ในค่ายเยาวชนบนเกาะสมุย มีเด็กมัธยมต้นจากหกโรงเรียนรวมกัน30 คน
แนวคิดหลักของค่ายชื่อ เป็น..อยู่..คือ..นั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เราเห็นว่าเรื่องใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นประเด็นที่น่าสนใจ
เลยลองถามเด็กๆ ว่า การเอาลิงมาเลี้ยงเพื่อเก็บผลมะพร้าวนั้น เด็กๆ เห็นว่าสมควรหรือไม่
เด็กบางคนว่าสมควร เพราะใช้แบบนี้มานาน เป็นวิถีมาแต่โบราณ
เด็กบางคนว่าไม่สมควร เพราะรู้สึกสงสารคล้ายจะทรมานลิง
เมื่อปล่อยให้เด็กแสดงความคิดเห็นกันพอสมควรแล้ว
เราลองให้เด็กๆ ยกมือโหวตว่าสมควรใช้ลิงขึ้นต้นมะพร้าวหรือไม่
ปรากฏว่าเด็กๆ ยกมือว่าสมควร15 คนยกมือว่าไม่สมควร12 คน อีก 3 คนไม่ออกเสียง
คราวนี้จึงลองให้เด็กๆ แสดงความคิดเห็นใหม่อีกครั้ง ตามแนวทางของนักคิดชื่อ เดอโบโน่ที่เคยอ่านเจอ
นั่นคือ ลองให้เด็กๆแสดงความคิดเห็นทีละด้าน
คือแทนที่จะให้ถกเถียงกันว่าใช้ลิงขึ้นต้นมะพร้าว ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ สมควรหรือไม่สมควร ทรมานหรือไม่ทรมาน
แต่ขอให้แต่ละคนใช้วิธีพูดแสดงความคิดความเห็นเฉพาะข้อดีให้เสร็จเสียก่อน แล้วจึงค่อยให้แต่ละคนพูดถึงข้อเสีย
โดยถามเด็กๆ ว่า ไหนลองบอกข้อดีของการใช้ลิงขึ้นมะพร้าวมาคนละข้อสิ
เด็กก็บอกว่า
เพราะประหยัดเวลา/เพราะคนจะได้ไม่ตกต้นมะพร้าว/เพราะคนไม่เหนื่อย/เป็นต้น
หลังจากนั้น ก็ให้เด็กแต่ละคนลองบอกข้อเสียของการใช้ลิงขึ้นมะพร้าวทีละคนทีละข้อ
เด็กๆ ก็บอกว่า
ลิงเหนื่อย/เปลืองข้าวลิง/ลิงอาจกัด/ เป็นต้น
เมื่อเด็กแต่ละคน แสดงความคิดเห็นทีละด้าน นอกจากเด็กๆ จะไม่ต้องถกเถียงกันแล้ว
ดูเหมือนพวกเขาจะกล้าพูดกล้าแสดงความคิด และดูจะลื่นไหลมากกว่าตอนต้องแสดงความคิดเห็นแบบเลือกข้างใดข้างหนึ่ง บางความคิดก็พูดขำๆ ออกมาบรรยากาศไม่ตึงเครียด
สิ่งสำคัญเด็กคนเดิมหรือคนเดียวนั้น สามารถแสดงความคิดเห็นได้ทั้งสองฝ่ายคือแสดงทั้งข้อดีกับข้อไม่ดี เพียงแต่แสดงกันคนละช่วงเวลา
หลังจากให้เด็กแสดงความเห็นครบครันทั้งสองด้าน เกือบทุกคนได้พูดที่อยากจะพูดไปหมดแล้ว…..
ทีนี้ลองโหวตกันใหม่
ปรากฏว่าผลโหวตเปลี่ยนไป จากที่โหวตหนแรกมีเด็กเห็นว่า ไม่ควรใช้ลิงขึ้นมะพร้าว12 คนเปลี่ยนเป็นผลโหวตว่าไม่ควรใช้ 21 คน
จำตัวเลขนี้ได้แม่นเพราะมันสลับตัวเลขจาก12 เป็น21
แค่เราเปลี่ยนวิธีแสดงความคิดเห็นเพียงแค่ไม่กี่นาที
หลังจากลองใช้สองวิธีแตกต่างกันผลโหวตก็พลันเปลี่ยนไป
ในที่ประชุม และวงเสวนา ตอนนั้นไม่มีผู้ใหญ่คนใดแสดงความคิดเห็นชี้นำ ไม่มีการให้ดูข้อมูล หรือภาพใดประกอบการตัดสินใจ ไม่มีทัศนะจากนักวิชาการ นักอนุรักษ์ หรือนักเทศน์ใดๆ
ไม่ได้มีครูหรือใครบีบบังคับให้เด็กๆเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงความคิดความเห็น
พวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างอิสระปราศจากการครอบงำ
เป็นแค่การใช้เครื่องมือง่ายๆในการแสดงความคิดเท่านั้น
ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากศุ บุญเลี้ยง ได้ทุกวันพุธ บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจศุ บุญเลี้ยง
่kanokbhorn การสอนให้เด็กรู้จักคิดเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ต้องสอนให้ครบวงจรด้วย เมื่อไม่เห็นด้วยแล้ว คำถามต่อไปคือ
ถ้าที่บ้านใช้ลิงขึ้นมะพร้าว เด็กจะทำอย่างไร เมื่อโหวตว่าไม่เห็นด้วย
เด็กจะช่วยแก้ปัญหานี้อย่างไร
ปล่อยลิงเข้าป่า
แล้วเด็กจะช่วยเก็บมะพร้าวแทนลิงไหม
และยังต้องไปช่วยกันปกป้องป่าจากการรุกล้ำของชาวบ้าน ที่ทำให้สัตว์ป่าต้องออกมาจากป่าเพื่อหาอาหารด้วย
ถ้าเด็กคิดแก้ปัญหาได้ครบวงจร ด้วยการคิดลงมือทำเอง ไม่ใช่ผลักภาระไปให้คนอื่นแก้ปัญหาที่ตัวเองไม่เห็นด้วยได้
จึง จะเป็นการฝึกเด็กให้ช่วยสังคมและชาติได้
13 ส.ค. 2563 เวลา 04.58 น.
ธรรมชาติๆๅ
12 ส.ค. 2563 เวลา 12.55 น.
จอย_ดารารัตน์ Dararat เมื่อโลกกำหนดให้คนมีวามารถแพ้ลิงในเรื่องกระโดดโลดโผน ธรรมชาติสร้างสรรค์มาได้อย่างเหมาะสม เมื่อรู้ว่าคนนั้นฉลาดและลิงนั้นสามารถ คนจึงฉลาดที่จะสอนให้ลิงช่วยคน การให้ลิงช่วยไม่ได้ทรมาน ถ้าคุณให้ช่วยอย่างเหมาะสม ความสมดุลย์แห่งชีวิตจะสอนให้ ถ้อยทีถ้อยอาศีย และความเห็นแก่ตัวจะหมดไป ความดีงามจะเกิด คนพัฒนาสมองและความดี ลิงพัฒนาความไวความแข็งแรง
12 ส.ค. 2563 เวลา 12.13 น.
i,u168 สื่อได้ดี แต่ชีวิตจริงมันจะมีผลกระทบมากกว่าที่เป็นอยู่ ประเทศชาติควรมีที่ยึดเหนี่ยว เพราะความเป็นไทย
12 ส.ค. 2563 เวลา 11.21 น.
Pim56 ให้เด็กๆอ่านคงจะเข้าใจมั้ง
12 ส.ค. 2563 เวลา 11.20 น.
ดูทั้งหมด