กีฬา

เจาะ 4 คู่รอบ 8 ทีม "โคปาฯ" สายล่างเดือดฟัดกันมันหยด สายบน "บราซิล" จ่อรอชิง

Manager Online
เผยแพร่ 26 มิ.ย. 2562 เวลา 02.45 น. • MGR Online

ครบแล้ว 8 ทีมเข้ารอบน็อกเอาท์ “โคปา อเมริกา 2019” โดยจากนี้จะพักก่อนที่จะเตะอีกครั้งคือวันที่ 27 มิถุนายนนี้ ดังนั้นระหว่างนี้เราจะพาไปส่องกล้องดูทั้ง 4 คู่ว่าใครเป็นอย่างไรบ้าง บราซิล ที่อยู่สายบนงานดูจะง่ายกว่าสายล่างที่มีทั้ง อุรุกวัย, ชิลี และ โคลอมเบีย

บราซิล VS ปารากวัย (เตะวันที่ 27 มิถุนายน)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เข้ารอบมาแบบทุลักทุเลสำหรับ ปารากวัย โดยได้โควต้าจากอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากทั้งหมด 3 กลุ่มที่เอาแค่ 2 ทีมเท่านั้น แม้ว่านัดสุดท้ายของกลุ่ม บี จะแพ้ โคลอมเบีย 0-1 ที่ผ่านมาตลอด 3 นัดของรอบแบ่งกลุ่มไม่ชนะใครเลยมีแค่ 2 แต้มเท่านั้นคือเสมอ กาตาร์ 2-2 กับเสมอ อาร์เจนติน่า 1-1 คว้าตั๋วรอบน็อกเอาท์แบบเฉือน ญี่ปุ่น ด้วยประตูติดลบที่น้อยกว่า

ดังนั้นคำถามคือรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปารากวัย จะเอาอะไรไปชนะ บราซิล? คำตอบก็คือแทบเป็นไปไม่ได้ โดยตลอดปี 2019 เตะมา 7 นัดชนะนัดเดียวคือเกมอุ่นเครื่องเหนือ กัวเตมาลา 2-0 เกมทางการที่ชนะครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปเดือนตุลาคมปี 2017 ที่คัดฟุตบอลโลก 2018 เอาชนะ โคลอมเบีย 2-1 ทีมนั้นไม่ได้เล่นรอบสุดท้ายบอลโลก 2 สมัยหลังสุด นักเตะยังต้องพึ่ง ออสการ์ คาร์โดโซ กองหน้าวัย 36 ปีอยู่เลย

ขณะที่ บราซิล เข้ารอบมาแบบสมราคาแชมป์ 8 สมัย คว้าแชมป์กลุ่ม เอ ด้วยการมี 7 แต้มซ้อมเกมรุกชนะ โบลิเวีย 3-0 กับถล่ม เปรู 5-0 พลาดเสมอ เวเนซูเอเล่า 0-0 โดยยังไม่เสียประตูในทัวร์นาเมนต์นี้เช่นเดียวกับ โคลอมเบีย ดังนั้นไม่ต้องห่วง แซมบ้า ชุดนี้ แม้ว่าจะขาด เนย์มาร์ กองหน้าซุปตาร์ที่บาดเจ็บถอนตัวไป กระนั้นก็ตามดูจากสายแล้วยังไม่เจอของจริงค่อยไปว่ากันในรอบลึกๆ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เวเนซูเอเล่า VS อาร์เจนติน่า (เตะวันที่ 28 มิถุนายน)

ประมาท เวเนซูเอล่า ไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะอยู่สายเดียวกับ บราซิล พร้อมยันเสมอ 0-0 รวมถึงเสมอ เปรู ด้วยสกอร์เดียวกัน ก่อนจะชนะ โบลิเวีย 3-1 จุดเด่นของทีมก็คือเกมรับภายใต้ระบบ 4-5-1 โดยที่เสียประตูเดียวรอบแบ่งกลุ่มนั้นก็โดนจากจุดโทษ

ขณะที่ อาร์เจนติน่า แชมป์ 14 สมัยแต่แชมป์หนสุดท้ายคือเมื่อปี 1993 แถมชิง 4 จาก 5 ครั้งหลังสุดอกหักเรียบวุธ มาปีนี้ทรงบอลก็ยังไม่ค่อยดีกว่าจะเข้ารอบมาได้ต้องลุ้นถึงนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่ชนะ กาตาร์ 2-0 หลังจากเปิดหัวไม่ดีแพ้ โคลอมเบีย 0-2 "ฟ้าขาว" เปลี่ยนโค้ชเป็นอดีตแข้ง ลิโอเนล สคาโลนี่ ที่ยังมือใหม่มาก ส่วนปัญหาของทีมน่าจะเป็นเรื่องขาดความมั่นใจมากกว่า โดยเฉพาะ ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมที่ต้องแบกความหวังมาตลอด ซึ่งที่ผ่านมาก็มักขาดคนสนับสนุนยามที่เล่นไม่ออก ให้มอง โปรตุเกส ยามที่ คริสเตียโน โรนัลโด้ ไม่ยิงแต่ก็มีคนสอดขึ้นมายิงจนได้แชมป์ ยูโร กับ เนชันส์ ลีก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดังนั้นสไตล์แบบนี้ของ เวเนซูเอล่า ทำให้ อาร์เจนติน่า หงุดหงิดอย่างแน่นอน เพราะ "ฟ้าขาว" ถ้าดีแต่ป้อจบไม่ลงเหมือนที่ผ่านๆ มาก็มีสิทธิ์จอดแค่รอบนี้ได้เหมือนกัน

โคลอมเบีย VS ชิลี (เตะวันที่ 28 มิถุนายน)

ถือเป็นคู่เอกของรอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ว่าได้ เพราะ โคลอมเบีย เป็นทีมเดียวที่ชนะรวด 3 นัดรอบแบ่งกลุ่มแบบที่ไม่เสียประตูเลย โดยหลังจากตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย เวิลด์ คัพ 2018 ตำแหน่งโค้ชก็เปลี่ยนมือมาเป็น คาร์ลอส เครอซ คุมทีมชนะ 6 จาก 7 นัดเลยทีเดียว

จุดเด่นของ โคลอมเบีย ก็คือมีนักเตะเกมรุกทำให้เน้นระบบ 4-3-3 ซึ่งก็ลงตัวนำโดย ราดาเมล ฟัลเกา, หลุยส์ มูเรียล, ดูวาน ซาปาต้า, ฮวน กวาดราโด้ กับ ฮาเมส โรดริเกซ กองหลังก็ถือว่าแน่นทั้ง เยอร์รี่ มิน่า กับ ดาวินสัน ซานเชซ รวมถึงด่านสุดท้ายอย่าง ดาวิด ออสปิน่า ทำให้มีลุ้นเลยเดียวที่จะคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2001

กระนั้นก็ตาม โคลอมเบีย ต้องเจาะ ชิลี ให้เข้า โดยทีม "ลา โรฆ่า" หรือที่แปลว่า "ดาวแดง" มีดีกรีเป็นแชมป์ 2 สมัยหลังสุดที่ได้แชมป์จากการชนะจุดโทษทั้ง 2 ครั้ง รอบแบ่งกลุ่มนั้นแพ้นัดเดียวแก่ อุรุกวัย 0-1

นอกจากเกมรับ ชิลี ยังได้ อเล็กซิส ซานเชซ ที่มาเล่นดีกับทีมชาติทั้งที่กับ แมนฯยูไนเต็ด หวังพึ่งไม่ได้เลย โดย "โคปา อเมริกา" ปีนี้ยิงไปแล้ว 2 ประตู คนอื่นๆ ก็มีตัวแกร่งอย่าง เอดูอาร์โด วาร์กาส, อาร์ตูโร วิดัล และ แกรี่ เมดัล

อุรุกวัย VS เปรู (เตะวันที่ 29 มิถุนายน)

อีกหนึ่งทีมเต็งก็คือ อุรุกวัย แชมป์สูงสุด 15 สมัย รอบแบ่งกลุ่มนั้นชนะ เอกวาดอร์ 4-0 กับชนะ ชิลี 1-0 ทว่าดันพลาดเสียราคานิดหน่อยตรงที่เสมอ ญี่ปุ่น 2-2 "จอมโหด" ชุดนี้คงสไตล์เดิมๆ เพราะว่ากุนซือคือ ออสการ์ ทาบาเรซ วัย 72 ปีที่คุมทีมมาตั้งแต่ปี 2006 เป็นคนที่คุมทีมได้แชมป์ "โคปา อเมริกา" หนสุดท้ายเมื่อปี 2011

คำถามคือ เปรู จะหยุดคู่หน้าของ อุรุกวัย คือ หลุยส์ ซัวเรซ กับ เอดินสัน คาวานี่ ที่กดไปแล้วคนละ 2 ประตูได้อย่างไร ขณะที่เกมรับก็สุดเขี้ยวยังเป็นคู่เดิมคือ ดิเอโก โกดิน กับ โฮเซ่ ฆิมิเนซ ภายใต้ระบบ 4-4-2 ที่ใช้มาช้านาน

มาดูทางด้าน เปรู กันบ้างมาถึงรอบ 8 ทีมได้ก็เก่งแล้ว เพราะเข้ารอบมาในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากทั้งหมด 3 กลุ่ม โดยมี 4 แต้มจากการชนะ โบลิเวีย 3-1 กับเสมอ เวเนซูเอล่า 0-0 ก่อนจะแพ้ บราซิล 0-5 ตัวรุกยังเป็น เปาโล เกร์เรโร ที่วัย 35 ปีแล้ว ขณะที่ เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ก็ไม่ยิ่งหย่อน 34 ปี ดูแล้วไม่รู้จะเอาอะไรไปเจาะ อุรุกวัย ที่น่าจะยิงชนะขาดไปแบบไม่ยากเย็น

ดูข่าวต้นฉบับ