ร้านค้า ร้านอาหาร ทั้งในศูนย์การค้า และย่านการค้าหลายๆ แห่ง ทั้งกลางเมืองและชานเมือง ปิดร้านขึ้นป้ายเซ้งกิจการไม่ใช่ภาพหาดูยากในวันนี้ เช่นเดียวกับ ข่าวเลิกจ้างคนงานจากบางอุตสาหกรรม ที่มีให้เห็นเป็นระยะๆ ผสมผสานไปกับเสียงบ่นเรื่องปากท้องของชาวบ้านที่ยังดังอยู่
บรรยากาศดังกล่าว สวนทางกับตัวเลขจีดีพีปีนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 4% ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง
ปี 2558 สำนักเศรษฐกิจต่างๆ ออกมาประกาศว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คำประกาศดังกล่าว ปลุกความหวังผู้คนให้กลับมาอีกครั้ง หลังอับเฉาจากพิษวิกฤติการเมืองมาหลายปี
ยิ่งต้นปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไตรมาสแรกทำสถิติใหม่ จีดีพีขยายตัวถึง 4.6 % ยิ่งเติมความหวังให้โชติช่วงขึ้นไปอีก
ตอนนั้น ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ถึงกับกล่าวอย่างปลาบปลื้มว่า ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่เหนือความคาดหมาย แต่เกิดจากทำงานอย่างหนัก และต่อเนื่อง
หากแสงแห่งความหวังที่วาบขึ้นค่อยๆ จางลง เมื่อผู้ค้าจำนวนไม่น้อยพบว่า รายได้ของพวกเขาไม่ได้คึกคักตามจังหวะจีดีพี ลูกจ้างหลายๆ คนกลายเป็นคนว่างงานแบบไม่สมัครใจ ซึ่งเป็นสภาวะที่แย้งกับตัวเลขจีดีพีที่รัฐประกาศดังที่ได้กล่าวข้างต้น
ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจพยายามหาคำตอบที่มาที่ไปของปรากฎการณ์ดังกล่าวกันพอสมควร
เริ่มจาก แบงก์ชาติ ในฐานะผู้พิทักษ์เสถียรภาพ ตั้งสมมุติฐานว่าเป็นเพราะ เศรษฐกิจยังโตไม่เต็มที่ การบริโภคขยายตัวในกลุ่มผู้มีรายได้สูง และรายได้ปานกลาง ขณะที่กำลังซื้อในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยยังไม่เข็มแข็ง แต่แบงก์ชาติไม่กล้าเจาะจงลงไปว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริงของอาการแปลกๆ ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ดร.สมคิด รองนายกฯ ซึ่งคิวเดินสายขึ้นโพเดียม ทอล์คโชว์วิสัยทัศน์ ตามเวทีสัมมนาที่สื่อสำนักต่างๆ จัดขึ้นแน่นเอี๊ยด พยายามหาเหตุผลเหมาะๆ มาอธิบายเรื่องนี้เช่นกัน
มือเศรษฐกิจของรัฐบาลเคยไปพูดบนเวทีสัมมนาแห่งหนึ่งว่าการขยายตัวของอีคอมเมิร์ซทำให้พฤติกรรมตลาดเปลี่ยน ผู้ค้าไปเปิดหน้าร้านเสมือนในเว็บ ผู้บริโภคหันไปสั่งของผ่านช่องทางนี้เช่นกัน ความจำเป็นในการใช้หน้าร้านรูปแบบเดิมจึงลดลง
ก่อนหน้านี้ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล หรือ หม่อมอุ๋ย ช่วงเป็นรองนายกฯ รัฐบาลประยุทธ์ เคยอธิบายที่มาของอาการทางเศรษฐกิจแบบนี้ไว้เป็นคนแรก โดยนำเสนอทฤษฎีส่วนเกิน
หม่อมอุ๋ย อธิบายว่าเศรษฐกิจ ช่วงก่อนหน้า(ยึดอำนาจ)มีส่วนเกินมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ นโยบายประชานิยม โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวฯ และรถยนต์คันแรก และสองส่วนเกินมาจากธุรกิจสีเทา
เมื่อรัฐบาล(ประยุทธ์) เลิกโครงการประชานิยม ปราบปรามคอรัปชั่น และธุรกิจสีเทา “ส่วนเกิน” ที่หายไปมีส่วนทำให้คนรู้สึกว่าเงินไม่สะพัด ตอนนั้นหม่อมอุ๋ยคาดว่า เศรษฐกิจต้องใช้เวลาปรับฐานอย่างน้อย 1 ปี (นับจากปี 2558) จึงเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจยังไม่เข้าที่เข้าทาง ตามที่หม่อมอุ๋ยทำนายไว้แต่ประการใด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นอีกคนที่เคยกล่าวถึง ผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เกิดจากการจัดระเบียบ และการปราบปรามธุรกิจสีเทา โดยยืนยันว่ารัฐบาลจำเป็นต้องจัดระเบียบธุรกิจสีเทา ซึ่งมีขนาดถึง 1 ใน 3 ของ จีดีพีประเทศให้เข้าสู่ระบบ
เหตุผล 3 ประการที่กล่าวถึงข้างต้น คือคำอธิบายถึงสาเหตุที่ ความรู้สึกว่าเศรษฐกิจดีจึงเกิดเป็นหย่อมๆ แต่ไม่มีอารมณ์ร่วมระดับมหาชน ซึ่งนับว่าแปลก เพราะรัฐบาลนี้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของไทย และใช้งบประมาณดูแลคนจน ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ารัฐบาลประชานิยมก่อนหน้าแต่อย่างใด
ดูท่าปัญหานี้ คงต้องให้ ดร.สมคิด กรุณาออกมาชี้อีกสักครั้งว่า อาการเศรษฐกิจที่ จีดีพีโต แต่เงินไม่สะพัดนั้นมีโอกาสจะหายขาดหรือไม่ หรือเป็นอาการเรื้อรังแบบโรคเอ็นซีดี ที่ต้องรักษากันไปตลอดชีวิต
เอาความจริงหมั้ย คือระบบเงินมันไม่หมุนเวียน
รัฐลงทุนโครงการใหญ่ เงินกระจุกตัวในบริษัทก่อสร้าง อาจออกนอกประเทศด้วย รัฐแจกเบี้ยหัวแตก เงินคนจน เงินยาง เงินจิปาฐะภาษีเราที่ใช้ซื้อเสียง มันไม่ก่อให้เกิด Dynamic ประกอบกับการเกิดขึ้นของออนไลน์ ทำให้คนลดถือเงินสด เดินตลาด สรุปคือ รัฐบาลหัวเศรษฐกิจไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
16 ธ.ค. 2561 เวลา 18.00 น.
ทัศน์ ค่าจีดีพีที่ว่่าสูงๆของพ่อค้านักลงทุนทั้งนั้น....ที่ ได้มาจากเงินคนจนๆและจากมนุษย์เงินเดือนจนหมดเกลี้ยงแล้วทุกหลังคาเลือน...ชัดเจนแดงแจ๋
16 ธ.ค. 2561 เวลา 17.27 น.
Maithai 1 ความเห็น..1 เงินสีเทาถูกปราบ2.ส่งออกดีของที่เหลือก็น้อยและแพง3.ท่องเที่ยวดีก็มีคนมาช่วยกินช่วยใช้ของแพง.3.ภัยพิบัตินำ้ท่วมผลผลิตเสียหาย กว่าจะฟื้นนาน4.แรงงานน้อยลงเพราะใช้เครื่องจักรและระบบแทน5.เกษตรกรต้นทุนสูงผลผลิตราคาตำ่ขาดทุนหรือได้น้อยมาก6.ธุรกิจผูกขาดปลาใหญ่กินปลาเล็ก หรือเสรี ทุนใหญ่ได้เปรียบทุกทาง7.เข้ายุคคนชราแรงงานก็น้อยรายได้หด คนออมไว้ยามชรา8.ค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตสูง9.มีการทุจริตขนาดใหญ่10.เงินคนจนเข้ากระเป๋าคนรวยมากกว่าเงินคนรวยเข้ากระเป๋าคนจน. จบก่อนที่ไม่พอพิมพ์
16 ธ.ค. 2561 เวลา 19.37 น.
Maithai 1 ต่อ11.เงินไม่สะพัดเพราะไม่มีเงินต่างชาติเข้ามาแบบสมัยก่อนต้มยำกุ้ง12.ตลาดหุ้นน่าจะไม่พุ่งเหมือนตอนปั่นหุ้น ปั่นทอง ปั่นที่ดิน.13.ระบบธุรกิจเปลี่ยนอย่างมากซื้อของไม่ต้องไปเดิน..ใช้กดมือ ราคาถูกด้วย ไม่ต้องเสียค่ารถ เวลา. 14.ของต่างชาติถูกกว่าเช่นเกาหลี จีน15.เพื่อนบ้านเจริญขึ้นเงินก็ไปกระจายที่อื่นด้วย16.จีนกับเมกายังไม่สงบ 17 เชื่อว่าถ้าจีนส่งอะไรมาขายที่เราได้ เราน่าจะแพ้หมดทุกตัว
16 ธ.ค. 2561 เวลา 19.53 น.
Kanchit S. เป็นเพราะผู้นำไม่ใช่ชินวัตร แต่มือศก ก้อคนเดียวกันนี่นา
16 ธ.ค. 2561 เวลา 19.28 น.
ดูทั้งหมด