หุ้น การลงทุน

ปัญหาเรื่อง “การออม”... ไม่ได้เกิดจากทัศนคติทางการเงินที่ผิดๆ เพียงอย่างเดียว !!!

Wealthy Thai
อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 27 ก.พ. เวลา 02.02 น. • ดร.ธนัยวงศ์ กีรติวานิชย์

Where2put Ur Money: รู้กันไหมครับว่า ผลการสำรวจของ “ธนาคารแห่งประเทศไทย” และ สำนักงานสถิติแห่งชาติ” ในช่วงปีที่ผ่านมาให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันว่า คนไทยมีพัฒนาการของระดับความรู้ตลอดจนทักษะทางด้านการเงินที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงวัย โดยพัฒนาการดังกล่าวจะมีลักษณะเป็นเส้น Hump Shape” (คล้ายภูเขา หรือโหนกอูฐ) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนไทยมีการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะทางการเงินตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่จะเริ่มมีความรู้ และทักษะทางการเงินที่แย่ลงเมื่อมีเข้าสู่ช่วงสูงวัย แต่ที่น่าแปลกใจคือ ผลการสำรวจกลับพบว่า คนไทยมีทัศนคติทางด้านการเงินที่แย่ลงโดยเฉพาะเรื่องการออม!
“แม้ว่า จะมีความรู้ และทักษะทางการเงินที่เพิ่มขึ้น แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับมีความสุขกับการใช้เงินมากกว่าการออม ชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่เพื่อวันนี้โดยไม่คิดที่จะวางแผนเพื่ออนาคต เพราะเชื่อว่า เรื่องการวางแผนโดยเฉพาะเรื่องการเงินเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนวุ่นวาย และเป็นเรื่องเฉพาะของกลุ่มคนที่มีเงินเท่านั้น ขอแค่มีเงินพอใช้จ่ายในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว”
นอกจากนี้ ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่มีความเชื่อผิดๆ อย่างเช่น ถ้าอยากรวยเร็วก็ต้องกล้าที่จะเสี่ยงหาวิธีรวยทางลัดโดยไม่ยั้งคิด มีเงินก็ต้องรีบใช้เพราะตายไปก็เอาไปไม่ได้ หรือมีอะไรที่อยากได้ก็ต้องรีบซื้อ ถ้าเงินไม่พอก็ค่อยๆ ทยอยผ่อนจ่ายไปก่อน เพราะกลัวตกกระแสไปกับคำพูดยอดฮิตที่ว่า ของมันต้องมี และต้องการได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนๆ หรือคนรอบข้าง เป็นต้น จึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องการออมในสังคมไทยขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการออมกลับไม่ได้เกิดจากทัศนคติทางการเงินที่ผิดๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น ดังนี้

  • ปัญหาการมีภาระรายจ่ายสูงแต่กลับมีรายได้ต่ำ หรือที่เรียกกันว่า “รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย” ซึ่งหลายคนอาจมีทั้งภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน และภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายชำระคืนสูง จนทำให้ไม่มีเงินเหลือสำหรับเก็บออม

แต่ที่หนักยิ่งกว่า ก็คือ กลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำ แต่กลับมีรสนิยมที่หลงระเริงไปกับการใช้จ่ายเงินเพื่อสร้าง ‘Life Style’ ที่หรูหรา ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้ไม่มีเงินออม หากยังอาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินตามมาในอนาคตอีกด้วย”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
  • การขาดวินัยในการออมเงิน หรือมีวินัยไม่มากพอ ขาดความอดทน และสม่ำเสมอ ไม่มีความพยายาม หรือแรงจูงใจที่มากพอจะบังคับตัวเอง จนทำให้ต้องนำเงินออกมาใช้จ่าย เพราะไม่สามารถทนต่อกระแส หรือสิ่งล่อใจต่างๆ ทั้งหลายได้

  • การออมที่ไม่เพียงพอ หรือเก็บออมได้ค่อนข้างน้อย มีเพียงพอที่จะนำมาใช้ได้ในระยะเวลาอันสั้นๆ เท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะนำมาใช้อย่างต่อเนื่องในระยะยาวได้ นอกจากนี้ ถ้ามีปัญหาการหดหายของรายได้ และผลกระทบของเงินเฟ้อเกิดขึ้นด้วย ก็จะยิ่งส่งผลกระทบด้านลบต่อจำนวนเงินออมหนักมากยิ่งขึ้น

  • การเริ่มต้นออมที่เงินช้าเกินไป จนทำให้เหลือระยะเวลาในการออมลดน้อยลง แน่นอนว่า การเริ่มต้นออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินจำนวนน้อยนิด แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานกว่าย่อมจะช่วยสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่านั่นเอง

  • การออมเงินในทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนน้อย โดยคนไทยส่วนใหญ่นิยมออมเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ซึ่งแม้ว่าจะมีสภาพคล่องสูง และความเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินต้นต่ำ แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำมาก

  • การที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ หรือมรสุมชีวิต ซึ่งอยู่นอกเหนือจากแผนที่ได้คาดการณ์เอาไว้ จนเป็นเหตุให้ต้องนำเงินออมออกมาใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อเงินออมโดยตรง

แม้ว่า ภาครัฐจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องการส่งเสริม และกระตุ้นให้เกิดการออมของภาคประชาชน และครัวเรือนมากขึ้น แต่ท้ายสุดก็อยู่ที่ตัวทุกคนเองในการที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติ และพฤติกรรมการใช้จ่ายให้ดีขึ้น เพื่อที่จะได้มีเงินออมพอใช้ได้ไปตลอดชีวิต แน่นอนว่า “ตายไปแล้วเงินยังไม่หมด” ยังไงก็ดีกว่า “เงินหมดแล้วแต่ยังไม่ตาย” นะครับ

ดูข่าวต้นฉบับ