ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

สหรัฐออกอาการพ่าย”สงครามการค้า”

Money2Know
เผยแพร่ 18 ม.ค. 2562 เวลา 05.46 น. • money2know - เงินทองต้องรู้

โรเบิร์ตไลท์ไธเซอร์ผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR) ขวางลำสตีเวนมนูชินรัฐมนตรีสหรัฐคลังที่มีแนวทางให้สิ่งจูงใจกับจีนเพื่อเร่งรีบให้รัฐบาลจีนยอมทำข้อตกลงการค้าทวิภาคีระหว่างสหรัฐและจีนในระยะยาวนั้นกลับเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนแอในนโยบายการค้าของสหรัฐ

หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังหารือเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งอาจจะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าบางอย่าง หรืออาจจะยกเลิกทั้งหมด โดยมีเป้าหมายะลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นอกจากนี้ ยังหวังว่าจะเป็นแรงจูงใจกับฝ่ายจีน เพื่อแลกกับสัญญาการค้าในระยะยาวฉบับใหม่ ซึ่งจะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดการเงินเสถียรภาพขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมาต้องประสบกับความผันผวนอย่างรุนแรง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะกระทบต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงจนถึงการเกิดภาวะถดถอยรุนแรง

รวมทั้งเป็นโน้มน้าวให้จีนยอมทำข้อตกลงการค้าทวิภาคี และเพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน หลังจากที่ตลาดประสบกับความผันผวนอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกมาปฏิเสธในวันนี้ ยีนยันว่า ทั้งสตีเวน มนูชิน และโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับแนวทางการต่อรองเจรจาการค้ากับจีน ตามที่เป็นรายงานข่าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยที่ทีมงานสหรัฐเตรียมรับเจรจาการค้าในระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีรายงานว่า หลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางมาสหรัฐในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ เพื่อเปิดการเจรจากับสหรัฐรอบใหม่

คณะทำงานชุดเจรจาการค้าในระดับรัฐมนตรี ประกอบด้วย สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ วิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์ และโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทน USTR รวมทั้งไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ จะร่วมทีมในการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2019 ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 22-25 มกราคมนี้ 

ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถอนตัวจากการเข้าร่วมประชุมครั้งนี้ โดยคาดว่า ทีมงานสหรัฐอาจจะได้หารือกับหวัง ฉีชาน รองประธนาธิบดีจีน ซึ่งจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ในช่วงปีที่ผ่านมา ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้เกิดการตอบโต้ในการใช้มาตรการภาษีโดยสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนระลอกแรก 50,000 ล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% และต่อมาได้เรียกเก็บอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ในขยักแรกที่อัตรา 10% โดยพักการดรียมเรียกเก็บเพิ่มเป็นอัตรา 25% ซึ่งมีการพักการเก็บภาษีเพิ่มจนกว่าการเจรจาการค้าจะครบกำหนด 90 วันในเดือนมีนาคมนี้ 

ขณะที่ฝ่ายจีนตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็นมูลค่า 113,000 ล้านดอลลาร์ แต่ท่ามกลางสงครามการค้าที่เกิดขึ้น จีนยังคงเกินดุลการค้ากับสหรัฐในปี 2018 สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 323,000 ล้านดอลลาร์  เทียบกับปีก่อนหน้าที่ระดับ 275,000 ล้านดอลลาร์

ถึงแม้ว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดการเงินปีที่แล้วอ่อนไหวและผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท ที่พุ่งขึ้นร้อนแรงในช่วง 8 เดือนแรก ได้พลิกเป็นการปรับตัวลดลงถึง 20% จากจุดพีคที่สุดในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

นับตั้งแต่ต้นปี 2019 นี้ การลงทุนของตลาดหุ้นทั้งในวอลล์ สตรีท และทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ดิ่งลงถึง 30% ในปีที่แล้ว ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนี Global X MSCI China Consumer ที่ลงทุนในสินค้าทั่วไป และ Global X MSCI Consumer ที่เป็นสินค้าหลักๆ มีการปรับตัวขึ้น 7.2% และ 6.3% ตามลำดับ ได้ส่งผลให้ดัชนี S&P  500 ของสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันที่ระดับ 5.2%

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 4
  • cob
    ทั้งเมกา ทั้งจีน อยากครองโลกทั้งคู่ ชาติเล็กๆอย่างเราต้องเอาตัวรอดให้ได้
    18 ม.ค. 2562 เวลา 14.38 น.
  • saansol
    ไทยจะพลอยซวยไปด้วยดิยักษ์สองตัวตีกันใครล้มไทยเราโดนดึงเรื่องการส่งออกประกอบกับค่าเงินบาทแข็งค่าต้นทุนสูงขึ้นขายแพงแล้วตลาดก็หดตัวสำนักการเงินทั้งหลายว่าขยายตัวแค่4%เอง
    18 ม.ค. 2562 เวลา 13.00 น.
  • Pruek
    ทรัมป์ผีบ้า จะคอยดูเลือกตั้งสมัยหน้า ถ้ามันยังได้อีกก็ลาก่อยล่ะ
    18 ม.ค. 2562 เวลา 12.57 น.
  • Tandy
    เงาของเสรีประชาธิปไตยคือบริโภคนิยม ไม่ง่ายที่จะมากดดันคอมมิวนิสต์ที่ผู้นำมีวินัยและรู้ทันเล่ของพวกอยากครองโลก
    18 ม.ค. 2562 เวลา 12.16 น.
ดูทั้งหมด