13 ธ.ค. 62 - เฟซบุ๊กเพจ "ยูดีดีนิวส์" โพสต์ความเห็น นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็๗การแห่งชาติ(นปช.) โดยมีเนื้อหาดังนี้
เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของระบอบอำมาตย์ฯ ไทย ที่ไม่เปลี่ยน!!!
โดย อ.ธิดา ได้กล่าวว่า ปรากฏการณ์ในกรณีที่ กกต. ชงเพื่อให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ผลจะเป็นอย่างไรอันนั้นก็น่าจะทำนายได้ ดิฉันจะไม่พูดถึง แต่ดิฉันอยากจะเริ่มด้วยเรื่องราวที่ทำให้เราไม่แปลกใจถ้าเราเข้าใจปัญหาความขัดแย้งที่เข้าสู่หลักทฤษฎี
ในกรณีนี้ดิฉันจึงต้องพูดประเด็นว่า ระบอบอำมาตย์ฯ ไทย ที่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ไม่เคยเปลี่ยน ปกติดิฉันจะพูดยุทธศาสตร์เฉย ๆ ถ้าท่านผู้ชมอ่านที่ดิฉันเขียนลงเพจ อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ (คลิกอ่านได้ที่ https://www.facebook.com/…/a.21179353555…/2904534872943150/…) ดิฉันพูดถึงยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี อาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย แต่มีแต่ว่ายุทธวิธีเพิ่มขึ้น แต่ยุทธศาสตร์ที่ดิฉันพูดนั้นก็คือยุทธศาสตร์ที่ยังไม่คืนอำนาจให้กับประชาชน
แต่เนื่องจากข่าววันนี้ ทำให้ดิฉันต้องพูดยุทธศาสตร์ในประเด็นที่เป็นประเด็นจริง ไม่ต้องอมพะนำ ก็คือ เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ของการต่อสู้ เหมือนที่ดิฉันพูดในโรงเรียนนปช. ก็คือ "ยิงศรต้องมีเป้า"
หมายความว่าระบอบอำมาตย์ฯ ไทยต่อสู้เพื่อให้มีอำนาจอยู่ยาวนาน แต่ว่าก็ต้องมีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ถ้าไม่ใช่นักต่อสู้ก็จะมองเอาว่า เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่สร้างสรรค์ เช่น เป้าหมายเพื่อนำไปสู่ระบอบอำมาตย์ฯ แบบไหน หรือเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่จะสร้างประชาธิปไตยแบบไหน
แต่จริง ๆ ถ้าเป็นการต่อสู้ เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ก็คือเป้าหมายของการทำลายล้าง ของการกำจัด ปรากฏการณ์วันนี้มันแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ดิฉันจำเป็นต้องพูดออกมาตรง ๆ ก็คือ คุณธนาธรคือเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในยุคใหม่ (ยุคนี้) นั่นเอง
ถ้าเราพูดถึงเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในอดีตแรกเลยนับจากมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครอง 2475 เป็นต้นมา เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของระบอบอำมาตย์ฯ ที่ต้องจัดการ เราจะเห็นไม่ว่าจะเป็น "กบฎบวรเดช" ซึ่งไม่สำเร็จ หรือ สำเร็จในยุคต่อมา เช่น มีการรัฐประหารในปี 2940 หรือการกำจัด อ.ปรีดี เราพูดได้ว่าเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ในตอนต้นของการเปลี่ยนแปลงปกครองก็คือ "คณะราษฎร" และตัวบุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือ อ.ปรีดี พนมยงค์
หลังจากนั้นรัฐประหาร 2490 ก็ต้องจัดการสิ่งที่ยังเป็นสิ่งที่เหลือจาก "คณะราษฎร" แม้นจะเคยร่วมมือกัน ก็คือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถัดมาเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ยุคที่ 2 ก็คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) เพราะเขาประกาศตัวในฐานะอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งก็เป็นที่รู้กันว่าต้องการนำประเทศเข้าสู่สังคมนิยม แม้กระทั่งสังคมที่มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ (พูดง่าย ๆ ว่าเขาอยากจะก็อบปี้การต่อสู้ของประเทศจีน ที่นำโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั่นแหละ)
ป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของระบอบอำมาตย์ฯ ไทยเป้าที่สามคือนายทุนที่เขาขนานนามว่า "นายทุนสามานย์" ก็คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และคณะ ซึ่งหมายถึงพรรคไทยรักไทย รวมทั้งผู้สนับสนุนทั้งปวง และในนี้ก็รวมคนเสื้อแดง, นปช. นี่คือเป้าหมายทางยุทธศาสตร์รุ่นที่ 3 ซึ่งยังกำจัดได้ไม่หมด แต่ในทันใดนั้นก็เกิดปรากฏตัวของเสือตัวใหม่ เป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ที่ 4
ดังนั้นเป็นเรื่องที่เราทำนายกันมาก่อนแล้วว่า ในที่สุดเสือตัวใหม่ซึ่งดูจะน่ากลัวกว่าเสือตัวเก่า เพราะเสือตัวใหม่สามารถเชื่อมโยงกับเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ตลอดจนปัญญาชนและคนจำนวนหนึ่งซึ่งเคยปฏิเสธ ดร.ทักษิณ ชินวัตร แต่เขาสามารถยอมรับคุณธนาธร, ยอมรับพรรคอนาคตใหม่ได้ การยอมรับอันนี้หมายความว่า เกิดแนวร่วมผู้รักประชาธิปไตยและต่อต้านการสืบทอดอำนาจที่ขยายตัวกว้างขวางใหญ่โตขึ้น
ดังนั้นเสือตัวเก่าก็กำจัดไปอย่างหนักแล้ว ใช้วิธีรุนแรงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธ คือการปราบปราม การจับกุมคุมขัง การถูกดำเนินคดีต่าง ๆ การยุบพรรคการเมืองไม่รู้กี่ตลบ ทันใดนั้นก็เกิดเสือตัวใหม่ซึ่งดูน่ากลัวว่าเสือตัวเก่า
ปรากฏการณ์อันนี้ก็เป็นการสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของระบอบอำมาตย์ฯ ไทย ซึ่งไม่เคยเปลี่ยน คือไม่ยอมคืนอำนาจให้กับประชาชน และยังไม่สามารถยอมรับระบอบประชาธิปไตยได้ ดูได้จาก ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ยังโจมตีการสืบทอดอำนาจโครม ๆ แต่ทันใดนั้นก็บอกว่าถ้าปล่อยไปพรรคดร.ทักษิณก็ชนะ แล้วไง? ถ้าอย่างนั้นแปลว่าคุณมีปัญหากับบุคคล คุณไม่ได้มีปัญหากับระบอบ
ในขณะที่สำหรับคนรุ่นใหม่ สำหรับแนวร่วมผู้รักประชาธิปไตย รักความยุติธรรมทั้งปวงนั้น เราก้าวข้ามสีเสื้อ ก้าวข้ามพรรคการเมือง ขอแต่เพียงว่าให้เป็นกลุ่มคนรักประชาธิปไตย รักความยุติธรรม และต่อต้านการสืบทอดอำนาจ อันนี้ก็จะเป็นแนวร่วมที่กว้างใหญ่ไพศาลซึ่งจะทวีกำลังมากขึ้นนะ
คือคุณจัดการกับเสือตัวเก่า … เกิดเสือตัวใหม่ ผนึกกำลังกับเสือตัวเก่าหรือเปล่า…ไม่รู้? แต่ว่าปรากฏการณ์วันนี้ตามข่าวจาก "ข่าวสด" ระบุเลยว่า
"ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ปม "ธนา"ร" ปล่อยกุ้พรรค 191 ล้านบาท ชี้มีเหตุอันเชื่อได้ว่าเป็นการรับบริจาคเงินโดยแหล่งที่มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 72 ของกฎหมายพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ตามมาตรา 92 (3) ของกฎหมายพรรคการเมือง"
ซึ่งมาตรา 92 ระบุว่า "เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น"
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่ล้มล้างการปกครองหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย แต่มาอยู่ (3) ก็มีเหตุอันควรสงสัย เป็นการกระทำการฝ่าฝืนตามมาตรา 20 (2) มาตรา 28, มาตรา 30, มาตรา 36, มาตรา 44, มาตรา 45, มาตรา 46, มาตรา 72 หรือ มาตรา 74 เยอะแยะไปหมด
แต่ว่า กกต. เป็นองค์กรอิสระซึ่งเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญ 40 โดยหวังจะใช้เป็นเครื่องมือของประชาชนในการตรวจสอบถ่วงดุลนักการเมือง พรรคการเมือง แต่ กกต. มันต้องมีที่มาจากประชาชน เพราะที่ผ่านมา กกต. มาจากวุฒิสมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้ง
แต่รัฐธรรมนูญ 50 และรัฐธรรมนูญ 60 กกต. ไม่ใช่เครื่องมือของประชาชนอีกต่อไปแล้วที่จะมาถ่วงดุลอำนาจ แต่ กกต. กลับกลายเป็นเครื่องมือของคณะรัฐประหารและการสืบทอด (เราก็รู้กันอยู่)
ขณะนี้องค์กรอิสระทั้งหลายทั้งปวง หรือกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งวุฒิสมาชิก สนช. ล้วนมีที่มาจาก คสช. ทั้งสิ้น พูดง่าย ๆ ว่าเป็นองค์กรอิสระอันสืบทอดอำนาจมาจากการทำรัฐประหารทั้งสิ้น
สุดท้ายไม่เรียกว่าคานอำนาจด้วยซ้ำ แต่สามารถมาจัดการอำนาจของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน 6 ล้านกว่าเสียง ถ้าคุณเอาคน 6 ล้านกว่าคนมายืน ถามว่าจะยืนกันตรงไหน แต่ว่าองค์กรอิสระปัจจุบันที่มีที่มาจากคณะรัฐประหาร สามารถทำได้!
ไม่ใช่ปรากฏการณ์นี้อย่างเดียว ยังมีปรากฏการณ์ผนึกกำลังระหว่าง "หมอวรงค์" กับ "นายสุเทพ เทือกสุบรรณ" จะตั้งเวทีทั่วประเทศสู้ "อนาคตใหม่" จะพูดถึงประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์กับคนไทย และประเด็นการเมือง นี่หมายความว่าอะไร???
นี่ก็คือส่วนหนึ่งของเครือข่ายระบอบอำมาตย์ฯ ในด้านที่เกี่ยวข้องกับการสร้างม็อบอนุรักษ์นิยม…ใช่หรือไม่?
วันก่อนเราพูดถึงกิจกรรมมีคน "วิ่ง-ไล่-ลุง" ก็มีคนออกมา "วิ่ง-ตาม-ลุง" ความจริงเรามองในแง่ขำขัน ไม่ใช่เรื่องซีเรียส
แต่มาอันนี้ของ "หมอวรงค์กับสุเทพ" ไม่ใช่เรื่องขำขันนะ แปลว่าเอาจริง ถามว่าคนเหล่านี้คืออะไร? เขาก็คือส่วนหนึ่งของเครือข่ายระบอบอำมาตย์ฯ
แล้วศรีสุวรรณคืออะไร? ก็เป็นส่วนหนึ่งของมือชง โดยมีองค์กรอิสระรับเรื่องต่อมา หนึ่งองค์กร สององค์กร แล้วนำต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญ
ในทัศนะของอ.ธิดา เครือข่ายเหล่านี้ก็คือของระบอบที่ไม่ได้มีที่มาจากประชาชน ไม่รู้จะเรียกอะไร ก็ต้องเรียกว่า เครือข่ายระบอบอำมาตย์ฯ ที่สืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารด้วย นั่นก็เป็นเครือข่ายระบอบอำมาตยฯ จารีตนิยม อำนาจนิยม นั่นเอง
แล้วตัวละครตัวหนึ่งซึ่งน่าเสียดาย ความจริง ร.7 ท่านก็เคยตรัสว่า คนในราชตระกูลนั้นไม่ควรจะมาขับเคลื่อนทางการเมือง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมควรจะหาตัวเอง แต่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ได่โพสต์โจมตี อ.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ โดยโพสต์ว่า "โลงมีไว้ใส่คนตาย ไม่ใช่มีไว้ใส่คนแก่" เมื่อ อ.ชาญวิทย์ บอกว่า
"นี่เขายังหนุ่มไม่เป็นไร เขายังมีอายุต่อไป ที่จะสามารถทำการอันยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงประเทศได้"
รีบขู่เลยว่า "โลงมีไว้ใส่คนตาย ไม่ใช้มีไว้ใส่คนแก่"
แล้วกล้ามาก บอกว่าถ้าใครไปพูดมากจะฟ้อง ม.112 อ.ธิดาถามว่า รู้หรือเปล่าว่า ม.112 เขามีไว้สำหรับใคร?
ม.112 มีไว้สำหรับ 1) พระมหากษัตริย์ 2) พระราชินี 3) รัชทายาท 4) ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
แล้ว ม.จ.จุลเจิม เป็นใคร? อันนี้เป็นความเหิมเกริมที่รู้สึกว่าตัวเองชนะมาโดยตลอด คณะราฎษรก็หายไป พรรคคอมมิวนิสต์ก็หายไป ดร.ทักษิณ (ในทัศนะของเขา) ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ ประหนึ่งว่าชนะมาหมด แต่ดิฉันว่าท่านเข้าใจผิดนะ ที่ท่านคิดว่าชนะนั้น มีความพ่ายแพ้อยู่เป็นด้านหลัก แล้วคนที่ท่านคิดว่าเขาพ่ายแพ้
ถามว่าคนลืมคณะราษฎรไหม? คนลืม อ.ปรีดี ไหม?
ถนนประชาธิปไตยเป็นถนนที่ทุกคนจะมุ่งเดินหรือเปล่า? หรือเขาจะเดินกลับไปสู่ระบอบอำมาตย์ฯ คนจำนวนแค่ไหนที่จะเดินถอยหลัง คนส่วนใหญ่เขาจะต้องเดินไปในทิศทางที่ก้าวหน้าทั้งสิ้น แน่นอนในระหว่างการเดินอาจจะถูกปราบปราม อาจจะถูกจัดการ แต่ว่าถนนสายประชาชนนั้นเป็นถนนที่มีคนสืบทอดต่อ
ดิฉันมองว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้ ที่มีการจัดการโดย กกต. ไม่เป็นที่หน้าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีแพลมมาแล้วที่คุณช่อ พรรณิการ์ และหลายคนออกมาพูดในประเด็นที่ว่า เขาเรียกว่า "ธง" แต่ไม่เรียกว่า "ธง" ก็ได้ หมายความว่า ตั้งแง่คิด เพราะ กกต. เองก็ยอมรับว่า กกต. ไม่ได้มีมติตอนนั้น แต่เป็นการให้ความคิดทางกฎหมาย หรือบางคนก็ถือว่า ตั้งธงทางกฎหมาย ก็ได้ ก็แปลว่าที่เขียนออกมานั้นก็จริง และ ณ วันนี้ก็จัดการแล้ว โดยที่อ้างมาตรา เมื่อมีการยุบพรรค ก็ต้องลงโทษกรรมการบริหารตามมาก็ต้องตัดสิทธิ์ ยังไม่รู้คดีอาญาอย่างอื่นต่อไปอีกหรือเปล่า?
แต่ว่าชะตากรรมของคุณธนาธร, คุณปิยบุตร, คุณพรรณิการ์ และรวมทั้งอนาคตใหม่ คุณปิยบุตรเคยบอกว่าเป็นหนังม้วนเก่า หรือละครแบบบ้านทรายทอง แล้วก็เปลี่ยนตัวละครไปเรื่อย แต่ดิฉันพูดให้ตรง ๆ เลยว่า
"เป้าหมายทางยุทธศาสตร์นั้นมันมีเป็นยุค ยุคของ ดร.ทักษิณ ยังคาบเกี่ยวกันอยู่ ก็มามียุคของธนาธร
ซึ่ง ฐานของคณะราษฎร ฐานของความคิดฝ่ายซ้าย ฐานของสิ่งที่ดร.ทักษิณและพรรคไทยรักไทยทำมา และฐานที่คุณธนาธรทำนั้น มันยังเป็นถนนสายเดียวที่ต่อเนื่องเพื่อนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
คนอาจจะหาย อาจจะตาย อาจจะติดคุก แต่ว่าความคิด อุดมการณ์ ถูกสืบทอดมาเป็นลำดับ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยที่ระบอบอำมาตย์ฯ ไทย เครือข่ายอำมาตย์ฯ ไทย ยังไม่เปลี่ยนค่ะ อ.ธิดากล่าวในที่สุด
Tetris ยังคงวนเวียนกับอำมาตย์
บ้านเมืองไปไหนต่อไหนแล้ว
ป้ายังคงแผ่นเสียงตกร่อง
มุกเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้ว
13 ธ.ค. 2562 เวลา 02.42 น.
Aunn.ซี่แน่ จะเป็นป้าหรือยายดีล่ะจ๊ะนกแสก เขาทำตามกฎหมายทำถูกต้อง ยังไปกล่าวหาเขาอีก ได้ยินไม่อ่านกฎหมาย ให้ชัดเจน รอบคอบ ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละแล้ว นักกฎหมาย เป็นอาจารย์ดอกเตอร์ ภาพง่ายๆเนี่ย ต้องโทษตัวเองอย่าไปโทษระบอบระบบ เพราะเขาแก้มามากเพื่อให้มันดีขึ้น หยุดงมงายเถอะ
13 ธ.ค. 2562 เวลา 02.45 น.
หนุ่ม คนแก่ที่ถูกลืม น่าสงสารจัง เห่าแต่ละทีต้องเห่าเบาๆ เด่วฟันปลอมหลุด
13 ธ.ค. 2562 เวลา 02.42 น.
จุ๋ม อ้าวนังนกแสกยังอยู่ฤานึกว่าไปไม่กลับแล้วกลับมาอีกครั้งก็คิดทำความดีเพื่อบ้านเมืองบ้างอย่าเป็นพวกแดงกลายพันธุ์เป็นส้มเน่าอีกละเดี๋ยวจะติดคุกตอนแก่
13 ธ.ค. 2562 เวลา 03.22 น.
สุรศักดิ์ ตะพาบน้ำ อีนี้มึงยังไม่ตายอีกเกรอสมองมึงคิดได้แค่เนียนะพวกสมองกวง
13 ธ.ค. 2562 เวลา 03.21 น.
ดูทั้งหมด