ไลฟ์สไตล์

ซ้อมตายเพื่อเกิดใหม่ | พศิน อินทรวงค์

พศิน อินทรวงค์
เผยแพร่ 27 ก.พ. 2563 เวลา 07.32 น.

ทุก ๆ คืนก่อนที่คุณนอน จงซ้อมให้ตัวเองคุ้นชินกับความตาย คุณต้องเหยียดตัวตรง ปล่อยกายใจให้เบา คุณไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องรกสมองไปคิดอีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงทิ้งมันไว้ก่อน ขอให้คุณตระหนักรู้ถึงความเคลื่อนไหวในร่างกาย ตั้งแต่ปลายเท้าจรดศีรษะ

จากนั้นจึงเคลื่อนจากศีรษะไปจนสุดปลายเท้า จงรับรู้ถึงการมีชีวิต ลมหายใจ ทำอย่างนี้อย่างต่อเนื่องไประยะหนึ่งจนถึงจุดที่คุณสัมผัสได้ว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของห้องนอน เตียงนอน หมอน และสิ่งต่าง ๆ รอบตัว หลังจากนั้นจงสร้างความรู้สึกขอบคุณของคุณให้แผ่ขยายออกมาจากใจ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขอบคุณทุกความเจ็บปวด ขอบคุณทุกความความดีใจ เสียใจ ขอบคุณทุกคนที่คุณรู้จัก ขอบคุณคนที่คุณรัก และรักคุณ ขอบคุณโลกใบนี้ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ขอบคุณร่างกายของคุณ แขน ขา และดวงตาของคุณ จงแผ่ขยายความรัก และความเมตตาของคุณให้กว้างขวาง อย่าได้รู้สึกถึงการแบ่งแยกใด ๆ แต่จงรู้สึกถึงมิตรภาพและความเป็นหนึ่งเดียว

อย่าได้ติดค้าง อย่าได้ลังเลสงสัย จงบอกตัวเองว่า ชีวิตของคุณนั่นสวยงาม และมันคือสิ่งที่ดีที่สุด หลังจากที่คุณดื่มด่ำกับความปิติที่เกิดขึ้นอย่างเพียงพอ เมื่อคุณสามารถเติมเต็มจิตวิญาณของคุณให้เข้าสู่ภาวะสมบูรณ์พร้อม จงทิ้งทุกสิ่งเหมือนว่าคุณกำลังจะตาย ทิ้งผู้คนที่คุณรัก ทิ้งสิ่งของที่คุณรัก ทิ้งเรื่องราวที่เคยผ่าน ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องไปสู่สถานที่อันไกลโพ้น จงมีสมาธิอันแผ่วเบาอยู่กับตัวเอง รู้สึก สัมผัส แล้วทำความรู้สึกตัวของคุณให้ละเอียดยิ่งขึ้น 

เมื่อความรู้สึกตัวของคุณกลายเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน ขอให้คุณสังเกตตัวเองตามความเป็นจริง จงเห็นตัวเองอย่างที่มันเป็น เห็นทุกการเปลี่ยนแปลงแม้แต่การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อยที่สุดที่เกิดขึ้นตรงหน้า อย่าได้ให้ความหมาย อย่าได้พยายามขบคิดสิ่งใดๆ เพียงการที่คุณพาตนเองไปเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้นก็เพียงพอแล้ว คุณไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั้น ไม่มีอะไรที่คุณต้องทำนอกเหนือจากการสังเกต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อคุณเห็นความเปลี่ยนแปลงไปถึงระดับหนึ่ง ขอให้คุณกลับมาสู่ความเบาสบาย รับรู้ในความว่างที่เกิดขึ้นอย่างเบาสบาย ดับความคิดทั้งหมด คุณไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกแล้ว มันไม่จำเป็นเลย ขอให้คุณไหลไปตามความว่างเปล่านั้น อย่าปฏิเสธความว่างเพราะมันถึงเวลาแล้วที่คุณต้องไหลไปสู่ความว่าง ในเวลานี้คุณจำเป็นต้องค่อย ๆ ลดพลังงานที่ไหลเวียนในร่างกายให้เหลือน้อยที่สุด ดุจกองไฟที่กำลังจะมอดดับ 

กองไฟนั้นไม่สำคัญอีกแล้วในยามนี้ มันค่อย ๆ ดับ ค่อย ๆ ดับ เกิดเป็นควันบางเบา คุณต้องค่อยๆ ลดพลังงานลงไปเรื่อย ๆ ประหนึ่งว่าคุณกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายแห่งความตาย จงรู้สึกให้ได้ว่าคุณจะตาย รับรู้ถึงลมหายใจ ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจของคุณให้ละเอียด และเบาลงไปเรื่อย ๆ จงทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ รับรู้ถึงพลังงานอันน้อยนิด ปล่อยให้มันสลายหายไปกับความว่าง ปล่อยให้มันหายไป หายไป และหายไป จนถึงช่วงเวลาที่คุณได้ตายไปชั่วขณะ คุณได้ตายไปแล้ว ไม่มีคุณอีกแล้วในจักรวาลแห่งนี้…

***(มรณานุสติ+สมาธิ+วิปัสสนา+ฌาน)***

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ความเห็น 19
  • Sp.no1
    ผมกล้ายืนยันเลยคนสมัยนี้มีไม่กี่คนที่ทำได้คิดได้เรื่องดีๆแบบนี้ไม่ค่อยคิดกันหรอกเมืองไทยเข้าสู่ยุคแข่งขันกันแข่งรวย.แข่งโอ้อวด.รู้แต่ทำบุญแต่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของบุญต่างคนต่างอยู่กัน
    27 ก.พ. 2563 เวลา 08.37 น.
  • GRN 2017
    ไม่ยึดติดแม้แต่ลมหายใจ
    27 ก.พ. 2563 เวลา 08.16 น.
  • ขอบคุณค่ะ
    27 ก.พ. 2563 เวลา 08.21 น.
  • Yongyuth
    ซ้อมตายก่อนตายที่หลวงปู่เหรียญกล่าวว่าตายแล้วก็ตายคนเดียวไม่มีใครมาช่วยตายด้วยหมายความว่าให้เราฝึกหัดปล่อยวางขณะทำสมาธิมันไม่เอาอะไรทั้งนั้นเหมือนกับว่าเราได้จากโลกนี้ไปแล้วเรียกว่าการทำสมาธิเป็นการเตรียมตัวตาย เมื่อถึงเวลาต้องตายจริงเราก็จะได้ปล่อยวางสาระพันทุกสิ่งอันได้ทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ห่วงอะไรให้หลงเหลือไว้เลยแม้แต่สังขารร่างกาย อันเป็นกายใจที่เรายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราก็ต้องปล่อยให้หมด มันเป็นการตายที่ไม่ไปเกิดอีกต่อไป เมื่อรู้ว่าการเกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นทุกข์
    27 ก.พ. 2563 เวลา 14.04 น.
  • ว่าด้วยเรื่อง ทุกข์ เพียงคุณหายใจเข้า แล้วไม่หายใจออก นั้นละทุกข์ อาเมน
    27 ก.พ. 2563 เวลา 10.41 น.
ดูทั้งหมด