต่ตำแหน่งซีอีโอ
ต่อให้ธุรกิจไปได้ดีเยี่ยม วันหนึ่งเมื่อตื่นเช้า ก็อาจพบว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว วิกฤติเศรษฐกิจบ้านเราในปี พ.ศ. 2540 เป็นตัวอย่างว่า ฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ในชั่วพริบตา สิ่งที่มั่นคงที่สุดกลายเป็นความไม่มั่นคง
คนที่คิดจะเริ่มธุรกิจใหม่ หรือเริ่มต้นทางสายใหม่ที่ไม่เคยทำ ย่อมรู้สึกหวาดเสียว เพราะจากสถิติ ธุรกิจเปิดใหม่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าวางแผนดี รอบคอบ ก็ลดความเสี่ยงลง
…………..……………………………………………………………………………………
ส่วนการไม่กล้าเปลี่ยนงานเพราะเสียดายความรู้ที่เรียนมา เป็นกับดักใหญ่ของคนจำนวนมากเช่นกัน เรียนจบวิศวกรรมศาสตร์มาก็ไม่กล้าเปลี่ยนไปเป็นหมอ เรียนหมอมาก็ไม่กล้าเปลี่ยนเป็นนักร้อง ฯลฯ
บ่อยครั้งแรงกดดันมาจากครอบครัวหรือเพื่อน เช่น บอกที่บ้านว่าจะเปลี่ยนอาชีพเป็นคนละสาย ก็อาจได้รับคำตอบว่า “เปลี่ยนทำไม อาชีพนี้ก็ดีอยู่แล้ว” หรือ “เสียดายวิชาความรู้ที่เรียนมาหลายปี” หรือ“เสียของ”
โดยเฉพาะเมื่ออาชีพนั้นกำลังให้รายได้ดี
แต่ชีวิตคือความเปลี่ยนแปลงและความเปลี่ยนแปลงเป็นองค์ประกอบของชีวิต
‘ความล้มเหลว’ ไม่ได้หมายถึงรายได้น้อยลง เพราะหากมีความสุขกับการทำงาน ก็คือความสำเร็จแล้ว
คนเราควรแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ตลอดเวลา และถ้าเราสนุกกับความรู้ใหม่ ๆ นั้นจนอยากใช้มันประกอบอาชีพ ก็ย่อมดีกว่าทนทำงานเดิมที่ตัวเองไม่ค่อยชอบไปจนตาย
ประเด็นจึงไม่ใช่เสียดายความรู้ แต่คือเราอยากเปลี่ยนแปลงจริงหรือเปล่า อยากเดินตามฝันมากพอหรือเปล่า
คนจำนวนมากไม่ได้เกิดในทางสายใหม่ ก็เพราะอยากไม่มากพอ
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูกเช่นกัน
มันเป็นแค่การเลือกของเรา
……………………………………………………………………………………..
ผมทำงานเป็นสถาปนิกในต่างประเทศอยู่หลายปี เมื่อกลับมาเมืองไทย เป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำพอดี ไม่มีงานออกแบบอาคารให้ทำเลย บริษัทสถาปนิกหลายแห่งปิดตัว จึงจำต้องเปลี่ยนงานแบบพลิกฝ่ามือ ไปทำงานสายโฆษณาซึ่งไม่มีประสบการณ์เลย
ความเสี่ยงล้มเหลวค่อนข้างสูง
ก็วางแผนให้รัดกุมที่สุด แล้วกระโจนเข้าไป
การเปลี่ยนงานพลิกหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้จำต้องวางแผน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางเดินดุ่ม ๆ เข้าไปของานทำ ก็สร้างตัวอย่างผลงานขึ้นมา และเข้าวงการไปได้
ทำงานโฆษณากว่าสิบหกปี ก็พลิกฝ่ามืออีกครั้ง ตัดสินใจเป็นนักเขียนอาชีพที่ใคร ๆ ก็รู้ว่ามีความเสี่ยงสูง และเป็นการตัดสินใจที่ยากสองเท่า เพราะมีลูกเมียต้องรับผิดชอบ มีค่าเล่าเรียนลูก ค่าผ่อนบ้าน ฯลฯ
ก็วางแผนให้รัดกุมที่สุด แล้วกระโจนเข้าไป
ขลุกขลักอยู่บ้าง ลำบากอยู่ไม่น้อย แต่ก็ผ่านไปได้
สำหรับคนที่คิดเปลี่ยนสายอาชีพแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เทคนิคหนึ่งที่ทำได้คือค่อย ๆ เปลี่ยน
ยกตัวอย่างเช่นมีอาชีพประจำอย่างหนึ่ง แต่อยากเปลี่ยนเป็นนักเขียนอาชีพ ก็ไม่จำเป็นต้องเลิกงานเก่าทันที สามารถ ‘จับปลาสองมือ’ ไปก่อนได้ แค่จัดสรรเวลาให้ดี
งานบางสายอาจจะจับปลาสองมือยากหน่อย แต่ถ้ารักงานนั้นจริงและวางแผนดี ก็หาทางได้
คำถามคือ เรารู้อย่างไรว่าเมื่อไรควรจะเปลี่ยนงาน แม้ว่าจะยังไม่อยากเปลี่ยนงาน ?
การเปลี่ยนงานควรดูที่ภาพรวมมากกว่า เช่น งานใหม่จะช่วยให้เราไปถึงจุดหมายสุดท้ายอย่างมั่นคงกว่าหรือไม่
ถ้ามองแบบนี้ก็จะตัดสินใจง่ายขึ้น
บางครั้งเราก็ต้องมองภาพกว้าง เพื่อที่จะเห็นภาพแคบ
……………………………………………………………………………………..
วินทร์ เลียววาริณ
ข้าราชการแน่นอนสุด หยุดก็ได้เงิน ไม่ต้องทำงานเก่ง แค่อยู่เป็น เชรียๆ เจ้านายหน่อยเงินไม่ขาดมือ แต่เก่งเกินอย่านะเขาจะกำจัดออก
23 มี.ค. 2563 เวลา 04.55 น.
ในการยอมรับกับความเป็นจริงของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ย่อมที่จะช่วยไม่ทำให้เป็นทุกข์ เพราะปัญหาทุกอย่างก็ย่อมที่จะมีทางแก้ไขได้อยู่เสมอ.
23 มี.ค. 2563 เวลา 08.02 น.
ทำงานราชการก็ดูตัวอย่างทุกวันนี้ไม่อดตายแต่ถ้าเป็นเอกชน.ผนักงาน.หรือบริษัท.ประกาศปิดก็จะเดือดร้อนดังที่เห็นกันอยู่เดียวนี้?
23 มี.ค. 2563 เวลา 09.23 น.
👧👧tan🌹🌸🍎🍏 อาชีพอิสระทำงานค้าขายอยู่ที่บ้านสบายใจที่สุด
กำไรน้อยแต่มีเงินไม่ขาดมือ
เงินเข้าออกในมือตลอดเวลา
เป็นนายตัวเองดีมากๆๆคนพบทางของตนเองละ
จะไปใหนจะลางานไม่ต้องขอใบรับรองแพทย์
มายืนยันสบายใจสุดๆ
23 มี.ค. 2563 เวลา 12.38 น.
Kittichat P. เปลี่ยนงานได้ก็เปลี่ยนเลย เมื่อหมดความสนใจในงานเดิม ก็อย่ายึดติดกับรายได้จากงานเดิม ๆ เพราะโลกนี้มันไม่ได้แน่นอนเหมือนใส่สูตรลงในตาราง Excel หรอก
ที่สำคัญ ก่อนเปลี่ยนงาน ต้องรอบคอบ มองหลายๆ มิติ
23 มี.ค. 2563 เวลา 12.19 น.
ดูทั้งหมด