ประเทศไทยมีผู้ป่วยอัมพาตเพิ่มขึ้นปีละราว 1 แสนคน ในแต่ละปีต้องใช้งบประมาณด้านสาธารณสุขจำนวนมาก การดูแลผู้ป่วยอัมพาตจำเป็นต้องพลิกตัวเป็นประจำทุก 1 - 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิด "แผลกดทับ" ซึ่งการดูแลผู้ป่วยในเรื่องนี้ต้องเสียเวลาและแรงงานของพยาบาล หรือญาติผู้ป่วยไม่น้อย เพราะหากไม่ทำแรงดันกดทับและความชื้นสะสมจากการที่อยู่ในตำแหน่งเดิม ทำให้เกิดแผลกดทับได้ และยิ่งผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานด้วยแล้วหากเกิดแผลกดทับ แผลนั้นจะลุกลามได้รวดเร็วและรักษายากมากยิ่งขึ้น
ด้วยตระหนักถึงความทรมานของผู้ป่วยที่เป็นแผลกดทับ และภาระของผู้ดูแลทั้งญาติและพยาบาล ผศ.พญ.นลินี โกวิทวนาวงษ์ แพทย์จากภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงได้ริเริ่มจัดทำโครงการวิจัย เตียงพลิกตะแคง "เตียงพลิกตัวและวัสดุรองรับสำหรับผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้"
ผศ.พญ.นลินี กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีอุปกรณ์ช่วยในการพยุงตัวผู้ป่วยและลดปัญหาแผลกดทับจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่พบรูปแบบเตียง (เตียงพลิกตะแคง) ที่มีประสิทธิภาพ ที่สามารถดูแลผู้ป่วยติดเตียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากการดมยาสลบเพื่อผ่าตัดให้กับผู้ป่วยพบว่าปัญหาแผลกดทับในห้องผ่าตัดเกิดขึ้นได้ถึง 12% คนไข้มีแผลผ่าตัดแล้วไม่ควรมีแผลที่อื่นอีก จึงพยายามคิดค้นวัสดุที่จะช่วยกระจายแรง ประกอบกับอยู่ในพื้นที่ที่มีการปลูกยางพาราเยอะจึงลองดูว่าการนำยางพารามาปรับโมเลกุลเพื่อให้มีคุณสมบัติการกระจายแรง เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับน่าจะทำได้ จึงเกิดเป็น ผลิตภัณฑ์ "Doctor N Medigel" เจลยางพาราเพื่อป้องกันแผลกดทับ และใช้จัดท่าผู้ป่วยในห้องผ่าตัด จากนั้นจึงได้ทำวิจัยต่อเนื่องร่วมกับ อาจารย์ สมคิด สมนักพงษ์ จากวิทยาลัยเทคนิคกำแพงเพชร ร่วมพัฒนาคิดค้นและออกแบบเตียงสำหรับผู้ป่วยอัมพาตและป้องกันแผลกดทับ หลอมรวมความเป็น dynamic support surface ของเตียงในการพลิกเปลี่ยนจุดกด กับ static support surface ของเบาะเจลยางพารา ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันแผลกดทับมีสูงขึ้น และที่สำคัญสามารถผ่อนแรงของผู้ดูแลในการยกตัวเพื่อพลิกตะแคงซึ่งปกติต้องใช้คน 2 - 3 คน แต่หากใช้เตียงนี้จะใช้คนเพียงคนเดียวสามารถพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยได้อย่างสบาย
จากนั้น ทางสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้สนับสนุนทุนวิจัยต่อยอดเพื่อติดตั้ง software smart bed ทำให้สามารถตั้งเวลาควบคุมเตียงได้แบบออร์โตเมติก และยังมีระบบ central control สามารถควบคุมเตียงหลายๆ เตียงผ่านทางหน้าจอเดียว เพื่อลดภาระของพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยหลายเตียงในเวลาเดียวกันในช่วงการระบาด โควิด-19 ในเวลานี้ทางผู้วิจัยคาดว่าเตียงพลิกตะแคงพร้อม software smart bed จะสามารถช่วยพยาบาลในการพลิกคว่ำผู้ป่วย โควิด-19 เพื่อช่วยหายใจได้ง่ายขึ้นทำให้สามารถลดจำนวนพยาบาลที่ต้องเสี่ยงเข้าไปดูแลผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้ทางทีมงานได้พัฒนาคอนโทรลเลอร์และ software เพื่อให้ได้มาตรฐานเครื่องมือแพทย์และ software ทางการแพทย์ในระดับสากล เพื่อให้สามารถใช้ในหอผู้ป่วยวิกฤติ หรือ โรงพยาบาลระดับ จตุตถภูมิ (ระดับ รพ.ศูนย์ หรือ โรงเรียนแพทย์) ได้ และในปลายเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะสามารถติดตั้งที่โรงเรียนแพทย์ 2 แห่ง โดยทาง วช. ได้ให้ทุนวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับสินค้านำเข้า และในอนาคตจะสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้อีกด้วย
ผศ.พญ.นลินี กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำนวัตกรรมต้องไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ต้องมีการพัฒนาอยู่เสมอ การจะฝ่าฟันให้พ้นหุบเหวนวัตกรรม การนำงานวิจัยลงจากหิ้งมาสู่การใช้จริงมิใช่เรื่องง่าย แต่โชคดีที่รัฐบาลมีหน่วยงานอย่าง วช. มาเสริมทำให้นักวิจัยสามารถหลุดพ้นจากหุบเหวนวัตกรรมได้
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ผลงานวิจัยนี้ ถือว่าเป็นงานวิจัยประดิษฐ์คิดค้นที่เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยซึ่งเป็นแพทย์กับอาชีวศึกษา ที่ร่วมกันวิจัยพัฒนาสิ่งประดิษฐ์คิดค้นที่จะช่วยดูแลผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งจะอำนวยความสะดวกและช่วยลดภาระของพยาบาลหรือญาติผู้ป่วยทั้งที่โรงพยาบาลและที่บ้าน ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตของประเทศไทยที่กำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงวัย และจะมีจำนวนผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งความสำเร็จของผลงานวิจัยนี้ ยังบ่งบอกว่า ความร่วมมือของนักวิจัยไทย สามารถทำให้เกิดนวัตกรรมทางการแพทย์เทียบชั้นเครื่องมือทางการแพทย์ระดับโลกได้
อ่านข่าว - แพทย์ไทยฯ ปูดยกเลิกผล "โควิด-19" วัดดวงส่งกลับ ตจว. ระบาดเงียบรอระเบิด