สาวถูก ด.ต. หื่นลวงจะขืนใจ ลั่นโทษอนาจารเบา ควรไล่ออก แฉโทรขอเคลียร์ให้จบ (คลิป)

วันที่ 20 ม.ค. 62 กรณี น.ส.นิด (นามสมมติ) อายุ 31 ปี เจ้าของร้านรับทำป้ายใน ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รองสว.สอบสวน สภ.หนองหาน ว่าถูกนายดาบตำรวจของ สภ.หนองหาน ผบ.หมู่งานป้องกันและปราบปราม โทรศัพท์มาลวงให้ไปหา เพื่อพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับคดียาเสพติด ก่อนพาไปทำอนาจารที่กระท่อมกลางทุ่งนา บ้านหนองแปน ม.14 ตำบลหนองเม็ก

โดย น.ส.นิด เดินทางมาที่ สภ.หนองหาน เพื่อให้พนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำอย่างละเอียด หลังจากทำการสอบปากคำเสร็จ พนักงานสอบสวนจึงได้นำตัว น.ส.นิด ไปชี้จุดเกิดเหตุ เพื่อถ่ายภาพประกอบสำนวน

โดย น.ส.นิด กล่าวว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ตนก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เพราะมีคนโทรศัพท์มา พยายามจะให้เจรจาไกล่เกลี่ยกัน แต่ตนยืนยันว่าต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงขณะนี้อาจต้องปิดร้านเอาไว้ก่อน เพื่อความปลอดภัย

ทั้งนี้ หากผู้ก่อเหตุมาขอโทษ ตนจะไม่ยกโทษให้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่รุนแรงมากเกินกว่าจะให้อภัยได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย แต่กลับมากระทำผิดเสียเอง ตนจึงต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด และต้องการให้ผู้กระทำผิดออกจากราชการ

ขณะที่ นายบอล (นามสมมติ) พี่ชายของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะกระทำอนาจารข่มขืนน้องสาวตน  แต่ไม่สามารถสอดใส่ได้ กรณีดังกล่าวถือว่าเป็นคดีรุนแรง ตนก็รู้สึกคาใจว่าเหตุใด จึงมีการแจ้งข้อกล่าวหาที่เบาเกินไป ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตน และดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว

โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามโทรมาไกล่เกลี่ย 2 – 3 รอบ แต่ตนยืนยันว่าจะไม่ยอม เพราะทราบว่า นายตำรวจคนดังกล่าวก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และมีผู้เสียหายหลายคน รวมถึงตนมองว่าผู้ที่กระทำเรื่องอย่างนี้ ไม่ควรเป็นตำรวจอีกต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.หนองหาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ให้พนักสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียด พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตรวจจุดที่เกิดเหตุ และถ่ายภาพเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการประกอบสำนวนคดี เพราะผู้เสียหายมีความประสงค์ต้องการดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ยืนยันจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ตามหลักฐานที่มีเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน โดยจะดำเนินการทั้งทางอาญา และทางวินัย พร้อมตั้งกรรมการขึ้นมาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้ โดยให้ ด.ต. คนดังกล่าว ให้พักงานไว้ก่อน