ในวันที่ 18 เมษายน 1918 หญิงชราจากลิงคอล์น เมืองเล็กๆ ในชนบทที่คนทั่วไปแทบไม่รู้จัก ถูกเชิญตัวมาเข้าเฝ้าพระเจ้าจอร์ชที่ 5 และราชินีแมรี่แห่งสหราชอาณาจักร หญิงชราได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติที่สุด พระราชินีตรัสขอบใจเธอ สำหรับการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศชาติ
“ฉันไม่ใช่คุณแม่ผู้เสียสละหรอกฝ่าบาท ฉันไม่ได้มอบลูกชายให้พระองค์ด้วยความเต็มใจ”
Amy Beechey กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉย เธอเพิ่งเสียลูกชายคนที่ 5 ไปเมื่อสามเดือนก่อน Amy มีลูกชาย 8 คน ทั้ง 8 ออกรบเพื่ออังกฤษในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ได้กลับบ้าน
ย้อนกลับไปก่อนสงคราม ครอบครัว Beechey เป็นครอบครัวใหญที่มีสมาชิกถึง 16 คน Amy สามีของเธอ ลูกชายทั้ง 8 และลูกสาวอีก 6 คน หลังสามีจากไปก่อนวัยอันควร Amy กลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกๆ ตามลำพัง และเมื่อสงครามอุบัติขึ้น ลูกชายทั้งหมดของเธอ อาสาเข้าร่วมรบเพื่อทำหน้าที่ยิ่งใหญ่ให้กับประเทศ ลูกชายคนโตของ Amy อยู่ในวัย 38 ปี ในขณะที่ลูกชายคนเล็กสุด เพิ่งเรียนจบและมีอายุมากพอจะเข้าร่วมรบในช่วงท้ายของสงคราม
ทุกครั้งที่มีโทรเลขมาถึง Amy มักนึกถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเสมอ “มันเป็นหน้าที่อันแสนเจ็บปวดของผมที่ต้องแจ้งให้คุณทราบว่า…” Amy ได้ยินข้อความดังกล่าวถึง 5 ครั้ง การปรากฎตัวของบุรุษไปรษณีย์ในชุดเต็มยศและใบหน้าแสดงความอาลัย กลายเป็นภาพจำที่ทำให้เพื่อนบ้านเห็นถึงความเลวร้ายของสงคราม บรรดาลูกชายของ Amy ที่ร่วมรบและเสียชีวิตจากสงครามมีดังนี้
Barnard Beechey
ลูกชายคนโตของ Amy ทำงานเป็นครูก่อนเข้าร่วมสงคราม เขาเข้าประจำการในฝรั่งเศสและมักเขียนจดหมายถึงน้องชายทุกคนอยู่เสมอ จดหมายที่ Barnard ส่งถึง Amy ในปี 1915 กล่าวถึงความยากลำบากในการรบแบบสนามเพลาซึ่งเป็นสิ่งที่พบโดยทั่วไปในแนวรบตะวันตก “ในที่สุดผมก็ได้ออกมาจากสนามเพลาหลังอยู่ในนั้นมาสามวันติดและฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมาทุกวัน” ในวันที่ 25 กันยายน 1915 Barnard และเพื่อนทหารราวหมื่นนายได้รับคำสั่งให้เข้าโจมตีพื้นที่ของเยอรมันในเขตตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ทหารอังกฤษเกือบ 5 พันนายเสียชีวิต Barnard เป็นหนึ่งในนั้น ศพของเขาไม่เคยถูกส่งกลับบ้าน
“ผมสบายดีและไม่ได้เป็นห่วงชีวิตของตัวเอง ผมแค่หวังว่าสงครามนี้จะจบในเร็ววัน” จดหมายสุดท้ายของเขาถูกส่งกลับบ้านก่อนข่าวร้ายจะมาถึงเพียงไม่กี่วัน
The Battle of Loos เป็นหนึ่งในปฎิบัติการที่ล้มเหลวของฝ่ายอังกฤษ ความเสียหายในการรบไม่ส่งผลกระทบสำคัญให้กับสงคราม
Frank Beechey
Frank เป็นพี่ชายที่สนิทกับน้องๆ มากที่สุด เขาเป็นครูเช่นเดียวกับ Barnard แต่มีความชอบเรื่องมอเตอร์ไซค์และมักใช้เวลาว่างกับการเล่นกีฬา Frank ถูกเรียกไปในแนวหน้าเมื่อปี 1915 เขาทำงานเป็นช่างซ่อมสายโทรเลขในสนามรบ สมรภูมิสำคัญที่ Frank มีส่วนร่วมและสละชีวิตคือ Battle of the Somme (ยุทธการที่แม่น้ำซอม) ยุทธการที่กินเวลาการต่อสู้ถึง 5 เดือนและเป็นสมรภูมินองเลือดมากที่สุดแห่งหนึ่งในสงครามโลกครั้งแรก
“ลูกชายของคุณอาสานำสายโทรเลขขึ้นไปต่อระหว่างการปะทะ เขาไปได้ไกลมากก่อนถูกยิงที่ขา มันคงเจ็บปวดมากแต่เขากล้าหาญพอจะไม่แสดงมันออกมา”
หัวหน้าของ Frank เขียนถึง Amy เพื่อแจ้งอาการบาดเจ็บของลูกชาย Frank ถูกยิงและต้องนอนรอเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนการปะทะจะสงบ และหมอของฝ่ายอังกฤษจะนำตัวเขากลับมารักษา Frank ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ขา เขาส่งโปสการ์ดฉบับสุดท้ายถึงแม่ในเดือนพฤศจิกายน 1916 ลูกชายผู้กล้าหาญของเธอเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน
Charles Beechey
ลูกชายคนรองของ Amy ที่ทำอาชีพเป็นครูอีกเช่นกัน เขากำลังถูกส่งตัวไปร่วมรบในยุทธการที่แม่น้ำซอม ก่อนได้รับจดหมายว่าพี่น้องสองคนเพิ่งเสียชีวิต Charles ตกใจมากแม้จะยอมรับว่า “การตายเป็นเรื่องคุ้นเคยมากในสงคราม” และ “ผมไม่คิดว่าจะมีครอบครัวไหนเสียสละให้สงครามเท่าพวกเราอีกแล้ว” การตายของพี่น้องทำให้ Charles ถูกส่งตัวไปแนวรบที่แทนซาเนียในแอฟริกาแทนที่จะเป็นฝรั่งเศส เป็นที่รู้กันว่าแนวรบที่ดุเดือดที่สุดอยู่ในแนวรบตะวันตก
Charles เป็นนักธรรมชาติวิทยาที่ค้นพบความสวยงามของสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัว “ผีเสื้อที่นี่สวยสุดที่ผมเคยเห็น ผมหวังว่าจะมีโอกาสนำพวกมันติดตัวกลับบ้านเมือสงครามสงบ” - จดหมายของ Charles ในเดือนกันยายน 1917
Charles เสียชีวิตในวันที่ 20 ตุลาคม 1917 หลังถูกยิงเข้าที่หัวใจ
Harold Beechey และChristopher Beechey
Harold เป็นลูกชายคนที่ 7 ของครอบครัว เขาและ Christopher Beechey พี่ชาย ย้ายไปอยู่ออสเตรีเลียตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสองสมัครร่วมรบและถูกส่งตัวไปสมรภูมิที่ Gallipoli ในตุรกี ก่อน Harold ถูกส่งตัวไปรบในฝรั่งเศสในฤดูร้อนปี 1916
Harold ถูกยิงและได้รับบาดเจ็บที่ฝรั่งเศส เขาเขียนกลับบ้าน“โชคดีมาก กระสุนเจาะผ่านแขนและหน้าอก แต่ไม่ถูกจุดสำคัญ แขนผมไม่เจ็บมากด้วยซ้ำไป”
หลังรักษาตัวอยู่หลายเดือน Harold กลับเข้าสนามรบอีกครั้ง รอบนี้ไม่โชคดีเหมือนก่อน เขาถูกยิงเสียชีวิตที่ฝรั่งเศสในเดือนเมษายน 1917 อายุเพียง 26 ปี
Christopher รับหน้าที่ในสมรภูมิ Gallipoli เช่นเดียวกับน้องชาย แต่ทำงานในตำแหน่งพลทหารแบกเปลในหน่วยพยาบาล เขาถูกยิงตกลงไปในหุบเขาตั้งแต่ต้นสงคราม การตกจากที่สูงทำให้เขาบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังจนกลายเป็นคนพิการตลอดชีวิต เขาถูกส่งตัวกลับออสเตรเลียในปี 1916 และไม่ได้กลับเข้าร่วมสงครามอีก Christopher สามารถเดินได้แค่ระยะสั้นๆ โดยอาศัยไม้ค้ำทั้งสองข้าง เขาไม่เคยกลับอังกฤษ Amy ไม่ได้เจอลูกชายคนนี้กระทั่งเขาเสียชีวิตไปในปี 1968 อายุ 85 ปี
Leonard Beechey
Leonard เป็นลูกชายคนสุดท้ายของ Amy ที่เสียชีวิตในสงคราม ก่อนหน้านั้นเขาทำงานเป็นพนักงานรถไฟในลอนดอน Leonard ถูกส่งตัวไปรบที่ฝรั่งเศสในปี 1917 ตอนนั้นเขามีอายุ 35 ปี
หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของ Charles พี่ชายคนที่สอง เขาส่งจดหมายถึงแม่ “มันยากมากสำหรับผมที่จะยอมรับการจากไปของพี่ชาย ข่าวการเสียชีวิตของพี่น้องเป็นเรื่องยากขึ้นทุกครั้ง ผมแค่หวังว่าจะได้เห็นหน้าแม่อีกครั้งหนึ่ง”
ความหวังของ Leonard ไม่เคยเป็นจริง เขาเสียชีวิตจากแก๊สพิษในอีกเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เพียงสองเดือนหลัง Charles เสียชีวิต
Eric Beechey และSam Beechey
Eric และ Sam คือลูกชายเพียงสองคนที่รอดจากสงครามอย่างปลอดภัย Eric เพิ่งจบจากโรงเรียนด้านทันตกรรมและเข้าร่วมกองทัพในหน่วยแพทย์ เขาถูกส่งตัวไปกรีซและรับหน้าที่ส่วนใหญ่ในการถอนและรักษาฟัน
Sam เป็นลูกชายคนเล็กที่เพิ่งอายุถึงเกณฑ์ในช่วงท้ายสุดของสงคราม เขาถูกส่งไปรบในช่วงสามอาทิตย์สุดท้ายก่อนสงครามสงบและได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
จดหมายที่ Eric ส่งถึงแม่ในเดือนกรกฎาคม 1917 บอกเล่าความรู้สึกของครอบครัวได้ดีที่สุด
“ผมรู้ว่าแม่รู้สึกอย่างไรกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่นี้ และผมสงสัยอยู่เสมอว่าความเสียใจจะเกิดกับหนึ่งในพวกเราอีกหรือไม่
แต่พี่น้องของเราสละชีวิตเพื่อชาติ และแม่จะได้รับการจารึกว่าเป็นผู้กล้าหาญที่มอบลูกชายสุดที่รักให้มาตุภูมิ”
อนุสรณ์แสดงความขอบคุณต่อการเสียสละของลูกชายตระกูล Beechey ถูกตั้งไว้ทั้งในอังกฤษและออสเตรเลีย หนึ่งในอนุสรณ์สำคัญอยู่ที่เมืองลิงคอล์น บ้านเกิดของหนุ่มๆ ทั้ง 8
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
อ้างอิง
kanokporn ถ้าแลกคืนได้คงไม่มีแม่คนไหน ต้องการ
14 มี.ค. 2563 เวลา 05.32 น.
Seangpana ควรสังหาร ผู้นำที่ก่อสงคราม ทุกครั้งก่อนสงครามเริ่ม ที่จะลามมาที่ประชาชน คนเล็กคนน้อย ความเสียหายก็จะจำกัดพื้นที่ เฉพาะ ที่อยากทำลายกันนัก ความสูญเสียก็จะจำกัดพื้นที่ ไม่เสียหายกว้างไกล
14 มี.ค. 2563 เวลา 02.38 น.
w.danai ผลจากสงครามไม่เคยมีความสวยงาม ขอให้โลกเรามีสันติสุขโดยสมบูรณ์เสียที
14 มี.ค. 2563 เวลา 02.30 น.
Wolffia Original™ เรื่องแบบนี้ต้องส่งนักการเมืองและแกนนำไปสนามรบก่อน เพราะเค้าเก่งกว่าทหารหรือใครๆในสภา จะได้ปนะหยัดงบประมาณทหารและภาษีไปได้มาก ความร้ายแรงยิงกว่าอาวุธใดๆ ความสามารถพิเศษคือปลุกระดมนักศึกษาและประชาชนได้ทุกพื้นที่
14 มี.ค. 2563 เวลา 07.21 น.
Narong สันติวิธีค้ำจุนโลก ไอ้พวกก่อกวนคลั่งความรุนแรงต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่มันก่อขึ้น
14 มี.ค. 2563 เวลา 05.46 น.
ดูทั้งหมด