เมื่อวันที่ 23 พ.ค.62 ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าและขอข้อมูลการวินิจฉัยกรณีการถือครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตามที่ ป.ป.ช.เคยมีมติเอกฉันท์กรณีแหวนเพชร และมติ 5 ต่อ 3 ประเด็นนาฬิกาหรู ไม่มีมูลเพียงพอให้เชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ให้คดียุติไม่ต้องตั้งคณะกรรมการไต่สวน ส่วนประเด็นการรับทรัพย์สินที่ยืมจากผู้อื่นยังอยู่ในการพิจารณานั้น
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว สมาคมฯ ได้มีหนังสือขอโดยใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 มายังสำนักงาน ป.ป.ช. แล้วตั้งแต่เดือน มกราคม 2562 แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงต้องเดินทางมาทวงถามความคืบหน้าและขอข้อมูลอีกครั้งด้วยตนเอง โดยสมาคมฯได้ขอข้อมูลข่าวสาร ดังนี้ 1.รายละเอียดของคำวินิจฉัยที่แท้จริงของกรรมการ ป.ป.ช.แต่ละท่านว่ามีคำวินิจฉัยแต่ละท่าน และคำวินิจฉับรวมไว้อย่างไร กรณีถือครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยสื่อสารมวลชนได้รายงานว่า ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์กรณีแหวนเพชร และมติ 5 : 3 ประเด็นนาฬิกาหรู ไม่มีมูลเพียงพอให้เชื่อว่า พล.อ. ประวิตร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ให้คดียุติไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบ โดยข้อมูลดังกล่าวผู้ร้องใคร่ขอสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับรายงานและสํานวนการตรวจสอบ การสอบสวน หรือการไต่สวนเบื้องต้น รวมทั้งบรรดาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ สอบสวน หรือไต่สวนเบื้องต้นในกรณีดังกล่าว
2.ขอสอบถามความคืบหน้าของคำร้องในประเด็นที่เกี่ยวกับการรับทรัพย์สินที่ยืมจากผู้อื่น ของ พล.อ.ประวิตร เข้าข่าย "การรับประโยชน์อื่นใด" ที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 และหรือพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ที่ยังอยู่ในการพิจารณานั้น มีความคืบหน้าไปอย่างไรแล้วบ้าง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ทั้งนี้ สืบเนื่องมากจากนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเรื่อง การกู้ยืมเงิน ของพรรคการเมืองโดยสรุประบุว่า การกู้ยืมเงินของพรรคการเมืองถือว่าเป็นรายได้ของพรรคการเมืองด้วยนั้น สามารถใช้เทียบเคียงกับกรณีพล.อ.ประวิตร ได้ยืมนาฬิกาเพื่อนมาสวมใส่นั้นก็ถือว่าเป็นรายได้ที่พล.อ.ประวิตร ต้องแจ้งรายได้ต่อ ป.ป.ช. ตามกฎหมายด้วยนั่นเอง แต่หากการมาขอข้อมูลครั้งนี้ ป.ป.ช.ยังเพิกเฉย ก็จะนำคำร้องไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเพื่อวินิจฉัยต่อไป และอาจต้องยื่นฟ้อง ป.ป.ช. ต่อศาลฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ด้วย
King เอือมระอา องค์กรอิสระ..ดีๆทั้งนั้น
23 พ.ค. 2562 เวลา 15.30 น.
Birthipz โถศรี ละครเก่ง
23 พ.ค. 2562 เวลา 14.36 น.
ตัดสินคดีได้ค้านความรู้สึกคนครึ่งค่อนประเทศ ทั้งที่พยานหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ถ้ากล้าเปิดเผยสำนวนคดีออกมา คงเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
23 พ.ค. 2562 เวลา 13.47 น.
TULA จริงๆคุณมึงก็รู้ว่าร้องไปก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ที่มึงร้องฝ่ายตรงข้ามโดนหมด...สมองมึงคิดได้แค่นี้จริงๆ
23 พ.ค. 2562 เวลา 13.46 น.
ลุงกาศ ไอ้ ศรี ขอให้มึงทำจริงๆเถอะ
23 พ.ค. 2562 เวลา 13.44 น.
ดูทั้งหมด