ยุคแห่งการ ‘ช้อปปิ้งออนไลน์’ ที่ความสะดวกสบายในการจับจ่ายช่างง่ายดายแค่ปลายนิ้ว หลายๆ คนใช้การ ‘ผูกบัตรเครดิต’ เข้ากับบัญชีช้อปปิ้งออนไลน์แทนการโอนจ่ายหรือเก็บเงินปลายทาง และเคยรู้สึกสงสัยกันไหมว่าบรรดาเลข 16 หลักย้าวยาวบนหน้าบัตรนั้นคือเลขของอะไรกันบ้าง วันนี้เราเอาข้อมูลน่ารู้มาฝากกันให้หายสงสัย
-ต้นกำเนิดของตัวเลข 16 หลักในหมายเลขบัตรเครดิต-
หมายเลขบนบัตรถูกกำหนดตามมาตรฐาน ISO / IEC 7812-1: 2006 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1989 จากองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการกำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้บัตรเครดิตได้ทุกที่บนโลก ทำให้การ ‘จ่ายเงิน’ เป็นเรื่องง่าย…
ตัวเลขหลักที่ 1-6 : Issue Identifier Number
มาเริ่มกันที่เลขหลักแรกบนบัตร ก็คือสถาบันการเงินผู้ให้บริการของบัตรเครดิตใบนั้น เช่นเลข 4 หมายถึงบัตรเครดิตที่ให้บริการวีซ่า ส่วนเลข 5 หมายถึงบัตรเครดิตผู้ให้บริการมาสเตอร์การ์ด เป็นต้น
สำหรับตัวเลขหลักต่อไปที่จะมาดูกันต่อก็คือหลักที่ 2-6 จะเป็นชุดตัวเลขที่สถาบันการเงินได้ตั้งค่าเพื่อแสดงอัตลักษณ์ของบัญชีนั้นๆ หากคุณลองสังเกตเปรียบเทียบตัวเลขบนบัตรเดบิต กับบัตรเครดิตของคุณแม้จะเป็นของธนาคารเดียวกัน ชุดตัวเลขก็จะแตกต่างกัน เวลากรอกข้อมูลทางระบบจะสามารถตรวจสอบได้ว่าบัตรใบนี้เป็นบัตรประเภทไหน ซึ่งในผู้ให้บริการในแต่ละเจ้าก็จะมีเลขที่เป็นรหัสเฉพาะที่คนนอกอย่างเราคาดเดาได้ยาก
ตัวเลขหลักที่ 7 – 15 : Unique Personal Identifier
เป็นตัวเลขระบุข้อมูลส่วนบุคคลที่ถือบัญชีโดยเฉพาะของผู้ถือบัตร ธนาคารผู้ออกบัตรจะมีระบบจัดสรรชุดตัวเลขหล่านี้ไว้ให้สามารถมีระบุความแตกต่างกันสำหรับการ์ดแต่ละใบแม้จะมีผู้ถือเป็นบุคคลเดียวกัน
ตัวเลขหลักสุดท้าย (หลักที่16) : Check Digit
เป็น ‘ตัวเลขตรวจสอบ’ ใช้ในการตรวจสอบชุดตัวเลขทั้งหมดเพื่อความแม่นยำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่าหมายเลขบัตรเครดิตที่กำลังถูกกรอกเข้าในระบบนั้นไม่ได้มั่วขึ้นมาหรือกรอกโดยไม่ตั้งใจในการทำธุรกรรมหรือการชำระเงินทางออนไลน์โดยเป็นตัวเลขที่ได้การคำนวณตามสูตรโดเมนสาธารณะที่เรียกว่าสูตรอัลกอริทึมของ Luhn
และนอกกจากเลขบนบัตรเครดิตทั้ง 16 หลักแล้วก็ยังมีตัวเลขหลังบัตรอีกชุดหนึ่งที่เรียกกันว่า CVV (Card Verification Value) เป็นรหัสที่อยู่หลังบัตรเครดิต หรือในบางที่เรียกเลขชุดนี้ว่า CSC (Card Security Code) มีไว้เพื่อการยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรในการใช้บัตรเครดิตชำระเงินออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมีด้วยกัน 3หลักเพื่อให้จำง่าย เป็นการยืนยันว่าผู้ที่กำลังชำระเงินเป็นผู้ที่ถือบัตรอยู่จริง เพื่อป้องกันเหล่ามิจฉาชีพหรือบุคคลอื่นนำหมายเลขบนบัตรเครดิตไปใช้ รู้อย่างนี้แล้วอย่าให้บัตรเครดิตของคุณไปอยู่ในมือคนอื่นเด็ดขาด มิเช่นนั้นอาจได้เป็นหนี้ไม่รู้ตัวก็ได้นะ
ข้อมูลจาก : abtek.com , cvvnumber.com
Toii อธิบายแบบนี้ไม่รู้เรื่อง ควรจะอธิบายตามตัวเลขที่ระบุมาในบัตร เพราะคุณยกตัวอย่าง1234 ก็ต้องอธิบายไปทีระตัว ว่ามันหมายถึงอะไรบ้าง
09 พ.ค. 2564 เวลา 01.59 น.
Ekawit TC. อ่านแล้วงงครับ
มีใครเป็นเหมือนผมหรือเปล่า 555
09 พ.ค. 2564 เวลา 13.14 น.
Done อ่านแล้วรู้แค่ว่า
4หมายถึงวีซ่า
5หมายถึงมาสเตอร์
😂😂😂
09 พ.ค. 2564 เวลา 23.30 น.
出茶納得(スワン)_3 เขียนบทความแบตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง แล้วคนอ่านจะรู้เรื่องไหม?กลับไปเรียนวิธีเขียนที่ทำให้คนอ่านเข้าใจง่ายๆก่อนดีกว่ามั้งค่อยมาทำอาชีพนี้ เสียเวลาชาวบ้านจริงๆ
11 พ.ค. 2564 เวลา 09.19 น.
sawitree แบบนี้บัตเดบิตถ้าหายเกิดมีคนเก็บได้มันก็เอาไปใช้ได้สบายเลยนะสิ แค่กรอกเลขหน้าบัตวันหมดอายุเลขหลังบัตตายเลย เอาไปซื้อของออนไล
09 พ.ค. 2564 เวลา 06.05 น.
ดูทั้งหมด