เมื่ออาชญากรร้ายพ้นคุกแต่ไร้สำนึก ฝ่าฝืนการควบคุมของกำไลข้อเท้าอิเล็คโทรนิคส์เจ้าหน้าที่คุมประพฤติจึงต้องมี ‘เจ้าหน้าที่สายดำ’ มาเป็นคู่หูนักบู๊ร่วมกันพิทักษ์ประชาชน
Officer Black Belt เป็นผลงานของผู้กำกับเจสันคิม งานเด่นๆก่อนหน้านี้ของเขาก็มี Midnight Runners (2017), The Divine Fury (2019), My Heart Puppy (2023) และซีรีส์Bloodhounds (2023) เรื่องนี้มาในแนวของบันเทิงแอ็กชัน อาชญากรรม ควบคอมเมดี้ด้วย จึงเป็นงานดูง่าย สนุกเพลินๆ อารมณ์ใกล้เคียงแบบ Midnight Runners พ่วงได้ส่องการทำงานในอีกวิชาชีพที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม คือเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ที่พ้นโทษแต่ยังวางใจไม่ได้ ด้วยกำไลข้อเท้าอิเล็คโทรนิคส์ (EM) ซึ่งก็ไม่ได้แค่นั่งโต๊ะจับสัญญาณ แจ้งเตือน เจรจาหว่านล้อมเท่านั้น แต่ในบางครั้งก็ต้องออกงานภาคสนามติดตามด้วยตัวเอง ไปจนถึงอาจต้องใช้กำลังในการระงับเหตุร้ายเฉพาะหน้าด้วย ที่ต้องใช้ความกล้าหาญและความเสียสละอันน่ายกย่อง จึงเกิดเป็นเรื่องราวของ ‘เจ้าหน้าที่สายดำ หรือ Officer Black Belt’ ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้
อีจองโด (รับบทโดย คิมอูบิน) หนุ่มธรรมดาๆคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตสนุกมีพลังในแบบฉบับของตัวเอง สนุกกับการออกกำลังกาย จึงมีฝีมือในกีฬาทั้งเทควันโด ยูโด เคนโด ยามว่างจากเป็นพนักงานเดลิเวอรี่ที่แข็งขันเต็มที่ให้ร้านไก่ทอดของพ่อแล้ว ก็มาสนุกเต็มที่กับเกมทีมต่อสู้ออนไลน์ร่วมกับแก๊งเพื่อนซี้ คือ นักเขียนคัง (รับบทโดย คังฮยองซอก) นายเหนอะหนะ (รับบทโดย คิมโยฮัน) และ นายไส้เดือน (รับบทโดย ชาวังฮยอน)
วันหนึ่ง เขาเผอิญผ่านไปเห็นเหตุร้ายและได้ช่วยโชมินโจ (รับบทโดย พัคจียอล) เจ้าหน้าที่สายดำที่เพลี่ยงพล้ำในการต่อสู้กับคนร้าย เป็นเหตุให้เขาได้รู้จักกับ คิมซองมิน (รับบทโดย คิมซองกยุน) หัวหน้าของทีมคุมประพฤติที่สอดส่องคุมประพฤตินักโทษพ้นคุกต่ออีกระยะหนึ่งด้วยกำไล EM เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อการขัดขืนกฎและก่อเหตุรุนแรงซ้ำได้อีก จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเก่งการต่อสู้เป็นพิเศษ มาสกัดจับการก่อเหตุให้ได้ คิมซองมินจึงทาบทามให้อีจองโดรับจ๊อบชั่วคราว 5 สัปดาห์แทนโชมินโจที่บาดเจ็บจนต้องพักรักษาตัวระยะหนึ่ง
มันช่างเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ให้ความสนุกกับอีจองโด เขาจึงทำงานได้ดี ประจวบจังหวะที่มีอัตราจ้างเพิ่ม เพื่อรองรับการคุมประพฤติอาชญากรร้ายรายหนึ่งที่กำลังจะออกจากคุก อีจองโดจึงสมัครใจสวมเครื่องแบบตำแหน่ง ‘เจ้าหน้าที่สายดำ’ เป็นทางการ
เป็นไปตามคาดที่วายร้ายรายนี้คังกีจุน (รับบทโดย อีฮยอนกอล) ผู้เคยก่อคดีอาชญากรรมทางเพศเด็กมามากมาย ก็ทำชั่วครั้งใหม่อีกอย่างไม่กริ่งเกรงกฎหมาย แม้จะยังสวมกำไล EM อยู่ก็ตาม โดยมีทีมคนชั่วอื่นมาสมทบก่อคดีซับซ้อนมากขึ้น สร้างอันตรายทวีคูณ การจัดการกับแก๊งอาชญากรนี้จึงไม่ง่ายอย่างที่คิด และอันตรายเกินคาด สำหรับอีจองโด งานนี้จึงเริ่มไม่ใช่แค่เรื่องของความสนุกเสียแล้ว การพลาดบาดเจ็บรุนแรงของตน ยิ่งทำให้เขาเห็นค่าของภารกิจที่มีเดิมพันเป็นอนาคตของเด็กๆที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา การฮึดกลับไปสู้ร่วมกับเพื่อนๆอีกครั้ง ก็เพื่อใช้พลังจัดเต็มจากกายและใจ ส่งออกไปสร้างความสุขให้ผู้คนได้
อย่างที่เกริ่นไว้แต่ต้นว่าหนังเป็นแนวบันเทิงย่อยง่าย เนื้อหาและการเดินเรื่องตรงไปตรงมา จนอาจทำให้ครึ่งแรกของหนังดูเรียบง่ายแซมอมยิ้มชิลๆน่ารักๆบ้าง ปูเรื่องก่อนจะเข้าครึ่งหลังที่ตัวร้ายสายแข็งออกฉาก สร้างสถานการณ์คับขันให้ชวนลุ้นและบีบอารมณ์สะเทือนใจ (น้องนักแสดงเด็กเล่นได้อารมณ์ดีมาก) เพื่อส่งต่อให้ครึ่งชั่วโมงท้ายเรื่องพีคฮึกเหิมชวนเชียร์มากขึ้น
เทียบกับสเกลฟอร์มงานแล้ว ก็ถือว่าทำได้คุณภาพดีพอควร แม้รวมๆจะไม่ได้สนุกจัดแหวกแนวนัก แต่เมื่อมีคิมอูบินเป็นแม่เหล็ก ก็โดนใจเอาอยู่แล้ว ไม่ผิดหวังที่รอคอย นอกจากจะหล่อน่ารักมาก (หล่อล่ำขึ้นจากน้ำหนักที่เพิ่มมา 8 กก.) ยังเสิร์ฟฉากแอ็คชันรัวๆเกือบตลอดเรื่องเลยนะ ลีลาบู๊เตะต่อยทุ่มคู่ต่อสู้น่าดูด้วยแขนขายาวๆ เท่ได้จริงจัง ทุกฉากของเขาดูเพลินมาก ได้อารมณ์ถึงขั้นทำเราเผลอร้องโอ๊ยตามในฉากที่อีจองโดเจ็บเนื้อเจ็บตัวด้วย แต่ที่สุดแล้วก็ได้ปิดเกมด้วยความฟิลกู้ดไปพร้อมๆกับจิตใจที่เติบโตและพองฟูของเขา
นอกเหนือจากนักแสดงหลักที่เอ่ยไป ก็ยังมีนักแสดงอื่นที่ร่วมบทบาทสำคัญในเรื่องอีกหลายๆคน เช่น อีแฮยอง คิมจียอง ซนซังยอน อีจุงอก และนักแสดงรับเชิญ จีจินฮี มาร่วมปิดท้ายเรื่องราว
Trailer :
ติดตามบทความรีวิวอื่นๆ ข่าวสารบันเทิงเกาหลี หรือพูดคุยกับ WARUMANU ได้ที่ เพจมูฟวีข้ามวันซีรีส์ข้ามคืน