Forest Bathing อาบป่า เทรนด์สุขภาพแนวใหม่ ได้ผ่อนคลาย ได้สุขภาพ!

เมื่อเธอเหนื่อยล้า จงเดินเข้าป่า… ทีแรกนึกว่าจะเป็นแค่เพลงที่แต่งขึ้นให้กำลังใจ ปลอบใจก็เท่านั้น แต่พอได้ศึกษาข้อมูลก็ปรากฎว่า การเข้าป่านี่มันเป็นศาสตร์บำบัดอย่างนึงเลยก็ว่าได้…ใช่ครับ นี่เรากำลังพูดถึงเทรนด์สุขภาพที่เรียกว่า “Forest Bathing” หรือ การอาบป่า ซึ่งการอาบป่าในที่นี้แน่นอนว่าไม่ใช่การไปอาบน้ำในป่านะครับ ฮ่ะๆ แต่เป็นแนวทางการดูแลสุขภาพที่อาศัย พลังจากธรรมชาติที่แท้ทรู เข้ามาช่วยฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ช่วยสร้างบาลานส์ให้ร่างกายคุณ เพราะมันช่วยในเรื่องการคลายเครียด ปรับสมดุลได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว

“อาบป่า” คืออะไร

การอาบป่านี้ไม่ใช่การอาบน้ำแนวใหม่ ไม่ใช่การออกกำลังกาย อธิบายง่ายๆ มันคือการที่เราทำตัวให้หลอมรวมเหมือนเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยการอาบป่านี้ เป็นแนวคิดมาจากคนญี่ปุ่น เกิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษที่ 1980 เรียก ‘ชินริน-โยกุ’ (Shinrin-Yoku) มาจากคำว่า ‘ชินริน’ (Shinrin) ที่แปลว่า ‘ป่าไม้’ บวกกับคำว่า ‘โยกุ’ (Yoku) แปลว่า ‘การอาบน้ำ’ เป็นการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดทางการรักษาสุขภาพกายและการเยียวยาด้านจิตใจ

เปิดประสบการณ์ อาบป่า ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5

ขั้นตอนของการอาบป่า คุณไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าชิ้นใดทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ต้องถอดไว้คือความเครียด ความกังวลใจต่างๆ ถอดมันวางทิ้งไป แล้วทำใจให้สบาย จากนั้นเปิดประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้พร้อมรับกับพลังบวกของธรรมชาติแบบเต็มๆ ผ่าน 5 ช่องทางนี้

• มองด้วยตาปรับโฟกัสของดวงตาให้พร้อมเก็บภาพของป่า ใบไม้ วิวทิวทัศน์ต่างๆ ที่มีทั้ง สีเขียว สีเหลือง และสีแดง ให้เต็มที่
  
• สูดกลิ่นผ่านจมูก หายใจเข้า หายใจออก รับกลิ่นของป่าจากต้นไม้และดอกไม้เข้าสู่ปอดให้ได้มากที่สุด  โดยเฉพาะกลิ่นจากต้นไม้ประเภทสน ที่จะมีกลิ่น น้ำมันหอมระเหย phytoncide (ไฟตอนไซต์)  ที่ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์กำจัดมะเร็ง
• ฟังผ่านหู เปิดโสตสัมผัสแล้วรับฟังเสียงของป่า เสียงนกร้อง เสียงลมพัดผ่าน เพิ่มพลังฟื้นฟูสมาธิ
• สัมผัสผ่านมือ  ใกล้ชิดกับธรรมชาติผ่านการสัมผัสโดยตรงกับต้นไม้ เข้าถึงความเป็นป่าที่แท้จริง  ปล่อยตัวเองไปในบรรยากาศของความเป็นธรรมชาติ
• รับรสจากปาก  ลองกินอาหารและผลไม้ที่มาจากป่าแบบ 100%  พร้อมรับอากาศสดชื่นบริสุทธิ์

อาบป่า ในกทม. ทำที่ไหนได้บ้าง

บางทีการได้ปล่อยกายปล่อยใจไปกับธรรมชาติก็เป็นการพักผ่อนที่ดีอย่างหนึ่งแล้วสำหรับมนุษย์เมืองที่อยู่ในกรุงแบบเราๆ จะสามารถอาบป่าที่ไหนได้บ้าง นี่คือสถานที่ ที่สามารถอาบป่ากันได้ใกล้ๆ กทม

- สวนบางกะเจ้า พื้นที่ป่าอนุรักษ์ในเขตชุมชน อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

- สวนหลวง ร.9 สวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ย่านประเวศ สามารถเดินทางได้จากหลายเส้นทาง

- สวนลุมพินี พื้นที่สีเขียวใจกลางกรุงเทพ สถานที่แห่งนี้ก็สามารถให้คุณได้เข้าไปพักผ่อน เพื่อฟื้นฟูร่างกายได้เช่นกัน หรือใครที่ไปวิ่งออกกำลังกายที่นี่อยู่แล้ว อาจจะลองแบ่งเวลาแล้วอาบป่าดูบ้างก็ดี หรือแถวบ้านหรือคอนโดใครมีพื้นที่สีเขียวหรือสวนสาธารณะ ก็สามารถเข้าไปอาบป่าได้เช่นกัน และถ้าอยากจะอาบป่าแบบเต็มที่มีเวลาและวันหยุดหลายวัน ก็สามารถวางแผนการผักผ่อนของคุณด้วยการท่องเที่ยวป่า ตามอุทยานต่างๆ ก็ได้เช่นกัน

อาบป่า มาแล้ว แต่ยังอยากดูแลสุขภาพให้รอบด้านขึ้นไปอีก

ถึงแม้ว่าการอาบป่าจะช่วยฟื้นฟูร่างกาย แถมยังช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายลดโอกาสเกิดมะเร็งได้ แต่บางครั้งร่างกายก็ต้องการความดูแลที่รอบด้านมากกว่านั้น เราจึงยังต้องมีแผนการดูแลสุขภาพให้รอบด้านครอบแบบ 360 องศา ใช้ธรรมชาติดูแลส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็ให้แผนประกันสุขภาพดูแลคุณ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอฟดับบลิวดีก็พร้อมดูแลคุณเต็มที่ ด้วย ดิเอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ แผนคุ้มครองสุขภาพจากเอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต ที่ทำให้การรักษาพยาบาลของคุณเป็นเรื่องง่ายๆ สะดวกสบาย และอุ่นใจขึ้น วงเงินเดียว เหมาจ่ายทุกรายการ

• คุ้มครอง เต็ม จ่ายตามจริง ครอบคลุมทุกรายการ -ค่าห้อง ค่าอาหาร ผ่าตัดเล็ก ผ่าตัดใหญ่ ค่าแพทย์ ค่ารถพยาบาล และค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ
• ครอบคลุมผู้ป่วยใน - รวมถึงค่ารักษาต่อเนื่อง กรณีล้างไต เคมีบำบัด และรังสีบำบัด
• คุ้มครองการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุฉุกเฉิน - ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลก็รักษาได้
• พร้อมบริการความช่วยเหลือด้านการเดินทางและการแพทย์ขณะอยู่ต่างประเทศ - ตามแผนที่คุณเลือก
• สมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน – 70 ปี - (ต่ออายุได้ถึงอายุ 84 ปี)

ข้อมูลเพิ่มเติม http://bit.ly/2N13wvI

เรื่องการ Work Life Balance ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี แนวคิดนี้ยังคงใช้ได้เสมอ ใช้ร่างกายทำงานมาอย่างหนักแล้ว ก็ต้องหาเวลาให้ร่างกายได้พักบ้าง หาสมดุลของชีวิตของคุณให้เจอ การอาบป่าอาจจะเป็นหนึ่งวิธีที่คุณเลือกนำมาใช้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีไหนในการดูแลร่างกาย เป้าหมายของทุกคนก็คือการได้มีชีวิตที่ยืนยาวนั่นเอง