เมื่อปชช. กลัว“อำนาจ” มันก็จะ“สิงสู่” ปชช. ครอบงำ-ควบคุมให้ทำในแบบที่มันต้องการให้เป็น!
อีกหนึ่งหนังไทยที่น่าไปดูในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นหนังผีสุดระทึกอย่าง “สิงสู่” โดย "วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” ที่เมื่อมานั่งวิเคราะห์กันแล้ว หนังผีเรื่องนี้ไม่ธรรมดา แม้การเล่าเรื่องหรือองค์ประกอบศิลป์บางอย่างจะดูธรรมดา ไปบ้าง แต่ประเด็นทางการเมืองที่แทรกไว้นั้น “ร่วมสมัย” เลยทีเดียว
เหตุการณ์ของ “สิงสู่” เกิดขึ้นภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่ตั้งเป็น “สำนักจิตต์อสงไขย” จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 (บังเอิญกับที่ประเทศเรามีรัฐประหารอย่างเหมาะเจาะ) ดำเนินงานโดย “นายแม่” ผู้เป็นใหญ่ และมีตัวละครต่าง ๆ เป็นศิษยานุศิษย์ และกลุ่มลูกศิษย์เหล่านี้เองคือตัวแทนของกลุ่มคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นคนที่มุ่งแต่ปกป้องประโยชน์ตัวเอง คนที่หวาดหลัวต่อการสูญเสีย คนที่ยึดมั่นต่ออุดมการณ์อย่างไม่สั่นคลอน คนที่ไม่สนไม่แคร์อะไรและคอยแต่มองหาการปกป้องจากคนอื่น ซึ่งนายแม่นี่เอง คือตัวแทนของเป็นใหญ่ในสังคมที่หวังจะควบคุมทุกอย่างตามที่ตนประสงค์โดยไม่เลือกวิธีการ
เรื่องราวมามีปัญหาตรงที่ “นายแม่” ได้ประกอบพิธีกรรมเชิญดวงวิญญาณขึ้น หวังคืนชีพลูกชายที่ตายไป แต่บังเอิญว่าวิญญาณนั้นกลับกลายเป็นวิญญาณร้ายและได้หลุดเข้ามายังสำนักแห่งนี้และเริ่มผลัดกัน “เข้าสิง” ตัวละครแต่ละตัว จากคนนั้นไปยังคนนี้
แล้วพิธีของนายแม่นั้นต่างอะไรกับการเชื้อเชิญขั้วอำนาจทางการเมืองเข้ามาเพื่อหวังเปลี่ยนถ่ายอำนาจไปในทิศทางที่ต้องการ ในตอนปี พ.ศ. 2549 กัน? ผลกลับกลายเป็นสถานการณ์เรื้อรังและกัดกินคนไทยมาจนถึงวันนี้ ผลัดเปลี่ยนกันสิงจากกลุ่มหนึ่งไปยังกลุ่มหนึ่งตลอดเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา
“ฝังราก ยึดวิญญาณ” วลีที่แปะอยู่หน้าหนัง สื่อถึงเจตนารมณ์ของ วิญญาณร้ายในเรื่องที่เข้าจู่โจมคนที่อ่อนแออย่างชัดเจน ใครที่เริ่มหวาดกลัวก็จะถูกครอบงำได้โดยง่าย เหมือนในตอนนี้ที่ถ้าใครเกรงกลัวต่ออำนาจบาทใหญ่ และยอมจำนนให้กับความชั่วร้าย ก็จะต้องยอมจำนนให้กับอำนาจเหล่านั้น และถูกกลืนกินเข้าไป
คล้ายกับที่เราไม่ชอบการคอร์รัปชั่น แต่สุดท้ายเราก็ทำเสียเอง คล้ายกับที่เราเกลียดการโกงกิน แต่ทำแค่นิ่งเฉย ปล่อยให้มันกัดกินจิตใจของเราไปเรื่อย ๆ หรือยอมให้ลมปากและมายาคติที่นักการเมืองคอยกล่อมประสาทของเราครอบงำเราจนเสียความถูกต้องที่เรายึดถือไว้ ไม่ต่างอะไรกับผีร้ายที่คอยกัดกินเราจากภายนอกสู่ภายในและยึดตัวตนของเราไปในที่สุด
“สิงสู่” คือหนังที่คนดูหันไปทางไหนก็ไม่สามารถพึ่งพาอะไรจากตัวละครไหนได้เลย นายแม่ที่ต้องสู้กับผีแต่ก็มีความชั่วร้ายอยู่กับตัว หรือบรรดาศิษย์ที่ก็เต็มไปด้วยความโป้ปดมดเท็จ แม้แต่ฝ่ายผี ที่อยากจะเชียร์ให้สิงร่างให้สำเร็จๆ ไปเสีย แต่ก็ดูชั่วร้ายเสียเหลือเกิน นี่คือสังคมการเมืองไทย ที่จะสนับสนุนใครก็ทำได้ไม่เต็มปาก เพราะเรารู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครทำเพื่อประโยชน์คนอื่นอย่างแท้จริง ต่างก็ทำเพื่อตัวเองกันก่อนทั้งนั้น
“สิงสู่” จึงไม่ใช่แค่หนังผีที่ดูเอาสนุกอย่างเดียว แต่ยังแฝงไว้ด้วยประเด็นทางการเมือง จนเราสงสัยว่า
แล้วตกลงผีหรือคนอะไรที่น่ากลัวกว่ากัน…
JAMES คนน่ากลัวมากกว่า. ทุกคนทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น จงจำใส่หัวกะลามึงไว้!!!!!
19 ธ.ค. 2561 เวลา 01.09 น.
บ้าอำนาจคือ ถ้าได้แล้วไม่ยอมลง สารต่อให้ตัวเองได้เปรียบ กลัวความผิดที่ทำใว้จะย้อนหลังมาเล่นงานเอา แก้กฎหมายเพื่อปกปิดด้วย
19 ธ.ค. 2561 เวลา 01.16 น.
krit ยิ่งกว่าน่ากลัวคือ สืบทอดอำนาจ
19 ธ.ค. 2561 เวลา 02.01 น.
Surachai (Tui) พาดหัวเรื่อง เหมือนเรื่องจริงของไทย ในยุค คสข เลย
19 ธ.ค. 2561 เวลา 01.31 น.
อาจารย์ ทองดี องค์กรณ์อิสระ
แต่งตั้งโดยคณะปฏิวัติ
แล้วจะไปเหลือความชอบทำที่ไหนกัน
จึงกลายเป็นซุ้มโจรไงครับ
19 ธ.ค. 2561 เวลา 01.57 น.
ดูทั้งหมด