ปรากฎการณ์อีคอมเมิร์ซเฟื่องฟูในเมืองไทย ส่งผลดีให้“ธุรกิจขนส่งพัสดุ” ติดสปีชตามไปด้วย โดยคาดว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า28,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และยังสามารถเติบโตได้ปีละ10-20% ต่อปีด้วยกัน
จึงไม่ต้องแปลกใจ หากจะเห็นการแข่งขันที่ร้อนแรง ทั้งจากBig Player อย่าง“ไปรษณีย์ไทย” รัฐวิสาหกิจอายุ100 กว่าปี และ“เคอรี่ (Kerry)” ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาบุกทำธุรกิจได้10 ปีแล้ว ทั้ง2 รายกินรวบตลาดไปมากกว่า80%
หรือNew Player ที่พกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า อาทิ “เอสซีจีเอ็กซ์เพรส” เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของเอสซีจี ยักษ์ใหญ่ด้านวัสดุก่อสร้าง กับ ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส เบอร์1 ขนส่งสินค้าในญี่ปุ่น,“ซีเจโลจิสติคส์” เบอร์หนึ่งในเกาหลีใต้ด้วยส่วนแบ่งถึง50% ก็เข้ามา โดยวางแผนกอยากกินส่วนแบ่งของBig Player ถึง15% และรายก่อนหน้า“แฟลชเอ็กซ์เพรส” ที่มีทุนจีนอยู่เบื้องหลังถือหุ้น30%
เพราะกลิ่นที่หอมเกินกว่าจะห้ามใจ วันนี้ได้มีNew Player แจ้งเกิดในวงการอย่างเป็นทางการแล้วอีกหนึ่งรายนั้นคือ“เบสท์เอ็กซ์เพรส” ซึ่งเป็นชื่อที่ทำตลาดในเมืองไทย โดยเป็นการเข้ามาของ“เบสท์กรุ๊ป” (BEST INC) หนึ่งในยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ของจีน ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี2007 โดย“จอห์นนี่ซูว” ซึ่งมีประสบการณ์เคยดำรงตำแหน่งรองประธานกูเกิ้ลในจีน ปัจจุบันขยายออกไป16 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่จีน อเมริกา เยอรมัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลี จนมาถึงแห่งล่าสุดที่ไทย
เบื้องหลัง“เบสท์เอ็กซ์เพรส” คือ“อาลีบาบา”
เบื้องหลังของ“เบสท์เอ็กซ์เพรส” บอกเลยไม่ธรรมดา เพราะมียักษ์ใหญ่ในวงการอีคอมเมิร์ซจีน“อาลีบาบา*” *หนุนหลังอยู่เต็มข้อ ผ่านการถือหุ้นไขว้ไปมาในบริษัทต่างๆ ซึ่งข้อมูลค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย
โดยเริ่มจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นของของ“บริษัทเบสท์โลจิสติกส์เทคโนโลยี(ประเทศไทย) จำกัด” เข้ามาจดทะเบียนก่อตั้งบริษัท ตั้งแต่เดือนมิถุยายน2018 ด้วยทุนจดทะเบียน49,178,200 ล้านบาท พบถือหุ้นโดย บริษัท บีจีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์(ประเทศไทย) จำกัด(BGL) 51.275 % และ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี จำกัด48.725%
ตัว“เบสท์โลจิสติกส์เทคโนโลยี” เป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งและดำเนินการ ภายใต้กฎหมายของฮ่องกง ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นบริษัทโฮลดิลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งถือหุ้นเต็มจำนวนโดย“เบสท์กรุ๊ป” ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก(NYSE) ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า183 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี“อาลีบาบา” ถือหุ้นใหญ่สุด22.92%
ส่วน“BGL*” *เป็นบริษัทที่ร่วมจัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อใช้เป็นบริษัทโฮลดิ้ง เข้าร่วมลงทุนในบริษัทที่ประกอบ ธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย มีทุนจดทะเบียน25,216,200 บาท แบ่งเป็น บริษัท บีแอลทีซี อินคอร์ปอเรชั่น(ประเทศไทย) จำกัด(BLTC) 64.72% และ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี จำกัด35.28%
ลึกเข้าไป“BLTC” ก็เป็นบริษัทที่ร่วมจัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อใช้เป็นบริษัทโฮลดิ้งเข้าร่วมลงทุน ในบริษัทที่ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์เช่นเดียวกัน มีทุนจดทะเบียน16,320,000 ล้านบาท ถือหุ้นโดย บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) 60.275%, บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี จำกัด25% และ บริษัท ด้า ยุ้น หยวน จำกัด14.725%
ติดสปีดด้วยโมเดล“แฟรนไชส์” 100%
ถ้านับเวลาที่ตั้งแต่จดทะเบียนบริษัท“เบสท์ เอ็กซ์เพรส” มีอายุ6 เดือนแล้ว โดยจะเปิดให้บริการ2 ธุรกิจ จากจำนวนทั้งหมด8 ธุรกิจที่ทำอยู่ในจีน คือ ขนส่งพัสดุและซัพพลายเชน มีจุดให้บริการทั้งหมด500 สาขา คลังสินค้าขนาดใหญ่4 แห่ง ในกรุงเทพ เหนือ ใต้ อีสาน และคลังซัพพลายเชน1 แห่ง
การเดินเกมขยายสาขาจะใช้วิธีขาย“แฟรนไชส์” 100% จะไม่ทำเองสักสาขา โดยกำหนดคุณสมบัติต้องมีทุนไม่น้อยกว่า5 ล้านบาท มีพื้นที่100 – 1,000 ตร.ม. มีบุคลากร และรถที่เพียงพอกับขนาดธุรกิจ(รถยนต์กระบะหรือรถจักรยานยนต์) ต้องหน้าร้านย่างน้อย1 ร้านและตั้งจุดบริการรับส่งพัสดุอย่างน้อย10 จุด โดย“เบสท์ เอ็กซ์เพรส” จะเข้าไปซัพพอร์ตด้านซอฟต์แวร์ และขนส่งพัสดุไปยังคลังสินค้า
จอห์นนี่ ชูว ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัทเบสท์ กล่าวว่า
วิธีการนี้จะทำให้สามารถขยายจุดให้บริการได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องมาลงทุนเองซึ่งในจีน80% ของสาขาก็เป็นแฟรนไชส์ทั้งหมด
ดังนั้นงบลงทุนที่วางไว้จะใช้5 ปี(2018 - 2022) มูลค่า5,000 ล้านบาท จึงจะนำไปใช้พัฒนาด้านเทคโนโลยี และทำตลาดเพื่อต่อสู้กับการแข่งขันที่รุนแรงมากกว่า ส่วนคลังสินค้าอาจจะสร้างเพิ่มที่ภาคกลางและใต้ ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าจะมีการใช้บริการที่หนาแน่น เหตุที่ไม่จำเป็นต้องสร้างเยอะ เพราะมองว่าหากมีหลายแห่งจะทำให้การส่งพัสดุล่าช้า ด้วยต้องผ่านคลังสินค้าหลายจุด ที่สำคัญจะทำให้ต้นทุนเพิ่มโดยใช่เหตุ
นอกจากนั้นยังวางแผนนำ“ธุรกิจไฟแนนซ์” เข้ามา เบื้องต้นจะให้บริการกับกลุ่มแฟรนไชส์ ที่ต้องการเงินทุนในการขยายธุรกิจ โดยมีการการให้ดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยอุดช่องวางการขยายจุดให้บริการที่ช้าลงได้ และที่ผ่านมายังไม่เห็นผู้เล่นรายใหญ่ให้บริการลักษณนี้อย่างจริงจังเลย
ใช้เงินหลักร้อยล้านทุ่มทำตลาดปีแรก
การเป็นน้องใหม่ในตลาด“เบสท์ เอ็กซ์เพรส” ไม่ได้กังวลมากนัก เพราะมีประสบการณ์และKnow-how อยู่แล้ว ซึ่งการแข่งขันในตลาด“ธุรกิจขนส่งพัสดุ” อยู่ที่ความเร็วในการขนส่ง จึงชูจุดแข็งส่งด้วยภายใน1 วันทั่วประเทศ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยคลังสินค้าที่ใช้หุ่นยนต์ทำงานเกือบ100% จึงมีต้นทุนที่ต่ำ และราคาที่ต่ำสุดในตลาด(แต่ก็ไม่ยอมบอกราคาเริ่มต้นที่แท้จริงบอกแต่เพียงราคาจะแปรฝันไปแต่ละพื้นที่)
ความท้าทายของเราอยู่ที่ การไม่ชำนาญพื้นที่ของคนส่ง แต่เชื่อว่าเมื่อส่งบ่อยๆ ก็จะคุ้นชินพื้นที่ไปเอง
เพื่อรับมือกับการรับน้องที่อาจจะรุนแรงจากบรรดาพี่ๆ ที่อยู่ในตลาด ปีนี้ด้านเกมการตลาดวางแผนใช้งบหลัก100 ล้านบาท ทั้งโปรโปรชั่นและการสื่อสาร ขนาดแค่วันเปิดวันในวันนี้(11 มกราคม) ก็เล่นใหญ่ขนาดเชิญดาราตัวแม่ของวงการ“อั้ม พัชราภา” มาอีเวนท์เปิดตัวด้วย
ภายในปี2019 ตั้งเป้าขยายจุดให้บริการเป็น2,200 สาขากระจายตัวทั่วประเทศ ปีที่ผ่านมามีการส่งสินค้าหลักพันชิ้น ปีนี้ตั้งเป้าการขยายเป็น1 แสนชินต่อวัน และปีหน้าต้องการเพิ่มเป็น1.5 แสนชิ้นต่อวัน ส่วนรายได้ยังขออุปไว้ก่อนไม่อยากเปิดเผย.
cob คนที่ปลื้มจีนคงชอบ ในไม่นานระบบออนไลน์จะย้อนกลับพวกขาใหญ่จะตั้งช็อปขายปลีกแสดงสินค้าขายเอง พวกเขาแทรกซึมถึงรากหญ้าและทุกกลุ่ม อยู่ที่รัฐบาลจะปกป้องชาติและคนไทยยังไงครับ
12 ม.ค. 2562 เวลา 13.07 น.
Chea ลาก่อน ปณ.ไทย
12 ม.ค. 2562 เวลา 11.18 น.
ไปรษณีย์ไม่เดือนร้อนเท่าไรหรอก มีรายได้จาก จม.ซอง ใบเเจ้งหนี้ต่างๆ
12 ม.ค. 2562 เวลา 14.58 น.
หมู่เปา ตอนที่มันมาไทยครั้งที่แล้ว มีนายกฯ อัปปรีย์ คนนึงไปสัญญาอะไรไว้ตั้งหลายอย่าง คราวนี้คงสนุกดีแน่ๆ เศรษฐกิจไทย ถูกทำลายเพราะควายคณะเดียว
12 ม.ค. 2562 เวลา 17.22 น.
P a n d o r a ความเห็นส่วนตัว เคยซท้อของจากลาซาด้า รายการไหนที่ส่งผ่านไปรษณีย์ไทย มักล่าช้า กว่าจะส่งถึงบ้าน ส่วนใหญ่ส่งผ่าน เคอรรี่ ซึ่งโอเคกว่า คราวนี้ถ้าbest express. ในเครืออาลีบาบา ลงมาเล่น ก็คงกินรวบเอง ปณท
. ถ้าคุณไม่รีบปรับปรุง ตายหยังเขียดแน่
แค่ระบบems ของคุณก็ไมาน่าเชื่อถือแล้ว
เคย tracking. พัสดุems ปรากฏว่า ส่งผิดศูนย์กระจาย ตีไปตีมา จนไม่ด่วนแล้ว
13 ม.ค. 2562 เวลา 11.04 น.
ดูทั้งหมด