(บทความคิดเห็นโดย กัวเฉิง)
ปักกิ่ง, 25 ก.พ. (ซินหัว) -- ความเข้าใจผิดๆ ระบาดเร็วเสียยิ่งกว่าไวรัสสายพันธุ์ไหน เนื่องจากหลายคนอาจคิดว่าคนจีนส่วนใหญ่ชอบกิน "สัตว์ป่า" ทว่าความจริงแล้วคนจีนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ส่วนซุปค้างคาวที่ปรากฏในคลิปวิดีโอที่ระบาดไปทั่วโลกออนไลน์นั้นก็ไม่ได้ "เมดอินไชน่า" แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าแหล่งกำเนิดไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ซึ่งเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อาจสืบเสาะต้นตอได้ถึงสัตว์ป่านานาชนิดที่วางจำหน่ายในตลาดแห่งหนึ่งในนครอู่ฮั่น ทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ ปฏิกิริยาและความรู้สึกของคนจีนก็ไม่ต่างจากใครๆ ในโลก นั่นคือความรู้สึก "โกรธ" "หวาดกลัว" และ "ขยะแขยง"
ตามที่เคยมีการรายงาน คลิปวิดีโอที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์เป็นคลิปของหญิงชาวจีนที่กำลังกินค้างคาวในซุปซึ่งเชื่อกันว่าอยู่ในอู่ฮั่น บางความคิดเห็นที่พ่วงตามมาเต็มไปด้วยข้อความเหยียดเชื้อชาติ ตำหนิพฤติกรรมการกินของคนจีนว่าเป็นต้นตอของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือแม้แต่บางรายงานยังระบุว่า "ซุปค้างคาวเป็นที่เลื่องลือในฐานะอาหารยอดนิยมในอู่ฮั่น"
อย่างไรก็ดี คลิปวิดีโอดังกล่าวไม่ได้ถ่ายในอู่ฮั่น แต่เป็นประเทศปาเลา เกาะทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งอยู่ห่างจากจีนราว 2,100 กิโลเมตร และคลิปวิดีโอนี้ก็ถ่ายทำในปี 2016 เพื่อแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่นของปาเลา
หญิงคนดังกล่าวซึ่งเรียกตัวเองเป็นวีล็อกเกอร์ (Vlogger) อธิบายผ่านบัญชีเวยโป๋ (Weibo) ของเธอว่าค้างคาวในถ้วยซุปนั้นไม่ได้ถูกจับจากป่า แต่เป็นค้างคาวเลี้ยงที่กินผลไม้เป็นอาหารและถูกนำไปเป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารเฉพาะถิ่นในปาเลา
ปฏิกิริยาความกลัว โกรธ และขยะแขยงต่อคลิปวิดีโอดังกล่าว เป็นสิ่งที่ชี้ไปในแนวทางเดียวว่าคนจีนส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้เรื่อง "ซุปค้างคาว" หรือเมนูค้างคาวมาก่อน มิเช่นนั้น วิดีโอนี้ก็คงไม่สร้างความโกรธเคืองไปทั่วประเทศเช่นนี้
จากที่ได้กล่าวไป ค้างคาวเป็นสิ่งที่คนจีนแทบไม่นึกถึงเลยว่าจะเป็นของกินได้ ในทางกลับกัน หากให้คิดถึงการลองกินมันเข้าไป ก็ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างขนลุกขนพองสำหรับคนจีนส่วนใหญ่
ตามที่แนชันแนล จีโอกราฟิก (National Geographic) เคยระบุในรายงานออนไลน์ว่า สำหรับคนจีนแล้วการบริโภคสัตว์ป่าเป็น "การแหกคอกทางวัฒนธรรม"
"ตัวอย่างเช่นในนครกว่างโจว เมืองที่มีประชากร 14 ล้านคนทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ การกินสัตว์ป่าเป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นปกติทั่วไป ทว่าสำหรับกรุงปักกิ่ง กลับเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง" รายงานระบุ พร้อมเสริมว่าแม้แต่ในนครกว่างโจวด้วยกันเอง ทัศนคติของคนที่มีต่อสัตว์ป่ายังค่อนข้างแตกต่างกัน
ผลสำรวจมติมหาชนนั้นค่อนข้างชัด เนื่องจากผลสำรวจโดยศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University Center for Nature Society) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ชี้ว่าจากกลุ่มสำรวจเกือบ 100,000 คน มีผู้ที่ต่อต้านการกินสัตว์ป่าเกือบร้อยละ 97 ขณะที่ราวร้อยละ 79 ต่อต้านการนำชิ้นส่วนของสัตว์ป่าไปใช้ อาทิ ขนและกระดูก
ด้านรัฐบาลจีนเองก็มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้โดยไม่นิ่งนอนใจ จากการที่เมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ฝ่ายนิติบัญญัติสูงสุดของจีนรับพิจารณามติว่าด้วยการห้ามค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมายและขจัดการบริโภคสัตว์ป่าอย่างครอบคลุม
นอกจากนี้ ก่อนการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติสูงสุด จีนยังได้บังคับใช้ข้อห้ามชั่วคราวว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าทุกประเภทเพียงไม่นานหลังไวรัสแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ทั้งยังได้เร่งรัดขั้นตอนการออกกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปตั้งแต่ปี 1989 และได้รับการปรับปรุงเมื่อปี 2016
สถานการณ์การแพร่ระบาดในช่วงต้นปี 2020 นี้ อาจเป็นโอกาสอันดีที่จีนจะได้สร้างความคืบหน้าแก่ระบบอนุรักษ์สัตว์ป่า ปรับความสัมพันธ์ของคนที่มีต่อสัตว์ป่าเสียใหม่ และผลักดันการศึกษาเรื่องนี้ให้ทั่วถึง
bigsu กินแปลกๆมีทุกประเทศแหละครับ อย่าไปว่าเขา เราไม่กินก็พอ
26 ก.พ. 2563 เวลา 12.10 น.
Mr. EI ประเทศไทยก็มี ฆ่าวัวแล้วกินเลือดสดๆ แมลงวันตอมหื่ง แหวะ
26 ก.พ. 2563 เวลา 07.27 น.
บินเดี่ยว พันลี้ ค้างคาว ทอดกระเทียมอร่อยมาก
หนูนาย่าง หรืออ่อมก็อร่อย
26 ก.พ. 2563 เวลา 07.17 น.
ก็ว่ากันไป “ยี้”
26 ก.พ. 2563 เวลา 07.01 น.
PP ฅนไทยก็ใช่ย่อย เปิปพิศดารไม่แพ้ชาติอื่น อย่าไปว่าชาติอื่นเขาเลย
26 ก.พ. 2563 เวลา 06.56 น.
ดูทั้งหมด