สหรัฐติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิน 3 ล้านคนแล้ว และเสียชีวิตมากกว่า 130,000 คน แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเล่นการเมืองไม่หยุด ยืนยันให้เปิดโรงเรียนทั่วประเทศช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้พร้อมขู่ตัดงบอุดหนุดหากโรงเรียนใดไม่เปิด พร้อมอ้างพรรคเดโมแครตไม่ต้องการให้เปิดเรียน กลัวเสียเปรียบในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทั้ง ๆ ที่ผู้ติดเชื้อไวรัสยังพุ่งสูงต่อเนื่อง
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐจากข้อมูลของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงสถิติ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ล่าสุดวันนี้พบว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งไม่หยุด เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 3 ล้านคนแล้ว และผู้เสียชีวิตกว่า 131,000 คน ซึ่งในวันอังคารที่ผ่านมา สหรัฐก็ทำสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดครั้งใหม่ในวันเดียว กว่า 60,000 คน ทำลายสถิติเดิมของวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 55,220 คน ขณะที่ อัตราการติดเชื้อรายใหม่ใน 35 รัฐกำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหลายรัฐอาจต้องหันกลับมาใช้มาตรการล็อคดาวน์อีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นจากมาตรการล็อคดาวน์และคำสั่งพักอยู่ที่บ้าน หรือ stay-at-home ในครั้งแรก
แต่แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะพุ่งสูงขึ้น ทำเนียบขาวก็ยังคงเดินหน้ากดดันให้มีการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมทั้งเปิดโรงเรียนในรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งปกติแล้ว โรงเรียนในสหรัฐเริ่มเปิดเทอมในเดือนสิงหาคม หรือไม่ก็ต้นเดือนกันยายน โดยนายไมค์ เพนช์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจในการแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 กล่าวที่กระทรวงศึกษาธิการว่า กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ไม่ควรจะ “เคร่งจนเกินไป” พร้อมทั้งบอกด้วยว่า มันจำเป็นสำหรับโรงเรียนในสหรัฐที่ต้องกลับมาเปิดเรียนกันอีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ เราต้องหาวิธีจูงใจที่แข็งแกร่งให้แต่ละรัฐและให้กำลังใจเด็กได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง
ส่วนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เมื่อวันพุธว่าจะตัดเงินงบประมาณสำหรับโรงเรียนที่ไม่เปิดเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทรัมป์ยังนำเรื่องการเปิดเรียนมาโยงกับการเมืองด้วย โดยเขาทวิตข้อความเมื่อวันพุธว่า พวกพรรคเดโมแครตคิดว่า มันจะทำให้พวกเขาเสียประโยชน์ทางการเมือง หากโรงเรียนในสหรัฐสามารถกลับมาเปิดเรียนได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ และกล่าวเพิ่มเติมว่า อาจต้องตัดงบประมาณ หากโรงเรียนใดปฏิเสธการเปิดเรียนตามกำหนด
เหตุผลของทรัมป์ที่หยิบยกขึ้นมาอ้างบอกว่า ดูในเยอรมนี, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, สวีเดนและอีกหลายประเทศ โรงเรียนเปิดได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 ประเทศนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมากและต่อเนื่อง แต่ก็ดูเหมือนว่า จะได้รับผลกระทบจากการยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์เช่นกัน เมื่อหลายประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น
ทรัมป์ ประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน ซึ่งจะลงสู้ศึกเลือกตั้งสมัยที่ 2 ด้วย กล่าวหาพรรคเดโมแครต ว่าต้องการให้โรงเรียนปิดต่อไปด้วยเหตุผลทางการเมือง ทั้ง ๆ ที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศยังสูงขึ้น นอกจากนี้ ทรัมป์ยังวิพากษ์วิจารณ์แนวทางของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี ซึ่งผู้อำนวยการของซีดีซีก็นั่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในทีมเฉพาะกิจแก้ปัญหาโควิด-19 ของทำเนียบขาว โดยเขาบอกว่า ไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำของซีดีซีที่บอกว่ายากและเสี่ยงสูงมากสำหรับการเปิดโรงเรียน
สหรัฐรายงานพบผู้ติดเชื้อคนแรกในวันที่ 21 มกราคม ภายในเวลา 99 วัน มีชาวอเมริกันติดเชื้อไวรัสมรณะนี้ 1 ล้านคน จากนั้นก็ใช้เวลาอีกเพียง 43 วัน ก็ทะลุ 2 ล้าน และอีก 28 วันต่อมา สหรัฐก็มีผู้ติดเชื้อไวรัสเกิน 3 ล้านคนในวันพุธ
ตัวเลขล่าสุดนี้ มีขึ้นขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส แต่ละรัฐมีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 10,000 คนต่อวัน ขณะที่ ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐฯ และยังเป็นที่ปรึกษาของทำเนียบขาวในการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 กล่าวว่า สหรัฐยังคง “จมดิ่ง” อยู่กับการระบาดของไวรัสระลอกแรกเท่านั้น
Jindar🍀 อยากให้ ปธน.ทรัมส์ติดโควิดเหมือน ปธน.บลาซิลบ้าง จะได้มีจิตสำนึกที่ดีต่อประชาชนบ้าง
09 ก.ค. 2563 เวลา 01.34 น.
jay ดูแล้วท่าจะไม่ใช่ WHO ที่ผิดแล้วล่ะ
09 ก.ค. 2563 เวลา 01.16 น.
Mæw pêo' สบายไป พลเมืองชาวเมกา
ไปสบาย
09 ก.ค. 2563 เวลา 00.54 น.
จายเมิงแลง😁😁😁😁 ปรมาณูลงญี่ปุ่นตาย246,000
โควิดลงเมกาตายแค่แสนกว่า
09 ก.ค. 2563 เวลา 02.11 น.
wichit limsakul อเมริกาคนเยอะ ตั้งสามร้อยกว่าล้านคน ตายวันละพันสองพัน ติดเชื้อวันละแสนสองแสน ทรัมป์คงคำนวณแล้ว นานกว่าจะหมดประเทศ จึงกล้าที่จะเสนอแผนนี้. ก็ดีแล้ว อเมริกาเฟิร์ส เอาให้สุดๆไปเลย.
09 ก.ค. 2563 เวลา 01.41 น.
ดูทั้งหมด