​​​​​​​กราฟ เปิดใจเลิก ไฮโซเมย์ หลังความรักอิ่มตัว

"กราฟ" เปิดใจเลิก "ไฮโซเมย์" หลังความรักอิ่มตัว

                   จากรักหวานกลายเป็นขมซะแล้ว สำหรับคู่ของหนุ่ม “กราฟ โอสธี” อดีตมือกีตาร์วงแบล็ควานิลลา กับ “ไฮโซเมย์ ไพพรรณี เตชะณรงค์” น้องสาวของ สงกรานต์ เตชะณรงค์ หลังคบกันมานานกว่า 8 ปี ล่าสุดก็มีข่าวมาว่าทั้งคู่ได้เลิกรากันแล้ว งานนี้เมื่อมีโอกาสเจอตัวหนุ่ม “กราฟ” เลยไม่พลาดที่จะถามถึงเรื่องนี้สักหน่อย ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า

อ่านข่าวต่อ : เลิกแล้ว "กราฟ แบล็กวานิลลา" โพสต์โสดรับปีใหม่

                   ตอนนี้โสดมาได้ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้เราคบกับแฟนมาประมาณ 8 ปี แล้วมันมาถึงจุดที่อะไรหลายๆ อย่างมันเริ่มคงที่ เราเลยคุยกันว่าอยากจะยุติความสัมพันธ์ลง ลดความสัมพันธ์เป็นเพื่อนกันดีกว่า ซึ่งเราก็แอบเสียดายเวลา เพราะที่ผ่านมาเราก็มีความทรงจำดีๆ ด้วยกัน ต้องบอกว่าเราเลิกกันด้วยดี ถามว่าเราเฮิร์ทไหม คือเอาจริงๆ เวลาคบใครนานๆ แล้วพอเลิกกันเราก็เฮิร์ทเป็นปกติอยู่แล้ว ตอนแรกๆ ที่เลิกกับเขาเราไม่ได้บอกใครตรงๆ จะใช้เป็นความรู้สึกมากกว่า เช่น แต่งเพลง หรือเขียนบทกวี ประมาณนี้

                   เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาที่เราตัดสินใจโพสต์ว่าเราโสดเพราะคิดว่าชีวิตทั้งเราทั้งเขาก็ต้องมูฟออน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมันจะติดปัญหา ในอนาคตเมื่อเราคิดที่จะไปเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ๆ จะได้ไม่ต้องไปนั่งเคลียร์ว่าแบบเราเลิกกับคนเก่าหรือยัง เพราะตอนที่เราเลิกกันไม่มีใครรู้เลย ส่วนที่ถามว่าตอนที่คุยตกลงกันใครเป็นฝ่ายพูดก่อน ก็เป็นเราทั้งสองฝ่าย เพราะว่ามันมีสัญญาณบางอย่างที่เราและเขารู้สึกว่าความรักความสัมพันธ์ของเราทั้งสองมันถึงเวลาที่จะต้องยุติ และกลับไปเป็นเพื่อนกันดีกว่า ซึ่งไม่มีเรื่องของมือที่สามมาเกี่ยวข้องเลย

                   ถามว่าตอนนี้เรามีความสุขไหม สำหรับเราก็มีความสุขดี แต่ว่ามันค่อนข้างนิ่ง กับที่ถามว่าก่อนหน้านี้เราได้มีการปรับตัวเข้าหากันไหมในตอนที่ยังคบกันอยู่ คือเรามีการพยายามปรับตัวตั้งแต่เข้าปีที่ 7 แล้ว คุยกันมาตลอดว่าแบบลองทำแบบนี้ดีไหม แต่สุดท้ายมันไม่มีอะไรดีขึ้น ส่วนตอนตัดสินใจที่จะจบความสัมพันธ์ เราเองก็รู้สึกแย่ เพราะเราผูกพันกับเขามา 8 ปี เราสนิทกับเขา สนิทกับคนที่บ้านเขา-บ้านเรา แล้วพอมันมีเรื่องของคนหลายคนเข้ามาเกี่ยว ซึ่งทุกคนก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถามว่าเราเคยมีคิดที่อยากจะแต่งงานกับเขาไหม สำหรับเราตอนแรกก็คิดอยู่ตลอดว่าถ้าทุกอย่างลงตัวแล้ว คนนี้คือดีที่สุด คงได้แต่งกับคนนี้แหละ แต่อย่างที่บอก พอมันเข้าปีที่ 7 มันมีอะไรหลายๆ อย่าง ถ้าเกิดเราฝืนคบกันต่อไปคิดว่ามันคงจะแย่กว่านี้ ทางด้านครอบครัวไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรเพราะเขาเคารพในการตัดสินใจของเรา

                   ส่วนที่ถามว่าเราทำยังไงถึงผ่านจุดนั้นมาได้ เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พยายามหางานอดิเรกทำ เช่น แต่งเพลง ไปเที่ยว ณ ตอนนี้จิตใจเราก็ 100% ส่วนด้านความสัมพันธ์กับเขาตอนนี้เป็นเพื่อนที่ดี ยังคุยกันในฐานะเพื่อน ถามว่าเรายังรู้สึกดีกับเขาไหม อันนี้ตอบไม่ได้จริงๆ ก็ยังมีความรู้สึกดีกับเขานิดหนึ่ง แต่เรายังแฮปปี้กับชีวิตโสดอยู่