วันที่ 26 พ.ค.รศ.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์บทความเรื่องใครที่ควรสำนึกในบุญคุณของ"ป๋า"มากที่สุด? ที่เขียนโดยเวทิน ชาติกุล ผ่านเฟซบุ๊ค Suvinai Pornavalai โดยมีรายละเอียดดังนี้…วันนั้นถ้าไม่มีนโยบาย 66/2523 บ้านเมืองเราวันนี้จะเป็นอย่างไร? ขอความเห็นจากท่านผู้รู้ ท่านผู้รู้มั่งไม่รู้มั่ง และท่านผู้ไม่รู้ด้วย กับหนึ่งคำถามข้างบน ปี 2519 ขั้วขวาจัดกับซ้ายจัดถึงคราวแตกหักกันด้วยเหตุการณ์สังหารหมู่ที่สนามหลวงในวันที่ 6 ตุลาฯ นักศึกษา ทั้งแกนนำ แกนตาม แทนที่จะยอมศิโรราบกลับฮึกเหิม "ปืนต่อปืนยิงมามันยิงไป" หนีออกจากเมือง ไปเป็นนักรบจรยุทธ์ต่อสู้ในป่า เปลี่ยนชื่อนำหน้าจากนายนางสาว เป็น สหาย เข้าทางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในขณะนั้น ที่ต้องการให้เกิด "สงครามประชาชน" ไปทั่วทุกหัวระแหง เลือดที่หลั่งรดที่ธรรมศาสตร์ ที่สนามหลวง เพราะฝีมือไทยฆ่าไทยด้วยกัน ลุกลาม ขยายวงไปทั่วทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ แผ่นดินไทยแตกแยกกันยิ่งกว่าตอนเสื้อเหลือง เสื้อแดง ไอ้ที่เย้วๆทำเป็นเก่งกันในสงครามโซเซียลตอนนี้เทียบไม่ได้แม้ขี้เล็บ สู้รบกันจนถึงปี 2523 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแตก สาเหตุที่พรรคแตกมาจากหลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งก็คือการแตกขั้วในฝ่ายสังคมนิยมเองที่แบ่งเป็นคอมฯสายจีน กับ คอมฯสายรัสเซีย เรื่องนี้ซับซ้อนเพราะเวียดนามเป็นคอมมิวนิสต์สายรัสเซีย ฝ่ายรัฐบาลไทยตอนนั้นมีท่าทีเจรจาพาทีกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผลก็คือ พรรคคอมมิวนีสต์จีนยุติการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ไทย "สถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย" ถูกสั่งปิด ปัจจัยอีกหนึ่งก็คือ นโยบายแบบแข็งตัวของแกนนำพรรคคอมมิวนืสต์ไทยที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับแกนนำนักศึกษาที่หนีเข้าป่าไป จนนำไปสู่เหตุการณ์ "วิกฤติศรัทธา" ภายในพรรค ซึ่งนำไปสู่จุดแตกหักในช่วงปี 2522-2523 ระหว่าง "คนรุ่นใหม่" กับ "คนรุ่นเก่า" ในพรรค ตอนนั้น 23 เมษายน 2523 รัฐบาลที่มีนายกฯชื่อ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ได้ออกคำสั่งที่เรียกกันว่า "นโยบาย 66/2523" เปลี่ยนท่าทีจากนโยบายทหารสายแข็งที่เป็นมาตั้งแต่หลัง 6 ตุลาฯ มาเป็น "การเมืองนำการทหาร" โดยกำหนดให้มีการจัดการความอยุติธรรมทางสังคม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองและกระบวนการประชาธิปไตย รวมถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรม สอดคล้องกับคำสั่งอนุญาตให้ "ผู้แปรพักตร์" ผละออกมาจากพรรคเพื่อร่วมเป็น "ผู้พัฒนาชาติไทย" ได้ แปลกันง่ายๆก็คือ ยอมให้ผู้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ ออกมาจากป่า เข้ามอบตัว นักศึกษาที่หนีเข้าป่าแทบทุกคน แม้จะออกมามอบตัวอย่าง "ผู้แพ้" (ทั้งทางความจริงในพรรคที่ต่างจากอุดมการณ์ในความคิด ทั้งทางการเดินเกมการเมืองของรัฐ) แต่สิ่งที่ยังคงเหลือรอดกลับมาก็คือ "ชีวิต" ใครจะเรียกว่า "กุศโลบาย" หรืออะไรก็ตามแต่ แต่นั่นทำให้แผ่นดินที่แตกแยก เข่นฆ่ากันเองมานานหลายปี ได้ยุติลง คนไทยต่างความคิดไม่ต้องจับปืนขึ้นประหัตประหารกันเอง แม้จะไม่สนามฉันท์ ลงรอยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ถูกใจทุกคน แต่สังคมไทยก็เคลื่อนผ่านหัวเลี้ยวหัวต่อตรงนั้นมาได้อย่างเสียเลือดเสียเนื้อน้อยกว่าสถานการณ์แบบเดียวกันในประเทศอื่น แม้จะเป็นนายกฯที่ไม่เคยเป็น ส.ส. ไม่เคยมาจากการเลือกตั้ง พล.อ.เปรม ก็เป็นคนตัดสินใจครั้งสำคัญที่ทำให้ความขัดแย้ง แตกแยกที่เป็นอยู่มานาน คลี่คลายลงไปได้แบบที่เลือดไม่ท่วมแผ่นดิน ต่างกับนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งที่อ้าง "หลักการ" แต่ไม่เห็น "ชีวิต" คนอยู่ในสายตา พร้อมจะทำทุกอย่างโดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติจะวิบัติฉิบหายอย่างไร คำถามก็คือ ถ้าวันนั้นไม่มี "ป๋า" ถ้าวันนั้นไม่มี "66/2523" นักศึกษา และ พรรคคอมมิวนิสต์ จะพบจุดจบเช่นไร? อันนี้นึกหรือจินตนาการไม่ได้ แกนนำนักศึกษาที่เห็นมีหน้ามีตาอยู่ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยก็ดี ในพรรคการเมืองก็ดี น่าจะหายหน้าหายตา ไปหลายคน หรือพวก "สวะประชาธิปไตย" ที่ออกมาสำรอกถ้อยคำต่างๆก็ควรจะสำเหนียกกันเอาไว้หน่อย ถ้า "พวกมึง" ไปอยู่ในสังคมไทย "ยุคก่อนป๋า" ป่านนี้วิญญาณของพวกมึงคงจะรู้แล้วว่า "เผด็จการ" ของจริงเป็นอย่างไร และควรรู้เอาไว้ด้วยว่า ที่ "พวกมึง" ออกมาระเริงกันอยู่ตอนนี้ได้ ก็เพราะ "ต้นตอ" ทางความคิด "อาจารย์ของพวกมึง" ครั้งหนึ่งก็เคย "ยังเหลือชีวิต" รอดออกมาจากป่า มาสั่งมาสอนให้พวกมึงเป็นลิเบอร่านในปัจจุบันได้ ก็เพราะนโยบาย 66/2523 ของ "ป๋า" ยุคเสรีติดเน็ต ใครจะด่าใครมันห้ามกันไม่ได้แล้ว พวกอาจารย์ทั้งหลายที่เคยเป็น "อดีต พคท." และยังเป็นคนสั่งคนสอน ลิเบอร่าน ธนาธร ปิยบุตร ฯลฯ (มีใครบ้างคงไม่ต้องเอ่ยชื่อ) จะชอบจะชัง "ป๋า" หรือการเมืองของ "ป๋า" แต่เป็นคนทั้งทีก็ให้มี "สำนึก" ไว้หน่อย ไม่ห้ามไม่ปราม ก็บอกไอ้เพนกวิน ไอ้จ่านิว สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหากันหน่อย ว่า พวกมึง ชีวิตกูที่มีมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะ "ป๋า"
Papakorn ถูกต้องที่สุดครับ รวมถึงพฤษภาทมิฬ 35 ด้วยครับ
26 พ.ค. 2562 เวลา 17.11 น.
อ่านให้จบทุกบรรทัดแล้วตีความความหมายให้ถูก จะเข้าใจครับ
จะซ้ายหรือขวาหรือกลาง ขอให้อยู่ที่ตัวเราเลือก อย่าให้ใครมาจูงจมูกนะครับ การเมืองก็แบบนี้ ดึงทุกเรื่องม่เกี่ยวโยงกันได้ แค่จะด่าคนไม่กี่คน ยังจะดึง ป๋า มาเพื่ออะไร
26 พ.ค. 2562 เวลา 17.48 น.
chievorn เจ้าของบทความนี้ รู้สึกว่าจะพูดถูกแค่ฝ่ายเดียวชึ่งเต็มไปด้วยอัคติ อัคติเหล่านี้ไปปิดบังความจริงอีกด้านหนึ่ง ที่ตัวเองไม่ยอมรับ
ไม่เชื่อก็ลองเอาต้นเหตุทั้งสองฝ่ายมาลงพร้อมกันชิ แล้วแสดงเหตุผลว่า ทำไม อย่างไร ชี้แจงทั้งหมด แล้วให้คนอ่านใช้วิจารณาญาณเอง มิใช้ใช้คำหยาบ โมโห โกรธแค้น มากรอกหูคนรุ่นใหม่อยู่ฝ่ายเดียว คงไม่ถูกหนัก
26 พ.ค. 2562 เวลา 18.56 น.
Auy ใช่หรอครับไม่ใช่เพราะทางการทหารใช้สื่ออยู่ฝ่ายเดียว
เนื่องจากตอนนั้นมีสื่อหลักแค่ไม่เท่าไร
ข่าวสารเลยกระจายไม่ถึงผู้คน
(ผมยอมรับที่ไม่เห็นด้วยกับการล้มอำนาจพระมาหากษัตริ)
แต่การที่ทหารไล่ฆ่าปชช. ก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียวจนนักศึกษาต้องหนีเข้าป่าไปเข้ากับพรรคคอมฯโดยไม่มีทางเลือก
เข้าใจว่าเข้ามาห้ามทัพทั้ง2ฝ่าย
ปล.ที่สำคัญไม่มีป๋าอาจจะไร้ซึ้งร.9ไปแล้วอันนี้สิเรื่องจริง
ต้องยอมรับจริงๆณ.เวลานั้นทหาร ตร.อำนาจล้นมือ
ที่สำคัญมีทหารบางคนคิดรวบอำนาจจริงๆ
26 พ.ค. 2562 เวลา 17.14 น.
เศร้าจังเพิ่งเห็นออกทีวีไม่นานนี้😢😢
26 พ.ค. 2562 เวลา 16.56 น.
ดูทั้งหมด