29 ก.พ.63-นายพิภพ ธงไชย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความมีเนื้อหาดังนี้
ไกลกังวล
เป็นคำที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ ทรงพระราชทานนามไว้สมความหมาย “ไกลกังวล” ไกลจากผู้คน ไกลจากความวุ่นวายของเมืองหลวง จาก ๒๔๗๒ มาถึง ๒๕๖๐ กรุงเทพฯก็ยังคงมีความวุ่นวายไม่รู้จบ ไม่รู้สิ้น
วันนี้หลบการเมืองอนาคตใหม่และพลเอกประยุทธ์มาได้ ก็ปลอดโปร่งไปเยอะ
ข่าวว่านักศึกษาเริ่มประท้วงส่งสัญญาณความไม่พอใจที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึงเด็กโรงเรียนมัธยม มีคนไปแอบถามว่ารู้สาเหตุการยุบพรรคอนาคตใหม่ไหม เด็กๆบางคนตอบว่า”ไม่รู้หรอก แต่เห็นว่าไม่ควรยุบ”
ก็เหมือนสมัย ๑๔ ตุลา. เรานักศึกษายุคนั้นไม่รู้หรอกว่ารัฐธรรมนูญหน้าตาเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าถ้ามี รธน.ก็มีเลือกตั้ง จะได้พ้นเผด็จการทหารเสียที มันยาวมาตั้ง ๑๖ ปี
มาคราวนี้ถึงจะยาวไม่เท่า แต่ รธน.ก็ออกแบบให้ทหารเป็นรัฐบาลอยู่ยาวต่อไปได้ถึง ๒๐ ปี ยาวกว่าสมัย ๑๔ ตุลา.
การยุบพรรคอนาคตใหม่ คนจึงมองแบบเข้าใจว่าเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามเผด็จการทหารในสภาฯไปเปาะหนึ่ง และอาจทำให้เสียงสนับสนุนรัฐบาลได้เพิ่มขึ้น
ถ้าทหารไม่ตระหนักในเรื่องนี้ การลุกฮือเที่ยวนี้ก็อาจจะยาว และยากจะคาดเดาได้ว่าจะไปลงเอยแบบไหน
ประวัติศาสตร์การลุกฮือของมวลชน ไม่ว่าจะในสมัยพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ ๒ หรือในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ แห่งฝรั่งเศส หรือในสมัยพระนางซูสีไทเฮา ความรีๆรอๆ ของการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงประเทศให้ทันกับอารมณ์ของมวลชน ที่มีปฎิกิริยาต่อผู้กุมอำนาจรัฐ เป็นเหตุให้สถาบันชนชั้นปกครองถูกกวาดออกจากหน้าประวัคิศาสตร์ของยุคสมัย
รัสเซียกลายเป็นคอมมิวนิสต์ ฝรั่งเศสกลายเป็นสาธารณรัฐ จีนกลายเป็นคอมมิวนิสต์ มีแต่อังกฤษที่ราชวงศ์วินด์เซอร์ปรับตัวได้ทัน จึงคงเป็นระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ จนถึงวันนี้
ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงปรับตัวทันทำให้ไม่ถูกอังกฤษและฝรั่งเศสยุคล่าเมืองขึ้น มายึดเป็นอาณานิคม
แต่พอถึงรัชกาลที่ ๗ พระองค์ทรงรีๆรอๆจะพระราชทาน รธน.ดีหรือไม่ ก็ถูกกลุ่มนักเรียนนอก ทั้งทหารและพลเรือน ยึดอำนาจเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก่อนหน้านั้นก็มีความพยายามในสมัยรัชกาลที่ ๖ มาทีหนึ่งแล้ว แต่ไม่สำเร็จ
มาสมัยปัจจุบันที่การปกครองถูกสลับไปมาระหว่างทหารกับพลเรือนมาตั้งแต่ ๒๔๗๕ ก็ไม่เคยมีการปฏิรูปใหญ่อีกเลย ปัญหาจึงมักหมม จนกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำอันดับต้นๆของโลก ขณะที่กระแสต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศมาตั้งแต่ ๑๔ ตุลา. ๒๕๑๖ จนเกิดเหตุการณ์พฤษภา. ๓๕ ถึง รธน. ๒๕๔๐ ที่มีเจตนารมณ์ชัดเจนจะให้มีการปฏิรูปประเทศ แต่ก็เจอกับระบอบทักษิโณมิกส์ จนเกิดการชุมนุมใหญ่ ๓ กลุ่ม ๓ ครั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ฉวยโอกาสเข้ามายึดอำนาจ แต่ก็ไม่ตระหนักว่าสังคมไทยต้องการปฏิรูปใหญ่มากๆ จึงไม่ทำอะไรเลยที่จะปรับประเทศให้หมดความเหลื่อมล้ำและเกิดความเป็นธรรม
ถ้าทหารกับพลเอกประยุทธ์ยังรีๆรอๆจดๆจ้องๆ คิดแต่จะสืบทอดอำนาจทหารต่อไป ก็จะถึงจุดจบ และคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าสังคมไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในไม่ช้า ที่ยากจะควบคุมทิศทางการปฏิรูปที่จะนำไปสู่การปฏิวัติครั้งใหม่นี้ได้
วันนี้ทหารกับพลเอกประยุทธ์ยังมีโอกาส ถ้าชิงการนำการปฏิรูปมาอยู่ในมือของตัวเอง เหมือนในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงตัดสินพระทัยสร้างระบบราชการแบบสมัยใหม่ขึ้นมานำการปฏิรูป โดยการเตรียมการมาตั้งแต่สมัยในหลวงรัชกาลที่ ๔ โดยเปิดเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น สร้างระบบการศึกษาสมัยใหม่ จากจุฬาลงกรณ์ฯต่อถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง หลัง ๒๔๗๕
แต่ทุกอย่างก็หยุดนิ่ง การแข็งตัวในระบบราชการจึงสืบเนื่องมายาวนาน จนเกิดกลุ่มทุนผูกขาดสมัยใหม่ที่ร่วมมือกับทหารและนักการเมือง ทำให้บ้านเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในภูมิภาคนี้ กลายเป็นประเทศด้อยพัฒนา ที่มีคนจน และมีช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวย ถ่างกว้างมากขึ้น ระบอบการปกครองที่ถูกควบคุมโดยทหารมายาวนาน ได้สร้างความไม่เป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทยเพิ่มขึ้น และนับวันจะมากขึ้น
บทเรียนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่เกือบเสียทีฝรั่งเศสและชาวกรีก จนพระเพทราชาตัดสินใจทำรัฐประหารขับไล่ทหารฝรั่งออกหมดและจับชาวกรีก พระยาวิไชเยนทร์ฆ่าเสีย แต่ก็ไม่ได้ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินให้ทันสมัย สุดท้ายก็นำไปสู่การเสียกรุงศรีอยุธยา เสียบ้านเสียเมืองเมื่อปี ๒๓๑๐ จนนำไปสู่การสร้างเมืองหลวงใหม่ ที่อยู่ยาวมาถึงวันนี้
บทเรียนประวัติศาสตร์ของเราเองและประเทศทั่วโลก ชนชั้นนำที่ปกครองประเทศอยู่ในขณะนี้จะตระหนักไหมว่า เสียงเตือนจากนิสิตนักศึกษา นักเรียน ที่ลุกขึ้นมาแล้วในวันนี้ ถ้ากรรมกรชาวนา ชาวบ้านในชนบทและในเมือง เข้าร่วม ก็ยากจะควบคุมทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดนี้ได้
เขียนจบเสร็จกลับไปอ่านหนังสือ”หลายๆ ครั้งในชีวิต” ของ อัศศิริ ธรรมโชติ คนหัวหิน พร้อมๆกับฟังเพลง BOLERO ของ Ravel ต่อด้วยเพลง Don’t Cry for Me Argentina และจบด้วยเพลง Imagine ของ John Lennon เพื่อความหวังที่ยังมีอยู่
และขอรำลึกถึงพี่สุเทพ วงศ์กำแหง ศิลปินที่มีจิตสำนึกทางการเมืองร่วมสมัยเสมอ
เขียนจากหัวหิน ที่ไกลกังวลตามพระราชปรารภของในหลวงรัชกาลที่ ๗
พิภพ ธงไชย FB : Pibhop Dhongchai 27/2/2563
A มีเหตุมีผลน่ารับฟังมากครับ
แต่อย่าลืมว่า คุณก็เป็นคนนึง ที่เป็นแกนนำการประท้วง
ซึ่งส่งผลมาจนถึงวันนี้ด้วย
28 ก.พ. 2563 เวลา 11.15 น.
ณัฐพงษ์ ว่าไงไอ้สุเทพ ไอ้สุวิทย์ อี่เสรีกระเทยเฒ่า ไอ้สลิ่มเหลือง ไปเอาทหาร มา สะใจละสิ
28 ก.พ. 2563 เวลา 10.49 น.
คุณชาญ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่คนไม่รู้หน้าที่ กองทัพไม่รู้หน้าที่ รัฐบาลไม่รู้หน้าที่ ประชาชนก็ไม่รู้หน้าที่ โดยเฉพาะหน้าที่พลเมืองของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย บ้างก็ไม่ทำหน้าที่ บ้างก็ทำเกินหน้าที่ ประชาธิปไตยของไทยจึงไม่ราบลื่นและไม่เติบโตแข็งแกร่งอย่างที่ควรเป็น มีแต่คนที่ต้องการอำนาจเพื่อประโยชน์แห่งตนโดยใช้ชาติและประชาชนเป็นข้ออ้าง จึงไม่มีใครสนใจฟังคำเรียกร้องของประชาชน บางส่วนก็ทำเกินหน้าที่รวมกลุ่มสร้างเงื่อนไขเรียกร้องให้ทหารทำเกินหน้าที่ด้วยการยึดอำนาจเหมือนที่พวกคุณเคยทำไงครับ
28 ก.พ. 2563 เวลา 10.49 น.
GREE'36 ภิภพคนหนึ่งละที่ทำแบบนี้มาใช่ป่าวอาจจะเพราะแก่ไปนึกถึงลูกหลานทันเวลา
28 ก.พ. 2563 เวลา 11.28 น.
ว่าที่ร.ต.สามารถ ลูกปู แม่ปู ลูกปู แม่ปู ลูกปู แม่ปู ๆ ๆ ...
28 ก.พ. 2563 เวลา 11.21 น.
ดูทั้งหมด