จีนได้ส่งคำตอบที่เป็นลายลักษณ์อักษรไปถึงสหรัฐเกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูปการค้าไม่ได้บ่งชี้ถึงหนทางที่จะนำไปสู่การเจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนซึ่งจะมีการพบปะกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงนอกรอบการประชุมG-20 ในวันที่30 พฤศจิกายนถึงวันที่1 ธันวาคมนี้ที่อาร์เจนตินา
ท่าทีของทั้งสองประเทศในขณะนี้ยังคงถูกจับตามองว่าห่างไกลกันมากกับการที่จะนำไปสู่การยุติสงครามการค้า ถึงแม้ว่าคำตอบของจีนนั้นจะมีถึง 142 ข้อและมีการยีนยันเจตนารมย์ต่อการปฏิรูปการค้าและการผ่อนคลายการลงทุนให้กับต่างชาติในจีนตามที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ประกาศเป็นเป้าหมายและยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจจีนในอนาคตที่กำหนดไว้ในระยะยาวถึง 30 ปี
ก่อนหน้านี้ ตลาดได้คาดหวังว่า หากจีนได้ตอบกลับข้อเรียกร้องของสหรัฐที่ต้องการให้จีนทำการปฏิรูปนโยบายการค้าอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐและจีนเปิดฉากเจรจาการค้าครั้งใหม่ และยุติสงครามการค้าที่มีความตึงเครียดมากขึ้นมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า คำตอบของจีนดังกล่าวจะสร้างความพอใจต่อประธานาธิบดีทรัมป์หรือไม่ โดยที่สหรัฐระบุก่อนหน้านี้ว่า การเจรจาการค้าจะไม่เกิดขึ้น จนกว่าจีนจะยื่นข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมต่อการปฏิรูปทางการค้า
ในหนังสือตอบกลับอย่างเป็นทางการของจีน 142 ข้อได้แบ่งออกเป็น 3 กรอบใหญ่ โดยแสดงเจตนาที่จะเกิดการเจรจา สำหรับแผนที่จะมีแนวทางการปฏิบัติต่อไป รวมทั้ง พร้อมที่จะทำงานร่วมกันและตัดสินใจแก้ปัญหาในสิ่งที่เป็นข้อจำกัดต่างๆ
สิ่งที่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อยุติสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ก็คือ การเจรจาพูดคุย และเปิดเผยต่อสิ่งที่เป็นปัญหาเพื่อกำหนดทิศทางออกที่ดีขึ้น ดังนั้น ขณะที่จึงเป็นเวลาที่เร็วเกินไป ที่จะดักทางสหรัฐที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจาก 10% เป็นอัตรา 25% ในวันที่ 1 มกราคม 2019
เนื่องจากในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบที่ 2 มูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ ที่ระดับ 10% และหลังจากนั้นจะเริ่มต้นเก็บในอัตรา 25% ต้นปีหน้า หลังจากที่มีการเก็บภาษีในอัตรา 25% มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ในรอบแรก
ส่วนจีนได้ตอบโต้สหรัฐด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐทั้ง 2 รอบ เป็นมูลค่า 117,000 ล้านดอลลาร์
และรอบที่ 3 ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกเป็นมูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์ หากไม่สามารถเจรจาจนบรรลุข้อตกลงระหว่างกันได้
โดยล่าสุด โฆษกของโรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ปฏิเสธรายงานข่าวของไฟแนนเชียล ไทม์ส สื่อของอังกฤษที่ระบุว่า โรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้กล่าวกับผู้บริหารกิจการอุตสาหกรรมสหรัฐถึงการที่รัฐบาลสหรัฐจะชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเอาไว้ชั่วคราว ซึ่งสะท้อนว่าความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มส่งสัญญาณคลี่คลายลง
ขณะที่วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ ได้ยีนยันว่า สหรัฐยังคงมีแผนจะปรับเพิ่มอัตราเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในตันปีหน้านี้ รวมทั้งไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ ยังคงย้ำว่า จีนจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามเย็นครั้งใหม่กับสหรัฐ
กฤติเดช สุขเนืองนอง หมา อำนาจฝรั่งเอามติ แซงชั่น เป็นอาวุธกับประเทศที่กลุ่มตนไม่สมประประโยชน์ หรือ ใช้เป็นประโยชน์ เช่น ไทย ทหารปฏิวัติ ฝรั่งแซงชั่น แต่พอสัมผัสได้ว่า ไทยเอียงจีน ฝรั่งก็ผ่อนปรน จึงฟันธงได้ ตัวเล็กต้องยอมตัวใหญ่ ตัวเท่ากันหรือมีพวก"กูไม่กลัวมึง"
16 พ.ย. 2561 เวลา 13.26 น.
cob ผมเห็นจากข่าวcnn bbcหรือtimeล้วนแต่บอกว่าทั้งฝ่ายรบ.หรือdemocratฝ่ายค้านต่างเห็นด้วยกับการจัดการกับจีนเพียงแต่พยายามยับยั้งทรัมป์กับสงครามการค้ากับยุโรปเช่นเรื่องเหล็กส่วนไทยน่าจะได้โอกาสดีถ้าบ้านเมืองเราสงบแต่ต้องมาจากระบบประชาธิปไตยนะครับไม่ใช่สงบจากระบบทหารไม่งั้นครั้งนี้เราอาจโดนแซงชั่นอย่านึกว่าเรื่องเล็ก การแซงชั่นจากมติสหประชาชาตินี่ใครก็ไม่กล้าคบเรานะครับ
16 พ.ย. 2561 เวลา 12.25 น.
ดูทั้งหมด