นับตั้งเเต่ช่วงกลางปีเป็นต้นมา ข่าวโรงงานทยอยปิดตัว ลดการทำงาน รวมถึงการเลิกจ้างพนักงานและลูกจ้าง ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นกังวล คือ ปัญหานี้ส่อเค้ารุนเเรงมากขึ้น เมื่อดูข้อมูลล่าสุดของ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตั้งเเต่ ม.ค. - ต.ค.ปีนี้ มีธุรกิจจดทะเบียนเลิกมากกว่าปีก่อน ร้อยละ 2.08 หากเทียบปีต่อปี ปีนี้จดทะเบียนเลิก 14,070 แห่ง ขณะที่ปีก่อน 13,782 แห่ง
ประเภทธุรกิจที่เลิกสูงสุดในช่วง 2 ปีนี้ ก่อสร้างอาคารทั่วไป เลิกกิจการสูงสุด โดยปี 2561 เลิกกิจการ จำนวน 2,042 แห่ง และปี 2562 จำนวน 1,353 ซึ่งเป็นตัวเลขถึง ต.ค.เท่านั้น ขณะที่กิจการอื่น ๆ ที่มีการเลิกกิจการสูงเช่นกัน ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคาร ร้านอาหาร
รองโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า อย่าเพิ่งตื่นตระหนก เนื่องจากยังมีเงินลงทุนใหม่ ๆ โดยปี 2562 การลงทุนจากการประกอบกิจการใหม่และการขยายกิจการโรงงานเดิมมีประมาณ 431,216 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว ร้อยละ 36.6 เมื่อมาไล่ดูตัวเลข ตั้งแต่ 1 ม.ค. - 12 พ.ย.2562 แม้มีการยื่นขอปิดกิจการโรงงาน 1,391 โรงงาน แต่มีการขอยื่นประกอบกิจการโรงงานใหม่ถึง 2,889 โรงงาน โรงงานเปิดใหม่ จึงมากกว่าปิดกิจการ กว่าเท่าตัว (107%)
ส่วนการเลิกจ้างงานจากการปิดกิจการ ที่มีกว่า 35,533 คน แต่อีกด้านมีการจ้างงานใหม่ 84,033 คน และมีการจ้างงานเพิ่ม จากการขยายโรงงานอีก 84,704 คน แต่ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ประเมินว่า การว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยดูจากข้อมูลสำนักงานประกันสังคม ผู้รับสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน คาดว่าสิ้นปีจะมีผู้ขอรับสิทธิถึง 200,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2557 ที่ คสช.เริ่มเข้ามาบริหาร ที่มีผู้ขอรับสิทธิเพียง 106,789 คน
พร้อมประเมินว่าในปีหน้าอาจจะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น จากอัตราการว่างงานร้อยละ 1 จะเพิ่มเป็นร้อยละ 2 หรืออยู่ที่ประมาณ 600,000 คน จากปัญหา การส่งออกที่ลดลงจากปัญหาสงครามการค้า การถูกตัดจีเอสพีจากสหรัฐอเมริกา
รศ.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ ยังระบุว่า การเตรียมตัวรับมือควรใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บออมรองริบ ส่วนแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ควรมีการพัฒนาทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม โดยรัฐบาลจะต้องสนับสนุนการฝึกอบรม
รศ.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.วิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน ทีดีอาร์ไอ
สำหรับปีหน้าโอกาสการรับแรงงานใหม่เข้าสู่ระบบอาจจะมีน้อยกว่าปีนี้ เพราะโรงงานส่วนใหญ่ต้องการรัดเข็มขัดและลดต้นทุน ยกเว้นในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น การลงทุนในโครงการอีอีซี ส่วนบัณฑิตที่จบใหม่ พบว่า ขณะนี้มีการว่างงานถึงประมาณกว่า 130,000 คนเมื่อเทียบกับแรงงานที่ว่างงานทั้งหมด
เนาวรัตน์ ทรงสวัสดิ์ชัย ประธานกรรมการสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย ระบุว่า ตอนนี้ยอดคำสั่งซื้อลดลง ทำให้ทุกคนต่างระมัดระวัง และงานบางส่วนต้องใช้เทคโนโลยีเเทนแรงงาน เพื่อบริหารต้นทุนเเละเพิ่มผลผลิต การปิดโรงงานหรือเลิกจ้าง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาการค้าเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากเงินบาทที่เเข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งบั่นทอนความสามารถในการเเข่งขันของไทย ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วน เลือกย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เพื่อความอยู่รอด
believer ใครเชื่อตัวเลขมโนของรัฐบาลชุดนี้ก็....แล้ว หลอกคนจนคนทำงาน พวกตัวเองกินจนร่ำรวยเป็นร้อยพันล้าน มีแต่โจร นักเลง พวกสมองไม่ทันโลก ในคนะ อย่าโกหก คนรุ่นหลังๆเขาฉลาดกว่าที่ประเมินเยอะ
13 พ.ย. 2562 เวลา 15.31 น.
Mr. te'...🔦🔎📚 ถุย
13 พ.ย. 2562 เวลา 15.53 น.
ดูทั้งหมด