มีคนเคยบอกไว้ว่า ถ้าชีวิตเจอกับอุปสรรคและปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าชีวิตราบรื่นไปหมดนี่สิ ผิดปกติ
ลองนั่งนึกดูว่าตั้งแต่เกิดมาเราเคยเจอใครที่ชีวิตไม่มีปัญหาบ้าง จะรวยจะมีชื่อเสียงจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหนก็ต้องผ่านปัญหามาก่อนกันทั้งนั้น
ปัญหาหรืออุปสรรคก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะเจอ คนส่วนใหญ่เวลาขอพรก็ขอให้ไม่พบอุปสรรคในชีวิต
แต่เวลาเราดูหนังหรือดูภาพยนตร์ถ้าตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่องพระเอกหรือนางเอกสมหวังทุกประการไม่เคยเจออุปสรรคอะไรเลยคงจะสนุกแค่ช่วงแรกๆ ผ่านไปสักพักคงเป็นภาพยนตร์ที่น่าเบื่อมาก หรือ เวลาเราเล่นเกมแล้วมีสูตรที่ทำให้ตัวเราเป็นอมตะ หรือมีเงินใช้ได้ไม่จำกัดในเกม มันก็จะสนุกในช่วงแรก ๆ ผ่านไปสักพักก็จะหมดความตื่นเต้นแล้วก็ไม่เห็นความสนุกในการเล่นเกมนั้น ไม่รู้จะเล่นไปทำไม โดนยิงเท่าไหร่ก็ไม่ตายเงินใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด
แปลว่าปัญหาหรืออุปสรรคก็ให้อะไรกับชีวิตเราได้เหมือนกัน อย่างแรกวันที่ปัญหาหรืออุปสรรคมันผ่านไปแล้วเราก็จะกลายเป็นคนที่มีความสุขทันที เปรียบเหมือนคนที่จะจมน้ำแล้วหายใจไม่ออกพอมีคนมาช่วย ได้กลับขึ้นมาหายใจปกติอีกครั้ง ลมหายใจนั้นก็จะเป็นลมหายใจที่มีความสุขมากกว่าลมหายใจปกติที่ทุกวันเคยมี
แต่ความสำคัญอันดับแรกในการเผชิญปัญหาคือต้องยอมรับให้ได้ก่อนว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นแล้ว ยอมรับว่าเกิดขึ้นแล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างใจเราหวัง แล้วไงต่อ? ถ้าเหตุการณ์นั้นมันยังคงอยู่ไม่หายไปไหนล่ะ? เราจะต้องอยู่กับมันไปทั้งชีวิตได้อย่างไร ถ้าเลือกหนีปัญหาไปเรื่อยๆ อาจจะไม่ต้องเผชิญปัญหาในวันนี้ แต่ในใจของเราก็ยังมีความกังวลอยู่ เหมือนเสี้ยนตำแล้วเอาออกไม่หมด สร้างความรำคาญใจให้เราไปเรื่อยๆ
ถ้าเลือกเผชิญกับมันล่ะ? แก้ปัญหาได้ก็ดี แก้ไม่ได้จะทำยังไง แก้ปัญหาไม่ได้ก็ต้องแก้ที่ใจเรา ที่มองว่าสิ่งนี้คือปัญหา มองใหม่ว่ามันไม่ใช่ปัญหา มันคือเรื่องปกติที่ต้องเจอ ทำใจอยู่กับมันให้ได้ ถ้าทำใจอยู่กับมันได้ ปัญหาก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ผมรู้จักกับศิลปินที่วาดภาพขายเป็นอาชีพ เค้าเสียมือขวาที่ใช้วาดภาพจากอุบัติเหตุ เสียแบบขาดหายไปเลย ในวันที่แผลยังไม่หายดี เหลือแค่ข้อมือ เค้าเริ่มจับดินสอเพื่อฝึกวาดรูปใหม่ด้วยมืซ้ายที่ยังเหลืออยู่ เค้ายอมรับว่า ชีวิตที่เหลือจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยจิตใจที่ยอมรับและเข้าใจกับอุปสรรคและปัญหาที่เกิดขึ้น ปัจจุบันมือซ้ายที่ถูกฝึกฝนก็กลับมาสร้างผลงานเพื่อเลี้ยงชีพได้ดีเหมือนเดิม
ความรู้สึกทางใจหรือมุมมองที่จะเห็นว่าปัญหา ไม่ใช่ปัญหา จะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจจะต้องทุกข์อย่างยาวนานจนทนไม่ไหวแล้ว หรือ บางคนอาจจะยอมรับแล้วอยู่กับมันได้อย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ชีวิตและจริตนิสัยเดิมของแต่ละคนด้วย
แต่จะช้าหรือเร็วคงไม่สำคัญเท่า เราได้ข้อคิดและความเข้าใจอะไรบ้างจากเหตุการณ์นั้น เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันไว้เผชิญกับปัญหาในครั้งต่อไป
aum_chumphon ปรึกษาลุงตู่สิอุ๋ย! เผื่อลุงตู่จะช่วยได้
17 ต.ค. 2562 เวลา 12.20 น.
Raksak⭕v💢 คุณมีแนวคิดดีมาก อย่างน้อยก้อไม่ใช่แค่ใช้ภาษพูด แต่เรียบเรียงมาอย่างดี
16 ต.ค. 2562 เวลา 07.25 น.
พอเราขึ้นเราอย่าแหงนหน้าอย่างเดียว ต้องก้มหน้าลงมามอง เหมือนที่เราเคยเป็น แค่นี้ผมว่าพอแล้วครับ ชีวิตก็เป็นสุขแล้วครับ
15 ต.ค. 2562 เวลา 16.29 น.
ทุกๆคนจะมีวิธีแก้ปัญหาในแบบของตัวเอง...
15 ต.ค. 2562 เวลา 14.46 น.
ถ้าชีวิตมันยาก เดินไปก็เจออุปสรรคบ่อยๆ ต้องตั้งสติและทบทวนตัวเอง ว่า ที่เราได้กระทำ หรือดำเนินชีวิตมาจนเจออุปสรรคนั้น เราเองรึเปล่าที่สร้างอุปสรรคขึ้นมาเพราะไม่คิดให้รอบคอบไม่ฟังหรือใส่ใจคำท่านผู้รู้ได้ตักเตือน อย่างเช่นเรื่องครอบครัวการมีลูกมีหลาน แล้ววันนึงต้องลำบากกายใจเพราะลูกหลานคู่ครอง ไม่ว่าจะเรื่องค่าใช้จ่าย เค้าโดนทำร้าย หรือไปทำร้ายเค้า คนรักนอกใจ คิดให้ดี ใคร เป๋นคนเริ่ม้เรื่อง การมี ทั้งหมดนั้นมา ไร้ซึ่งเหตุ ย่อมไม่มีผล ถ้าชีวิตมันยังยากและมีอุปสรรคเยอะ แสดงว่ามันยังผิดวิธี
15 ต.ค. 2562 เวลา 11.51 น.
ดูทั้งหมด