3 ก.ค.63 - สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสาร เรื่อง "ประเด็นเรื่องการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ" โดยมีเนื้อหาดังนี้ตามที่ปราฏเป็นข่าวต่อสาธารณะในประเด็นที่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๙ และทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่ไม่มีสถานะตามกฎหมาย การทำหน้าที่และการใช้อำนาจของศาลไม่มีผลตามกฎหมายด้วยนั้น
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญขอเรียนชี้แจงมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและสอดคล้องตามความเป็นจริง ในประเต็นดังต่อไปนี้
- ศาลรัฐธรรมนูญจัดตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศและมีเพียงศาลเดียวโดยบทบัญญัติของรัฐรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ แยกเป็นบทเฉพาะอยู่ในหมวด ๑๑ ตั้งแต่มาตรา ๒๐๐ ถึงมาตรา ๒๑๔ โดยมีการบัญญัติเรื่องโครงสร้าง องค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ ตลอดจนวิธีพิจารณาขององค์กรศาลที่ทำหน้าที่พิทักษ์สถานะความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๐๓ วรรคสี่ มาตรา ๒๐๘ วรรคห้า และมาตรา ๒๑๐ วรรคสอง ได้บัญญัให้มีการตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญโดยมีสาระสำคัญออกเป็นสองส่วน
ได้แก่ การสรรหาและการวินิจฉัยการพ้นจากตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและวิธีพิจารณาศดีของศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการดำนินงานของศาลรัฐธรรนูญ ปัจจุบันได้มีพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ ขึ้นใช้บังคับแล้ว โดยรัฐธรรมนูญไม่ได้มีบทให้ต้องไปบัญญัติรื่องการจัดตั้งศาลไว้นกฏหมายอื่นอีก ดังปราฏตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๐วรรคสาม ที่ไม่ให้นำรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๘๙ วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า "บรรดาศาลศาลทั้งหลายจะจัดตั้งขึ้นได้ แต่โดยพระราชบัญญัติ" มาใช้บังคับโดยอนุโลมแต่อย่างใด
แต่อย่างไรก็ดี รัฐธรมนูญ มาตรา ๒๑๐ วรรคสาม บัญญัติให้นำบทปัญญัติเกี่ยวกับหมวด ๑๐ ศาลส่วนที่ ๓ บททั่วไป ได้แก่ มาตรา ๑๘๘ (การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาล ซึ่งต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์) มาตรา ๑๙๐ (พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและให้ผู้พิพากษาและตุลาการพ้นจากตำแหน่ง แต่ในกรณีที่พ้นจากตำแหน่งเพราะความตาย เกษียณอายุ ตามวาระ หรือพันจากราชการเพราะถูกลงโทษให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ)มาตรา ๑๙๓ (ก่อนเข้ารับหน้าที่ ผู้พิพากษาและตุลาการต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์) และมาตรา ๑๙๓ (ให้แต่ละศาลมีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานธุรการที่มีความเป็นอิสระ และให้มีระบบเงินเดือนและค่าตอบแทนเป็นการเฉพาะตามความเหมาะสม) มาใช้บังคับแก่ศาลรัฐธรรมนูญด้วยโดยอนุโลม
กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้ขอถอนร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลรัฐธรมนูญและวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. …. จากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่เคยส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเมื่อปี พศ. ๒๕๕๗ นั้น เพื่อนำกลับไปดำเนินการยกร่างใหม่ให้สอดคล้องกับร่างรัฐธรรมนูญที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)
รัฐธรรมนูญได้บัญญัติหน้ที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไว้ในมาตรา ๒๑๐ ในการพิจารณาวินิจฉัยความชอบต้วยรัฐธรมนูญของกฎหมายหรือร่างกฎหมาย พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ และหน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยที่รัฐธรรมนูญ มาตรา ๒๑๑ วรรคสี่ บัญญัติให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ
เมื่อศาลรัฐธรรนูญจัดตั้งขึ้นและมีหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรนูญดังกล่าวโดยตรง รวมทั้งผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ จึงไม่มีปัญหาทางกฎหมายในประเด็นเรื่องการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ และการทำหน้าที่รวมถึงการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญตามที่ปรากฎเป็นข่าวต่อสาธารณะดังที่กล่าวในข้างตัน แต่ประการใด
KANUENGSAG รู้ๆกันอยู่ที่นี่บ้านมืองนี้มีสิ่งมหัสจรรย์ของโลกหอเอนปีซ่า
03 ก.ค. 2563 เวลา 11.07 น.
เก่ง..มาจากไหนก็แพ้. อะไรๆก็รัฐธรรมนูญ แต่ไม่ต้องถวายสัตย์ จะรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ มันย้อนแย้งไปหมด
03 ก.ค. 2563 เวลา 11.38 น.
ภัครเทพ ไม่ต้องบรรยายรุ้กันทั้งประเทศ
03 ก.ค. 2563 เวลา 11.50 น.
อั๊ต แต่ที่รู้ๆสองคนที่เพิ่งพ้นตำแหน่งไปรวยเป็น 100 ล้าน ทั้งๆที่เป็นแค่ข้าราชการเกษียญอายุแล้วมาอยู่ตรงนี้ไม่กี่ปี
03 ก.ค. 2563 เวลา 11.42 น.
เอก ศรีสุข คำชี้แจงฟังไม่ขึ้นจอให้ยึดตามหลักที่เค้าแฉมาคงรูป
03 ก.ค. 2563 เวลา 11.43 น.
ดูทั้งหมด