เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2563 - ที่ห้องประชุมไพจิตร ปวะบุตร ชั้น 9 อาคาร 7 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธ.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ , นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย , นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค , นพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ประจำวันที่ 29 มี.ค.
โดย นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงขอบคุณพื้นที่โรงพยาบาลสงขลา , ปัตตานี , บ้านโป่ง ที่ให้ความร่วมมมือดีมากให้คนไข้รับยาใกล้บ้าน ลดความแออัดในโรงพยาบาล และกระทรวงสาธารณสุขขอบคุณประชาชน-ภาคเอกชน-ดาราศิลปินที่ทยอยบริจาคเงิน พร้อมทั้งนำอาหาร-ขนม ให้โรงพยาบาลเพื่อช่วยจัดหาอุปกรณ์ป้องกันกับแพทย์ และกำลังใจกับหมอและบุคลาการทางแพทย์ 16 แห่ง เช่น สสจ.อุตรดิตถ์ พังงา อุบลราชธานี หนองคาย นครพนม ฉะเชิงเทรา เป็นต้น รวมทั้งขอบคุณทั้งภาครัฐ - เอกชน-ภาคประชาสังคม ร่วมกันเป็นทีมไทยแลนด์ช่วยกันหยุดยั้งโควิด-19 กับหมอ พยาบาลที่เป็นแนวหน้า และ อสม.ที่ร่วมรายงานสถานการณ์ทั่วประเทศอย่างเข้มแข็ง ถือว่าเป็นบุคคลากรชั้นยอด แต่ทีมไทยแลนด์นี้จะสมบูรณ์ได้ต้องขอให้พี่น้องคนไทยร่วมภารกิจนี้ด้วยการหยุดอยู่บ้านเพื่อป้องกันตนเองและคนที่เรารักไม่ออกไปแพร่กระจายเชื้อ
รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ตัวเลขผู้ติดเชื้อขยับ 663,740 ราย เสียชีวิตขยับมาที่ 30,874 ราย สะท้อนให้เห็นว่าเชื้อยังคงแพร่กระจายทั่วโลก ส่วนสถานการณ์รายประเทศที่น่าสนใจ คือกลุ่มประเทศที่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นเกิน 5,000 ราย/วัน ก็มี 5 ประเทศ ได้แก่สหรัฐอเมริกา , สเปน , เยอรมันนี , อิตาลี , ฝรั่งเศส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศฝั่งยุโรป ส่วนกลุ่มประเทศฝั่งตะวันออกตัวเลขก็ไม่เข้าสู่สถานการณ์รุนแรงมาก เพราะระมัดระวังงดการเข้าไปในที่ชุมชน
ขณะที่ นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงตัวเลขในไทยว่า พบเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ซึ่งเป็นชายไทยอายุ 68 ปีมีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน มีอาการเหนื่อยหอบเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตรวจพบปอดอักเสบและภาวะวิกฤตระบบทางเดินหายใจ จึงส่งต่อไปที่ รพ.พระนั่งเกล้า อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้รวมเสียชีวิต 7 ราย ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อวันนี้ตัวเลขเพิ่มขึ้น 143 คน รวมจำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,388 คน ซึ่งมีผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วกลับบ้านได้ 111 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,270 ราย โดยมีอาการหนัก 17 ราย มีอาการปอดอักเสบ ใส่เครื่องช่วยหายใจและเฝ้าระวังอาการใกล้ชิด ซึ่ง 1 ในจำนวนนี้ใช้เครื่อง ECMO
อย่างไรก็ดีลักษณะกลุ่มผู้ป่วยที่ตรวจพบในประเทศ ส่วนใหญ่อายุ 20-59 ปี ที่มีอาการไม่เยอะ ส่วนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปเจอค่อนข้างจำนวนน้อย โดยในกลุ่มเด็กอายุ 0-9 ปีไม่มีการเสียชีวิตเลย , อายุ 10-39 ปีอัตราเสียชีวิตค่อนข้างต่ำมาก ประมาณ 0.2% โดยอัตราเสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น 50-59 ปี อัตราเสียชีวิต 1.3% , อายุ 60 ปี ก็ 3.6% , อายุ 70-79 ปีประมาณ 8% , อายุ 80 ปี ประมาณ 14.8% ตัวเลขเหล่านี้จะตอบในหลายๆ คำถามว่าทำไมเราจำเป็นต้องขอความร่วมมือกลุ่มผู้สูงอายุพักอยู่กับบ้าน
ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 143 รายนั้นแบ่งเป็น 1.กลุ่มสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยมีจำนวน 70 ราย โดยสัมผัสกับกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อสนามมวย 5 ราย , สถานบันเทิง 15 ราย , สัมผัสกลุ่มผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 49 ราย , ผู้ร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 1 ราย
กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 43 ราย ได้แก่ กลุ่มที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงทั้งคนไทย (16 ราย) และต่างชาติ (6 ราย) 22 ราย , กลุ่มทำงาน/อาศัยและเดินทางไปในสถานที่ต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 6 ราย , กลุ่มบุคลากรทางแพทย์ 8 ราย และกลุ่มอื่นๆตามเกณฑ์เฝ้าระวัง เช่น ปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 5 ราย ซึ่งสำหรับบุคลากรทางแพทย์ 6 คนนั้นพบว่าติดจากผู้ป่วย ส่วน 2 คนนั้นคนหนึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าติดจากผู้ป่วย แต่อีกคนจากประวัติยังสอบสวนโรคต่อไปเพราะยังไม่ชัดเจนว่าได้รับเชื้อจากไหน อย่างไรดีส่วนบุคลากรทางแพทย์นี้ถือว่าสำคัญส่าติดมาจากไหน คือหากติดรู้ตัวช้าแล้วเขาได้หยุดพักหรือไม่ หากช่วงรับเชื้อเขาได้ไปดูแลผู้ป่วย อาจจะมีเรื่องตรวจสอบมีผู้สัมผัสอีกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหากระหว่างได้รับเชื้อแล้วไปดูแลรักษา ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยสูงอายุ อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้
นพ.ธนรักษ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ยังอธิบายแผนที่แสดงการแพร่กระจายหลายจังหวัดว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยสะสม 1,388 ราย กระจายอยู่ใน 59 จังหวัด มีเพียง 10 กว่าจังหวัดที่ยังไม่พบผู้ป่วย โดยประเด็นที่สำคัญคือการแพร่ระบาดในพื้นที่ต่างๆ มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน วิธีคิดและการจัดการรับมือสถานการณ์จึงต่างกัน 1.กลุ่มจังหวัดที่ยังไม่มีผู้ป่วยจะดำเนินมาตรการเหมือนในพื้นที่ กทม. ช่วงต้นเดือน ม.ค.คือผู้ป่วยจะเดินทางมาจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ดังนั้นสิ่งที่จะทำคือเฝ้าระวังคนเดินทางมาในพื้นที่ และติดตามอาการของคนที่เข้ามาให้ได้ 14 วัน และ 2.กลุ่มจังหวัดที่ยังมีผู้ป่วยจำนวนน้อย เช่น 1-3 คน ที่เป็นผู้เดินทางมาพื้นที่อื่น
"ยุทธศาสตร์การพยายามยุติโรคให้เร็วเป็นส่วนสำคัญที่สุดของกรมควบคุมโรค เราต้องการให้มีจังหวัดปลอดผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศเท่าที่จะทำได้ จึงเป็นหน้าที่ทั้งของฝั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนควบคุมโรคเมื่อมีรายงานผู้ป่วยเข้ามา และเรายังต้องการความร่วมมือจากอาสาสมัคร (อสม.) สาธารณสุข ภาคปกครองที่จะคอยติดตามว่ามีผู้เดินทางเข้าในจังหวัดหรือไม่และคอยติดตามอาการไป 14 วัน ตรงนี้สำคัญมาก ยิ่งเรามีจังหวัดที่ปลอดผู้ป่วยมากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้การควบคุมโรคในจังหวัดใกล้เคียงสามารถทำได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย" รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
3.กลุ่มจังหวัดที่มีผู้ป่วยมากจำนวนหนึ่งแต่ยังไม่แพร่ไปในวงกว้าง เช่น จ.สุรินทร์ , จ.อุดรธานี , จ.กาญจนบุรี , จ.บุรีรัมย์ , จ.นครราชสีมา ต้องเน้นหนักใน 2 เรื่องที่สำคัญ การตรวจจับผู้ป่วยให้ได้โดยเร็วแล้วลงไปสอบสวนโรค และมาตรการเชิงสังคมที่จะเพิ่มระยะห่างระหว่างบุคคลมากขึ้น ให้พบปะในที่สาธารณะน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ 4.กลุ่มจังหวัดที่มีผู้ป่วยเพียง 1 คนหรือน้อยกว่า 1 คน หรือไม่มีเลย และ 5.กลุ่ม 4 จังหวัดชายแดนใต้ ที่จะมีสถานการณ์ที่แตกต่างกันและความจำเป็นที่จะดำเนินมาตรการแตกต่างกัน
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงการประเมินชุดทดสอบ Rapid test แบบตรวจภูมิคุ้มกันว่า จากที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการประเมินและการอนุญาตให้นำเข้าชุดทดสอบโควิดเข้ามานั้นมี 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแล คือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งการตรวจผู้ป่วยติดเชื้อโควิดมีด้วยกัน 3 แบบคือ 1.การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส ซึ่งตรวจแบบหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ประเมินผ่านไปแล้ว 16 ตัวอย่าง และ อย.ได้อนุญาตแล้ว ดังนั้นขอให้แน่ใจว่าทั้งการตรวจภาครัฐและภาคเอกชนมีบริษัทที่นำเข้าอย่างเพียงพอ
2.การตรวจแบบเร็ว ด้วยชุด Rapid test ที่ตรวจหาภูมิคุ้มกัน Antibody แต่จะวินิจฉัยได้เมื่อผู้ป่วยมีอาการแล้ว 10 วัน ส่วนนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ อย.ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญ ดำเนินการตรวจประเมิน 3.การตรวจหา Antigen ซึ่งขณะนี้มีสถานพยาบาล หรือโรงพยาบาลเอกชน มีความสนใจที่จะนำชุดทดสอบต่างๆ เข้ามา ก็จะเป็นหน้าที่ของ อย.จะเป็นผู้อนุญาตตาม พ.ร.บ.เครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2551 ต่อไป
ทั้งนี้สำหรับชุดทดสอบที่ให้ประเมินเพื่อให้สถานพยาบาลภาคเอกชนและหน่วยงานอื่นๆ สามารถใช้ชุดทดสอบในภาคการผลิตของเอกชนมาใช้ได้ ในสถานการณ์เร่งด่วนนี้เราใช้ประเมินจากเอกสารวิชาการประมาณ 7 วันซึ่งปกติการประเมินชุดทดสอบจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน ส่วนตัวที่เป็นปัญหาตามข่าวคือ ชุดตัวตรวจ Rapid test ชนิดหา Antigen ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วโลกอยากได้ เพราะการตรวจแบบปกติต้องใช้เวลาในห้องปฏิบัติการ 3-5 ชั่วโมง แต่หากมีชุดทดสอบแบบไวที่ตรวจ Antigen ได้ภายใน 1 ชั่วโมงจะเป็น ประโยชน์มหาศาลในการควบคุมโรค เนื่องจากชุดทดสอบแบบนี้เพิ่งมีการผลิตออกมาใหม่ ดังนั้นวิธีการและความแม่นยำในการใช้ยังต้องติดตามอีกระยะหนึ่ง เช่น ที่เป็นข่าวประเทศสเปนนำชุดทดสอบเช่นนี้ เข้ามาใช้แล้วเกิดปัญหา
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเราใช้วิธีการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส ซึ่งเราก็มีชุดทดสอบที่ผลิตขึ้นเอง ไม่ได้สั่งซื้อชุดทดสอบสำเร็จรูปจากต่างประเทศ โดยมีแผนผลิตชุดทดสอบของเราเองเพิ่มขึ้นด้วยจึงยืนยันได้ว่าชุดทดสอบที่เป็นมาตรฐานในหลักวินิจฉัยมีจำนวนเพียงพอ ส่วนการทดสอบด้วยชุด Rapid test แบบตรวจภูมิคุ้มกัน Antibody ที่มีเสียงเรียกร้องให้นำมาตรวจคนไทยนั้น ต้องเรียนว่าชุดทดสอบภูมิคุ้มกันเหมาะกับบางสถานการณ์เท่านั้นเพราะต้องรอผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 10 วันจึงจะเริ่มวินิจฉัยได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดและไวที่สุดจึงเป็นการตรวจแบบหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัส วิธีมาตรฐานที่ WHO ให้การยอมรับ โดยการตรวจลักษณะนี้ ยืนยันว่ายังมีน้ำยาเพียงพอในการตรวจ โดยในรอบวันมีคนมาตรวจด้วยวิธีนี้ประมาณ 3,000 ราย/วัน จากห้องปฏิบัติทั้งหมด 60 ห้องเรามีน้ำยาสำหรับตรวจ อยู่ประมาณ 100,000 test จึงไม่ต้องกังวล
ส่วนที่กังวลมีอ้างว่ามีนักการเมือง เข้ามาสั่งการในการประเมินนั้น ตนเชื่อมั่นและยืนยันในความโปร่งใส ในความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการประเมินฯ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และอย.ร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ สั่งการว่าหากเขาทำถูกต้อง ก็ต้องทำให้เร็วเร่งอนุญาตคนถูก แต่หากไม่ถูกต้อง ไม่ผ่านก็ต้องไม่อนุมัติ ซึ่งเรายึดถือปฏิบัติและสอดคล้องกับหลักวิชาการ ขณะเดียวกันรองนายกฯก็ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และ อย.ยินดีที่จะให้ข้อมูลเอกสารและบุคคลเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของประชาชน
ขณะที่ ดร.บุษนาวรรณ ศรีวรรธนะ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจประเมินชุดทดสอบที่จะอนุญาตให้นำเข้ามา อธิบายถึงหลักเกณฑ์การประเมินว่า ในคณะกรรมการตรวจประเมินฯ จะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิเรื่องตัวไวรัส-ภูมิคุ้มกัน ทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาเอกและเภสัชกร จะไม่มีผู้บริหารเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการฯ สรุปหลักเกณฑ์ตามหลักวิชาการคือ ชุดตรวจสอบแบบตรวจหาภูมิคุ้มกัน Antibody และแบบ Antigen จะดูเรื่องความไวของการตรวจ (Sense) และความจำเพาะ (Spec) คือ คนที่บวกต้องได้บวก คนที่ลบต้องตรวจเป็นลบ ส่วนปฏิกริยาข้ามกลุ่ม ต้องไม่เกิดผลปลอมกับเชื้อชนิดอื่น ซึ่งหลังจากกำหนดเกณฑ์แล้วได้แจ้งให้ผู้ประกอบการส่งเอกสารเข้ามาประเมิน โดยดูจากเอกสารทางวิชาการที่ต้องสอดคล้องกับทาง อย.ยอมรับ เหตุที่เราจะต้องประเมินจากเอกสารวิชาการเพราะเชื้อตัวนี้เป็นเชื้อตัวใหม่ที่ไม่เคยมีประเทศใดๆ ตั้งเกณฑ์ออกมา เราจึงตั้งเกณฑ์ตามหลักวิชาการที่เราเคยเรียนรู้จากไวรัสอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่นไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผู้ประกอบการส่งมาให้ประเมินแบบเป็น 3 รอบ ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยรอบแรกวันที่ 20 มี.ค. มียื่น 20 คำขอ ผ่านการประเมิน 6 ราย , รอบที่สอง วันที่ 25 มี.ค.มียื่น 18 คำขอ ผ่านการประเมิน 3 คำขอ , รอบที่สาม วันที่ 27 มี.ค.มียื่น 10 คำขอ แต่ไม่มีคำขอใดๆ ที่ผ่านการประเมินเลย ทั้งนี้ในการพิจารณาต้องผ่านเกณฑ์ทั้งหมดเรื่องของความแม่นยำ เสถียรของชุดทดสอบ ขณะที่ก็มีทั้ผ่านแบบมีเงื่อนไข คือเอกสารไม่เรียบร้อยอาจมีที่เขียนผิดเล็กน้อย ก็ให้ปรับแก้แล้วให้นำเอกสารที่แก้ไขแล้วอย่างถูกต้องไปยื่นที่ อย.ภายใน 20 วันทำการ ส่วนที่ไม่ผ่านเกณฑ์นั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความจำเพาะไม่ผ่านตามเกณฑ์ หรือเอกสารไม่ครบถ้วน ก็จะแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบเพื่อไปปรับปรุง โดยผู้ประกอบการมีสิทธิที่จะยื่นกลับมาให้พิจารณาใหม่ภายใน 30 วันทำการ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดบางบริษัทจึงได้การตอบรับผลก่อน หรือได้รับผลหลังนั้น ขอชี้แจงให้ทราบว่าเราประเมินตามเอกสารที่ยื่นเข้ามาตามลำดับ โดยคณะกรรมการประเมินจะใช้เวลาพิจารณา 7 วัน
ด้านนพ.พูลลาภ ฉันทวิจิตรวงศ์ รองเลขาฯ อย. กล่าวถึงกรณีประเทศสเปนนำชุดทดสอบไปใช้แล้วเกิดปัญหาว่า อย. ได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง 3 ด้าน คือ 1.ผลประเมินจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2.หลังจากประเมินแล้ว อย.ก็จะตรวจสอบการออกหนังสือรับรองการขายจากผู้ผลิต หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ 3.การตรวจดูแคตตาล็อกตรงกับสิ่งที่ได้มีการประเมิน เมื่อได้ดำเนินการครบทั้ง 3 ด้านแล้ว อย.จึงจะอนุญาตนำเข้าได้ โดยที่ผ่านมามีเพียงผู้ประกอบการ 2 รายเท่านั้นที่ได้อนุญาตให้นำเข้าชุดทดสอบประเภท Antibody 3 ผลิตภัณฑ์ และประเภท Antigen 3 ผลิตภัณฑ์ ขณะที่หลังจากเกิดเหตุปัญหาในประเทศสเปนก็มีบริษัทหนึ่งยกเลิกการนำเข้าที่ได้เคยอนุญาตไปแล้ว ส่วนอีก 1 บริษัทกำลังขอข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทที่ผลิตและประเทศต้นทางข้อมูลที่ให้มานั้นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ดีแม้มีการอนุญาตแล้ว อย.ก็ยังดำเนินการติดตามพร้อมกับรายงานผลต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่าในส่วนของประเทศไทยยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตามที่เป็นข่าวนำเข้ามาในประเทศเลย
🌹🌹ต้อย 🌸ปราณี🌹🌹 ใครเดินทางเข้าจังหวัดล๊อคคอกักตัวค่ายทหารเลย เอาให้เข็ดถ้าปล่อยกักตัวที่บ้านมันไม่ฟังหรอก นิสัยคนไทยเสรีเกิน
30 มี.ค. 2563 เวลา 02.06 น.
Teerawat หนัก 17 ราย....!!!!!
30 มี.ค. 2563 เวลา 01.54 น.
เซเว่น โลตัส บิ๊กซีคืดเเหล่งกระจายเชื้อคลัสเตอร์ใหม่... ต้องห้ามคนไม่ใส่หน้ากากเข้าเด็ดขาด... พนักงานห้ามจับกลุ่มคุยเล่นกัน พนักงานบางคนยังไม่ใส่หน้ากากเลย....
30 มี.ค. 2563 เวลา 01.20 น.
K sun อนุทินไหนบอกเอาอยู่
30 มี.ค. 2563 เวลา 01.16 น.
Ant ลองให้นายกทักษิน กลับมาบริหารประเทศ
คนไทยจะติดเชื้อไม่เกิน 100 คน
30 มี.ค. 2563 เวลา 00.26 น.
ดูทั้งหมด