ไลฟ์สไตล์

แตกต่าง แต่ได้ 'ธรรมะ' เหมือนกัน! รู้จัก 4 นักบวชคนสำคัญ กับวิธีเผยแผ่ศาสนาไม่เหมือนใคร

LINE TODAY ORIGINAL
เผยแพร่ 08 ก.ย 2564 เวลา 18.05 น. • AJ.
ภาพจาก IG @yochanting และ Samantha Borges | unsplash.com

วิวัฒนาการของการเผยแผ่ศาสนาพุทธ ตั้งแต่ยุคเผยแผ่คำสอน มาถึงพระไตรปิฎก ยาวจนถึงการเทศน์ออนไลน์ อย่างวิธีของ 'พระมหาไพรวัลย์' และ 'พระมหาสมปอง' ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคม ถูกปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยมาหลายต่อหลายครั้ง

และไม่เพียง พ.ส.สองรูปนี้ที่เลือกใช้อารมณ์ขันสอดแทรกให้การเทศน์กลายเป็นเรื่อง 'ย่อยง่าย' และเป็นมิตรกับคนรุ่นใหม่ แต่นักบวชหลายท่านก็มีวิธีในการเผยแผ่ศาสนา หลักการคำสอน ไปจนถึงพระธรรมที่ 'สดใหม่' จนอาจก่อให้เกิดการถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันมานักต่อนัก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เพราะเราต่างรู้ว่า 'พระพุทธศาสนา' และหลักธรรมคำสอน ต่างก็เป็นหัวข้อแสนสำคัญที่แต่ละคนต่างก็ตีความต่างกันไป แต่ก็เป็นหน้าที่ของชาวพุทธที่ต้องเปิดใจ และทำความเข้าใจใน 'ธรรมะ' ที่บางครั้งก็ไม่ได้มาในรูปของหนังสือสวดมนต์หรือตำราคำสอนแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียว

ลองเปิดใจให้กว้าง แล้วมาศึกษา 'ธรรมะ' ในรูปแบบที่แตกต่างจากนักบวชเหล่านี้ไปพร้อมๆ กันได้เลย!

เกียวเซ็ง อาซะคุระ พระญี่ปุ่นที่ใช้แสงสีและดนตรีเทคโน ชวนวัยรุ่นเข้าวัด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เริ่มกันที่นักบวชชาวญี่ปุ่นที่เคยเป็นไวรัลเมื่อไม่กี่ปีก่อน เกียวเซ็ง อาซะคุระ เจ้าอาวาสรุ่นที่ 17 ของวัดโชออนจิ จากเมืองฟุคุอิ ที่เป็นทายาทเจ้าอาวาสรุ่นก่อน เดิมทีเจ้าตัวไม่ได้มีความสนใจจะสืบทอดตำแหน่งเจ้าอาวาสจากครอบครัว และได้เริ่มทำอาชีพ 'ดีเจ' ตอนเป็นวัยรุ่น

แต่เมื่อสังเกตว่าวัดของตระกูลเริ่มมีผู้ศรัทธามากราบไหว้น้อยลงเรื่อยๆ เขาจึงเริ่มผสมผสานไอเดียของการนำดนตรีอิเล็กทรอนิกส์กับการเทศน์ กลายเป็นการจัดตั้งเซ็ตดีเจในวัด แถมยังมีการจัดแสงสีนีออนตลอดการแสดงธรรมะ

หลวงพี่เกียวเซ็นให้ความเห็นว่าหลักการของพุทธ คือ 'ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอ' ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาหากหลักสูตรหรือการสอนธรรมะจะเปลี่ยนไปด้วย การตกแต่งแสงสีที่มีมานานก็เช่นกัน จากเดิมที่ตกแต่งด้วยเครื่องประดับสีทอง หลวงพี่ก็เปลี่ยนเป็นแสงเลเซอร์และซีจีล้ำๆ แทน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อหลักการสอนเปลี่ยนไป กลุ่มผู้ศรัทธาก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่มีเพียงผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเข้ามากราบไหว้และฟังธรรม แต่เมื่อมีการเทศน์แบบเทคโนเพิ่มเข้ามา วัยรุ่นหนุ่มสาวก็เริ่มเข้าวัดมากขึ้น

เซ็ตดีเจของหลวงพี่เกียวเซ็ง อาซะคุระ

โยเก็ตสึ อาคาซะกะ เผยแผ่คำสอนผ่านบีตบอกซ์

โยเก็ตสึ อาคาซะกะ นักบวชนิกายเซ็นท่านนี้ก็เลือกใช้ดนตรีมาผสมผสานกับธรรมะเช่นกัน โดยในคลิปวิดีโอชื่อ'Heart Sutra Remix' หรือแปลเป็นไทยว่า 'ปรัชญาปารมิตาพระสูตร ฉบับรีมิกซ์' ที่ปัจจุบันมียอดเข้าชมเกิน 3 ล้านวิวแล้ว

ในคลิปวิดีโอปรากฏภาพหลวงพี่ท่านนี้ถือไมค์ กับเซ็ตเครื่องดนตรีแปลกตา บนพื้นหลังสีขาว กำลังสร้างเสียงเพลงที่ทั้งผ่อนคลายแต่ก็ฟังคล้ายเสียงสวดมนต์ โดยทั้งหมดนั้นหลวงพี่โยเก็ตสึสร้างขึ้นมาด้วยเสียงสวดมนต์ของตัวเอง โดยใช้เทคนิคคล้ายการ 'บีตบอกซ์' แต่มีเครื่องลูปเป็นลูกมือ

โดย 'หลักปรัชญาปารมิตาพระสูตร' หรือ 'หฤทัยสูตร' นี้ มีใจความสำคัญคือ การบรรลุธรรมของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (พระโพธิสัตว์องค์สำคัญของพุทธนิกายมหายาน) พิจารณาว่าสรรพสิ่งในโลกล้วนว่างเปล่า และต่างประกอบด้วยขันธ์ 5 คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ หากพิจารณาเห็นความว่างเปล่านี้ความยึดมั่นถือมั่นจะหายไปละเกิดความกรุณาในสรรพสิ่งต่างๆ ขึ้นมาแทน

หลวงพี่โยเก็ตสึเดิมทีเป็นวัยรุ่นที่มีใจรักเสียงดนตรีคนหนึ่ง แต่ได้รับแรงบันดาลใจจากคุณพ่อที่บวชเป็นพระก่อน ท่านจึงบวชเป็นพระด้วยเมื่อราว 5 ปีที่แล้ว โดยมีแนวคิดว่าชาวญี่ปุ่นส่วนมากมักมีความคิดว่าพุทธศาสนาหรือหลักคำสอนเป็นเรื่องชวนหดหู่ หรือจะคิดถึงก็ต่อเมื่อไปงานศพเท่านั้น แต่สำหรับหลวงพี่โยเก็ตสึ 'ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่พูดถึงการดำรงอยู่อย่างสงบสุข' และหฤทัยสูตรก็เป็นหลักคำสอนสำคัญที่เยียวยาหัวใจพุทธศาสนิกชนได้อย่างดีเยี่ยม

อ่านเพิ่มเติม : จะเป็นยังไงนะ? เมื่อบทสวดหฤทัยสูตรถูกนำมา Remix ใหม่โดยพระสงฆ์ญี่ปุ่น

พระสูตรเวอร์ชั่นฟังเพลิน

องค์ดาไลลามะ ใช้แอปฯ และเทคโนโลยีเข้าถึงผู้ศรัทธา

ดนตรีกับศาสนาอาจเป็นเรื่องที่ตัดกันไม่ขาด เพราะแม้กระทั่ง 'องค์ดาไลลามะที่ 14 เทนชิน เกียตโซ' ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบตก็เคยปล่อยอัลบั้ม 'Inner World' เนื่องในวาระครบรอบอายุ 85 ปีของท่าน เป็นรวมดนตรีกับคำพูดและบทสวดที่ท่านโปรดปราน โดยมีสองสามีภรรยาชาวนิวซีแลนด์เป็นผู้แต่งและเรียบเรียง โดยมีแนวคิดว่าดนตรีสามารถบรรเทาชีวิตของผู้คนในแบบที่ท่านทำไม่ได้ และเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความแตกต่างทั้งปวง

นอกจากนี้องค์ดาไลลามะยังมีแอปพลิเคชันชื่อ 'Dalai Lama' สำหรับผู้ติดตามและผู้ศรัทธา ได้รับรู้ข่าวสาร ข้อมูล คำสอน โดยมีทั้งคู่มือ หลักสูตรการฝึกจิต รวมไปถึงสตรีมมิ่งการเทศน์ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทุกที่ทุกเวลา

องค์ดาไลลามะทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำศาสนาคนสำคัญของโลกที่สอนให้ละเว้นความรุนแรง และให้ยอมรับศาสนาอื่น ทั้งยังเคยได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพเมื่อปี ค.ศ. 1989 อีกด้วย

พุทธทาสภิกขุ พระภิกษุที่สะกิด ให้เราคิดถึงหลักการที่หลายคนไม่กล้าพูด

ในไทยเอง พระภิกษุชื่อดังที่เป็นแนวทางพุทธให้พุทธศาสนิกชนจำนวนมากก็เคยถูกกังขาจากการแสดงความเห็นต่อการนับถือศาสนา เมื่อท่าน 'พุทธทาสภิกขุ' (พระธรรมโกศาจารย์) ตีพิมพ์หนังสือปาฐกถาธรรมประวัติศาสตร์ชื่อ'ภูเขาแห่งวิถีพุทธธรรม' โดยมีเนื้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า

“ถ้าถามว่าอะไรเป็นเครื่องปิดบังพระนิพพานอันเป็นตัวพุทธธรรมที่เราประสงค์จะเข้าถึงแล้ว เราจะพบคำตอบว่า “พระพุทธเจ้า” นั่นเอง กลับมาเป็นภูเขามหึมาบังพระนิพพาน…

…ซึ่งถ้ากล่าวให้สั้นๆ ตรงๆ ที่สุด ก็กล่าวว่าท่านทั้งหลายเข้าไม่ถึงพุทธธรรมก็เพราะว่า “พระพุทธเจ้าตามทัศนะของท่าน” ขวางหน้าท่านอยู่"

เนื้อความในหนังสือตอนนี้ถูกนำมาตีความและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงขั้นยื่นหนังสือฟ้องร้องถึงรัฐบาลและสมเด็จพระสังฆราชในเวลานั้น ท่านพุทธทาสภิกขุในตอนนั้นถึงกับโดนกล่าวหาว่า รับจ้าง 'คอมมิวนิสต์' เพื่อทำลายศาสนาเลยทีเดียว เนื่องจากในช่วงเวลานั้นกระแสหวาดกลัวคอมมิวนิสต์ในไทยค่อนข้างแพร่หลาย สุดท้ายแล้วตัวท่านพุทธทาสเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรกับการโจมตีดังกล่าว

แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นักเขียน และนักคิดหลายคนก็ออกตัวชื่นชมเนื้อหาและใจความหลักของหนังสือเล่มนี้ ซึ่งภายหลังท่านพุทธทาสยังได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโก (UNESCO) เป็นบุคคลสำคัญของโลกในปี พ.ศ. 2538 อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : museumthailand.com / เมื่อท่านพุทธทาสถูกหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้จะถูกกังขาและตั้งข้อครหาบ้าง แต่ความกล้าแบบพุทธทาสภิกขุ ไอเดียแปลกใหม่ของพระญี่ปุ่นในการดึงดูดคนให้เข้าวัด และเจตนาขององค์ดาไลลามะที่ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงธรรมะโดยง่ายและเป็นธรรมชาติ ต่างเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ศาสนาพุทธยังดำรงอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะการมาของ 'เทคโนโลยี' ที่อาจเปลี่ยนรูปแบบของการเข้าถึงธรรมะไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับผู้รับสาร ว่าจะเก็บเกี่ยว 'เนื้อแท้' ของธรรมะได้มากน้อยเพียงใด

เหมือนที่องค์ดาไลลามะเคยพูดถึงผลกระทบของเทคโนโลยีไว้อย่างน่าสนใจว่า "ผลกระทบของเทคโนโลยีมีทั้งดีและไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา ที่ต้องไม่ตกเป็นทาสของมัน แต่ต้องใช้มันอย่างคุ้มค่าที่สุด"

"Whether technology's effect is good or bad depends on the user. It's important that we shouldn't be slaves to technology; it should help us."

อ้างอิง :

bbc.com

museumthailand.com

openculture.com

thestandard.co

vice.com

wthr.com

ความเห็น 101
  • สหัสวัต569
    ถ้าสอนแบบเอามุกตลกสอดแทรก ให้คนเข้ามาฟังเข้าใจง่ายและสนุกไปกับการสอนผมคิดว่าเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรเอาเรื่องการเมืองเรื่องแบ่งพรรคแบ่งพวก มาพูดเบี่ยงเบน คิดว่ามันดีไหม ท่าน 2 พส ไม่ใช่พูดเพื่อสนุกปาก (แต่เหมือนทั้ง 2 พส พูดไปแล้วหัวเราะไป เหมือนเมายากันยุงน่ะ 555)
    09 ก.ย 2564 เวลา 00.35 น.
  • Nirat
    ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ไม่ได้บังคับให้ใครเข้ามานับถือและศึกษาธรรมะ แต่คนที่เข้ามาต้องสนใจและศึกษาด้วยตนเองจึงจะรู้จริง ไม่ใช่ฟังคนอื่นพูดและสอนเพียงอย่างเดียวแลัวจะเข้าใจเข้าถึง ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปหลอกล่อหรือแสดงอะไรเพื่อเชิญคนเข้ามานับถือ ถ้าเขาไม่เข้ามาด้วยความสนใจศรัทธาด้วยตนเองก็ป่วยการ ไม่เกิดประโยชน์อะไร โดยเฉพาะพระสงฆ์ไม่จำเป็นต้องออกนอกลู่นอกทาง
    09 ก.ย 2564 เวลา 00.39 น.
  • เอามาเปรียบกับท่านพุทธทาสเนี่ยนะ ท่านสอนตามหลักพระสูตร อยู่ในพระธรรมวินัย ไม่ได้มาเล่นตลกให้ดู ส่วนญี่ปุ่นเขาไม่ได้ยึดถือพระธรรมวินัย ไม่ควรนับด้วยซ้ำ แค่ศีลของเณรก็ไม่รอดแล้ว ใครจะกราบไหว้พระที่อาบัติก็แล้ว นรกรออยู่แค่นั้นเอง
    08 ก.ย 2564 เวลา 20.51 น.
  • kith
    ความคิดเหมือนสองพส. อ้างต่างประเทศ อ้างสวนโมกข์ แก่นของศาสณาทำไมไม่มอง ดูแต่กะพี้ภายนอก วัตถุนิยม ประเพณีอันดีงามของบรรพชนไทยแต่เก่าก่อน ควรสืบสานต่อ นี่คือประเทศไทยมีพุทธศาสณาประจำชาติ ไม่วิ่งตามความเจริญของกิเลส เอกลักษณ์ของพระปฎิบัติดีชอบในสายพระป่าหาได้ยาก นั่นแหละพระแท้ คนแห่เข้าวัดแน่นขนัดเพื่อฟังธรรม และเป็นธรรมะแท้ๆ ไร้กิเลส หากท่านใดได้อ่านพระไตรฎิฎก และฟังธรรมจากผู้รู้ธรรม ย่อมเข้าใจในธรรมของพระพุทธองค์ ไม่สงสัย ไม่ตึความให้วุ่นวาย
    08 ก.ย 2564 เวลา 20.07 น.
  • Mac
    ตรวจสอบบัญชีธนาคาร รวมถึงรายรับของ 2 พส ก็จะรู้เองว่าเผยแพร่ธรรมะเพื่อศาสนาจริงมั้ย ขอท้า
    09 ก.ย 2564 เวลา 00.54 น.
ดูทั้งหมด