ไลฟ์สไตล์

ผลวิจัยระบุ คนเดินช้ามีสิทธิ์ป่วยและสมองเสื่อมเร็วกว่าคนเดินเร็ว

THE STANDARD
อัพเดต 15 ต.ค. 2562 เวลา 04.57 น. • เผยแพร่ 15 ต.ค. 2562 เวลา 04.57 น. • thestandard.co
ผลวิจัยระบุ คนเดินช้ามีสิทธิ์ป่วยและสมองเสื่อมเร็วกว่าคนเดินเร็ว

ผลการศึกษาชิ้นใหม่ระบุว่า การเดินช้าเป็นสัญญาณของความเจ็บป่วยเมื่อแก่ตัวในอนาคต

 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

งานวิจัยนี้ทดสอบเพื่อวัดความเร็วของการเดินที่สามารถคาดเดาได้ถึงโรคอย่างอัลไซเมอร์ ซึ่งสามารถเห็นได้ชัดตั้งแต่ก่อนอาการของโรคจะเริ่มเป็นสิบๆ ปี นักวิจัยยังพบอีกว่า กลุ่มคนอายุ 45 ปีที่เดินช้า ยังมีสมองและร่างกายที่บ่งชี้ได้ถึงความชราภาพก่อนวัย รวมถึงใบหน้า ปอด ฟัน และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่แย่กว่าคนในวัยเดียวกันที่เดินเร็วกว่า

 

ทีมที่สำรวจระบุไว้ในรายงานว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก” โดยมากแพทย์นิยมวัดความเร็วการเดินเพื่อตรวจสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากสามารถบ่งบอกได้ถึงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การทำงานของปอด การทรงตัว ความแข็งแรงของกระดูกสันหลัง และสายตา ซึ่งผู้สูงอายุที่เดินช้ามักมีโรคเกี่ยวโยงกับภาวะสมองเสื่อม 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

สุขภาพ

หากเราแอ็กทีฟแต่เด็ก เราอาจชราแล้วแข็งแรงแบบ สตีฟ โรเจอร์ ก็เป็นได้?

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

งานวิจัยที่ศึกษาจังหวะการเดินของชาวนิวซีแลนด์จำนวน 1,000 คน ที่เกิดระหว่างปี 1970’s ซึ่งศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงอายุ 45 ปี ทีมวิจัยได้ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย สแกนสมอง รวมถึงทดสอบความถนัดทางปัญญาอยู่เรื่อยๆ “การศึกษานี้เราได้พบว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างการเดินช้ากับปัญหาสุขภาพที่ตามมา ซึ่งสามารถสังเกตได้เป็นสิบๆ ปี ก่อนหน้าที่อาการจะปรากฏให้เห็น” ศ.เทอร์รี อี มอฟฟิตต์ ผู้นำการวิจัยดังกล่าวจากวิทยาลัยคิงส์คอลเลจลอนดอน และมหาวิทยาลัยดูคในสหรัฐอเมริกา เผย

 

งานวิจัยยังค้นพบอีกว่า สมองของคนที่เดินช้ากว่า แลดูชราภาพกว่าวัยอันควร และการค้นพบนี้ยังทำให้คาดการณ์ถึงความฉลาด ไหวพริบ ภาษา และความสามารถในการขับรถในกลุ่มคนวัย 45 ปี โดยดูได้จากผลทดสอบตั้งแต่อายุ 3 ขวบเท่านั้น โดยเด็กที่โตขึ้นมาเป็นคนที่เดินช้าที่สุด (1.2 เมตรต่อวินาที) นั้น ใน 40 ปีให้หลัง พวกเขามีไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 12 คะแนน ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มเด็กที่เดินเร็วที่สุด (1.75 เมตรต่อวินาที) 

 

ทีมนักวิจัยนานาชาติได้ระบุไว้ในผลศึกษาดังกล่าวผ่าน JAMA Network Openว่า ความแตกต่างของสุขภาพและไอคิวนั้นอาจเกี่ยวโยงกับวิถีชีวิตของแต่ละคน ที่บ้างอาจเลือกเริ่มต้นใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพกว่า 

 

ทั้งนี้ นักวิจัยแนะนำว่า มีสัญญาณบ่งชัดว่าใครจะมีสุขภาพที่ดีกว่าในอนาคต โดยดูจากจังหวะการเดินที่ฉิวกว่าตั้งแต่ยังเด็ก ที่อาจเป็นตัววัดสุขภาพและสามารถปรับได้ตั้งแต่เริ่มต้นในระยะยาว ทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้ถึงสุขภาพร่างกายและสมอง ให้คนได้ปรับวิธีการดำเนินชีวิตตั้งแต่ยังเยาว์วัยได้อีกด้วย

 

อ่านเรื่อง จ้ำไปถกไป ใครว่าไม่ได้งาน? นี่คือการประชุมงานแบบใหม่ที่อาจได้ผลกว่าเก่า ได้ที่นี่

 

ภาพ: Walt Disney Studios Motion Pictures, Paramount Pictures

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 15
  • JATURONG
    งั้นไม่ต้องเดิน​ วิ่งเลย
    17 ต.ค. 2562 เวลา 02.07 น.
  • A.T.
    ตามวัยครับ เกิดแก่เจ็บตาย เป็นคนดีทำหน้าที่สมบูรณ์เป็นประโยชน์ ในที่สุดก็รอความตายทุกคน รู้จักตนเอง บำรุงตนเองให้พร้อมสำหรับทำดีทุกๆวัน พอแล้วสำหรับผม ส่วนงานวิจัยเป็นเรื่องดีครับต่อยอดกันไป
    17 ต.ค. 2562 เวลา 02.03 น.
  • ต๊ะ(Chanoot)
    มาทำวิจัย พระและผู้ปฏิบัติธรรม ที่เขาเดินจงกรม ด้วยนะ แต่ที่ผ่านมาเป็นร้อยปี ยังไม่เห็นพระสมองเสื่อมนะ ก็แค่อยากมีผลงานวิจัยเพื่อให้ตัวเองได้ด๊อกเตอร์
    17 ต.ค. 2562 เวลา 01.55 น.
  • .
    ยกเว้นเต่าช้าแต่โครตอายุยืนเป็นบ้า ตายมาแล้วชาตินึง แกยังออกทะเลอยู่เลย เล่นน้ำชิวๆ
    17 ต.ค. 2562 เวลา 01.54 น.
  • คนชื่อ..เปี๊ยก..ครับ
    ข้อมูลแบบนี้มันไม่สามรถสรุปอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเลย
    17 ต.ค. 2562 เวลา 01.43 น.
ดูทั้งหมด