ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เมื่อโลกทำสงครามแย่งชิงคนเก่ง ประเทศไทยทำอะไรอยู่

ประชาชาติธุรกิจ
เผยแพร่ 17 พ.ย. 2561 เวลา 15.00 น.

คอลัมน์ มองข้ามชอต
โดย พงศ์ศรัณย์ อัศวชัยโสภณ, พัชรพร ลีพิพัฒน์ไพบูลย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย

รูปแบบของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไปจากกระแสของทั้งสังคมสูงอายุและเทคโนโลยี ทำให้ “การแย่งชิงแรงงานทักษะ” หรือ“war for talents” เป็นประเด็นร้อนแรง ที่ผู้ทำนโยบายทั่วโลกจับตามอง นานาประเทศต่างมีเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ economy 4.0 จึงต่างแสวงหาคนเก่งจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศตนเอง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยเฉพาะในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ยากต่อการคาดเดาว่างานในอนาคตจะต้องการคนประเภทใด การผลิตคนในประเทศให้ตรงและทันกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ประเทศแถวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างสหรัฐอเมริกา สามารถสร้าง data scientist ได้เพียง 35,000 คน

ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ข้อมูลจาก LinkedIn ในปี 2017 เผยให้เห็นว่า ความต้องการ data scientist ทั่วโลกปรับสูงขึ้นถึง 6.5 เท่า จากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างแรงกดดันต่อการแย่งชิงแรงงาน ทำให้กว่า 2 ใน 5 ประเทศทั่วโลกผ่อนคลายกฎระเบียบนำเข้าแรงงานต่างชาติทักษะ และมีมาตรการเชิงรุกทั้งจูงใจทางภาษีและให้เงินสนับสนุน เพื่อดึงดูดคนเก่งที่สุดและดีที่สุด (the best and the brightest) ให้กับประเทศของตนเอง

สถานการณ์แย่งชิงแรงงานรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศรายได้สูง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ตัวอย่างชัดเจนคือ แคนาดา ติดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บริเวณทางเข้า Silicon Valley เชิญชวนชาวต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่จบการศึกษาใหม่ในสหรัฐ ที่ไม่สามารถหางานได้จากการจำกัดจำนวนแรงงานต่างชาติผ่านโควตาวีซ่า H-1B และสถานการณ์แย่ลงจากกระแสอนุรักษนิยม หลังการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี Donald Trump

แม้แคนาดาจะผลิตคนเก่งในประเทศจำนวนมากออกมาได้ทุกปี และกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานต่างชาติจบปริญญาตรีขึ้นไป เนื่องจากแคนาดาต้องการรวบรวมคนเก่งจากทั่วโลกเพื่อดึงดูดการลงทุนบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำให้ไปตั้งในเมืองที่ถูกวางยุทธศาสตร์ไว้ เช่น เมืองโตรอนโต

แม้แต่ในประเทศที่กระแสชาตินิยมรุนแรงอย่าง ญี่ปุ่น ก็ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ด้านแรงงาน ควบคู่กับสร้างวัฒนธรรมการยอมรับคนต่างชาติในสังคม ลดผลกระทบจากสังคมสูงวัยที่รุนแรงขึ้น โดยญี่ปุ่นกำลังเปิดให้นำเข้าพยาบาล ตอบสนองความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ที่สูงขึ้น และระบบการศึกษาไม่สามารถสร้างกำลังแรงงานที่มีทักษะได้ทันประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศเริ่มเข้าร่วมในสงครามแย่งชิงคนเก่งเพิ่มขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

รวมถึงเพื่อนบ้านของไทย อย่าง มาเลเซีย ที่มีนโยบายเชิงรุกเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2010 โดยมีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางคนเก่งของอาเซียน ผ่านการสร้าง-ดึงดูด-รักษา ที่บรรจุเป็นแผนยุทธศาสตร์ชาติเพื่อผลักดันอย่างจริงจัง โดยตั้งหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง และมีศูนย์อำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง (MYXpats) ให้คำปรึกษาชาวต่างชาติที่ต้องการหางานในประเทศ รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อเปิดโอกาสให้ชาวมาเลเซียมีประสบการณ์และเรียนรู้จากต่างประเทศ

นอกจากนี้ มาเลเซียยังใช้นโยบายภาษีดึงคนเก่งที่ออกไปทำงานในต่างประเทศกลับมาช่วยพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นแนวทางของประเทศที่เผชิญภาวะสมองไหล เช่น อินเดีย ที่ประสบความสำเร็จในการดึงคนกลับประเทศ จนสามารถสร้าง IT Hub ที่เมืองบังคาลอร์ได้ ขณะที่จีนที่มีอัตราสมองไหลสูง

เช่นกันก็พยายามดึงคนจีนกลับบ้าน ถึงขนาดยอมให้คนจีนที่ย้ายสัญชาติไปแล้ว สามารถกลับมาถือ 2 สัญชาติได้ตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นว่า แรงงานต่างชาติจำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ

อีกทั้งการรวมกลุ่มของคนเก่งจะยิ่งทำให้เกิดอุตสาหกรรมและการจ้างงานใหม่ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ Silicon Valley ไม่มีทางเกิดขึ้น หากขาดการรวมกลุ่มหัวกะทิด้านเทคโนโลยีของโลก เพราะกว่า 2 ใน 3 ของแรงงานเป็นชาวต่างชาติ หรือประเทศชิลีที่เปิดให้สตาร์ตอัพต่างชาติเข้าไปลงทุนจนสามารถสร้างอาชีพให้เกิดขึ้นกว่า 5 พันตำแหน่ง

กลับมามองประเทศไทย ข้อมูลของ UN ปี 2017 พบว่า ไทยเป็นประเทศที่เปิดรับแรงงานต่างชาติมากที่สุดในอาเซียน มีมากถึง 3.6 ล้านคน แต่เป็นกลุ่มมีทักษะเพียง 1.5 แสนคน หรือร้อยละ 0.4 ของแรงงานทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าไทยพึ่งพาแรงงานต่างชาติจำนวนมาก ขณะที่ยุทธศาสตร์ในการคัดเลือกและดึงดูดแรงงานทักษะที่จะตอบโจทย์เศรษฐกิจ 4.0 ยังไม่ชัดเจน

ต่างจากเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่มีนโยบายด้านแรงงานทั้งระยะสั้นและระยะยาวแยกกัน ระหว่างการดึงดูดแรงงานทักษะสูงและลดพึ่งพิงแรงงานทักษะพื้นฐานเพื่อตอบสนองความต้องการเศรษฐกิจแต่ละประเทศ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจผู้ประกอบการกว่า 800 บริษัท ในปี 2017/2018 พบว่า *การขาดแคลนแรงงานเป็นปัญหาสำคัญของบริษัทในไทย กว่าร้อยละ 20 ขาดแคลนแรงงานทักษะ โดยเฉพาะทักษะดิจิทัล เช่น การเขียนโปรแกรม *

ซึ่งผลกระทบดังกล่าวรุนแรงถึงขนาดทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งจำเป็นต้องย้ายธุรกิจที่เกี่ยวกับการจัดการข้อมูลและการวิจัยไปลงทุนในประเทศที่มีนโยบายแรงงานที่เสรีกว่า เช่น สิงคโปร์ เพราะไม่สามารถหาแรงงานที่มีทักษะด้านการจัดการข้อมูลในไทยได้เพียงพอ ส่งผลให้ไทยสูญเสียโอกาสในการจ้างงานกว่า 1 พันตำแหน่งและด้วยบริบทของโลกที่ไร้พรมแดน

ในปัจจุบัน บริษัทสามารถจ้างคนต่างประเทศทำงานให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากัน ทำให้การปกป้องแรงงานในประเทศด้วยการปิดกั้นชาวต่างชาติแทบจะเป็นไปไม่ได้

*ในทางตรงกันข้ามการเปิดรับคนเก่งให้มาอยู่รวมกันในประเทศไทย กลับเพิ่มศักยภาพของประเทศ และทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น *ดังที่ Tim Cook เคยกล่าวว่า การที่ Apple เลือกผลิต iPhone ในจีนไม่ใช่เพราะเป็นแหล่งผลิตราคาถูก แต่เป็นเพราะจีนเป็นแหล่งรวมแรงงานทักษะที่มีจำนวนมากกว่าสหรัฐ

ระหว่างที่ทั่วโลกต่างแข่งขันกันแย่งคนเก่ง ไทยกลับทำแค่ชำเลืองมอง โดยไม่มีแผนเชิงรุกชัดเจน ทั้งที่กำลังก้าวสู่สังคมสูงวัย “แรงงาน” ถือเป็นปัจจัยสำคัญสุดสำหรับเศรษฐกิจ 4.0 เพราะไทยจะต้องหาแรงงานทักษะกว่า 5 ล้านคน เพื่อตอบโจทย์ S-curve การเปิดรับต่างชาติในช่วงเริ่มต้นจึงเป็นทางเลือกช่วยขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมาย Thailand 4.0 ได้

ทัศนคติที่มองว่าแรงงานต่างชาติจะเป็นภัยคุกคามต่องานของคนไทย คือ อุปสรรคสำคัญปิดกั้นโอกาสการพัฒนาศักยภาพของประเทศ เพราะที่น่ากลัวกว่าการถูกต่างชาติแย่งงาน คือ การเลือกปกป้องผลประโยชน์ของแรงงานไทย จนทำให้ประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และคนไทยอาจไม่มีงานทำ

หมายเหตุ : ข้อคิดเห็นในบทความเป็นความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของ ธปท.

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 38
  • chai595959財
    ประเทศไทยไม่ได้อยู่เฉยๆน่ะครับเราทำมาตั้งนานหล่ะ เราส่งออกคนเก่งครับ แก้กฎหมายแกล้งทุกอย่างให้คนเก่งๆอยู่ไม่ได้ครับ. ต้องไปเป็นคนต่างแดนเพราะเก่งเกิน. เดี๋ยวคนในประเทศคุมไม่อยู่ เราเลยส่งออกคนเก่งครับ อ๋อเราส่งออกแบบฟรีๆด้วยน่ะครับ ประเทศเราเก่งมั้ยอ่ะท่านลองคิดดู ไม่ต้องมาจ่ายไทยแม้แต่บาทเดียว สุดยอดประเทศครับ... ตอนนี้เหลือแต่คนดีครับดี็ดี..ชีวิตยามนี้ดีเกิดคาดดีมากครับ สุกเหลือเกิน โดนต้มจนสุกเข้าขั้นเปื่อยแล้วน่ะครับ อิอิอิ....
    18 พ.ย. 2561 เวลา 03.36 น.
  • TA
    เอาอะไรกับกะลาแลน
    18 พ.ย. 2561 เวลา 04.41 น.
  • Charlie
    ประเทศไทยกำลังมีกระบือเป็นนายก กะหมูสกปรกเป็นรองนายกไง 55555
    18 พ.ย. 2561 เวลา 05.29 น.
  • Wiboon Thabsuwan=245
    ใช่เลย ไทยกลัวถูกแย่งงาน เลยให้มีแรงวานต่างชาติที่เป็นแรงงานจริงๆ ปิดโอกาสได้คนเก่ง ซึ่งดูเหมือนคนไทยไม่ถูกแย่งงาน แต่อีกมุมนึง งานมีหลายระดับ ประเทศก็ต้องการแรงงานระดับมันสมองด้วย โดยตปท.แย่งกันเปิดรับแรงงานส่วนนี้ แต่ไทยปิด ย่อมเสียโอกาส ความสามารถของประเทศลดลง นานไปก็จะตีกลับมาทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีความสามารถระดับล่าง ยิ่งแย่ไปใหญ่ ไม่รู้ผู้นำประเทศคิดห่วงกันบ้างมั้ย รึห่วงแค่ว่าจะได้รับเลือกตั้งรึป่าว ???
    18 พ.ย. 2561 เวลา 03.10 น.
  • Nuzz Lightyear
    ชิงไปทำไม ไม่เห็นใครจะเก่งเกิน "กู"
    17 พ.ย. 2561 เวลา 17.28 น.
ดูทั้งหมด